Farmless เป็น Startup จากเนเธอแลนด์ผู้มาพร้อมกับแนวทางการสร้างโปรตีนด้วยวิธีการเกษตรแบบใหม่เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ทำให้ทำการผลิตทางการเกษตรยากขึ้น และรองรับประชากรโลกที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดบริษัทได้ระดมทุนรอบ Pre-seed เป็นจำนวนเงิน 1.2 ล้านยูโร
Farmless คือ Startup ด้าน Agritech จากเนเธอแลนด์ที่ต้องการสร้างโปรตีน โดยไม่ใช้ที่วิธีการเกษตรแบบดั้งเดิม เช่น การทำฟาร์ม เป็นต้น
โดยในการระดมทุนครั้งนี้มีการร่วมทุนกับกลุ่ม Venture ในด้านสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น Sustainable Food Ventures (SFV) และ VOYAGERS Climate-Tech Fund
Adnan Oner ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Farmless เชื่อว่าวิธีการใหม่ในการผลิตโปรตีนนี้ สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกสำหรับอาหารที่เรากินและวิธีการที่เราผลิตอาหารได้
การเกษตรและการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์แบบดังเดิมและที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มักจะทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าไม้ และกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพไม่ว่าจะเป็น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้สารกำจัดศัตรูพืช หรือเกิดการลดลงของน้ำจืดรวมไปถึงการพังทลายของดิน ซึ่งประมาณ 90% มักจะเกิดในพื้นที่เขตร้อน
ภาพจาก : Farmless
วิธีการที่ Startup ด้าน Agritech ทำส่วนใหญ่เป็นหมักด้วยการนำโปรตีนที่มาจากเซลล์เดียวและ ใช้ก๊าซไฮโดรเจนรวมถึงคาร์บอนไดออกไซด์ ยกตัวอย่างเช่น Solar Foods ของฟินแลนด์ Air Protein จากแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่การของวิธีการที่ Farmless ใช้กลับแตกต่างออกไป
วิธีการที่ Farmless ใช้เป็นกระบวนการหมักที่ไม่ต้องพึ่งน้ำตาลแต่จะใช้วัตถุดิบที่เป็นของเหลว ที่ประกอบไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน พลังงานทดแทนอย่างเช่น ไฟฟ้าหมุนเวียน และใช้แบคทีเรียที่ Non-GMO เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายขึ้นก็คือ เหมือนกับการต้มเบียร์ แต่นี่คือการต้มจุลินทรีย์ที่เลือกมาเพื่อเป็นอาหาร กระบวนการนี้แตกต่างจาก Startup รายอื่นๆที่จะใช้ ก๊าซที่เป็นก๊าซเฉยๆ และเซลล์ในห้อง Lab
การทำไร่นาการเกษตรหรือการทำฟาร์มปศุสัตว์ล้วนขึ้นอยู่กับประเภทของฟาร์มที่เราต้องการจะทำ ยกตัวอย่างเช่น เลี้ยงโคกระบือ ต้องใช้พื้นที่ 1 ตัวต่อ 5 ไร่ อ้างอิงจาก ประกาศกระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย
การผลิตโปรตีนแบบใหม่ของ Farmless จะใช้พื้นที่น้อยลงถึง 100- 500 เท่าเมื่อเทียบกับพื้นที่ สำหรับการเลี้ยงสัตว์หรือผลิตโปรตีนจากสัตว์ และใช้พื้นที่เพียง 10-100 เท่าเมื่อเทียบกับ การปลูกพืชหรือการเกษตร อีกทั้งแทบไม่ต้องใช้ที่ดินในการผลิต
เราเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพที่จะสามารถยุติการเลี้ยงสัตว์ในโรงงาน เปลี่ยนแปลงพื้นผิว ของดินให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ, และลดปริมาณคาร์บอนออกจากบรรยากาศได้หลายล้านกิกะตัน
Adnan Oner CEO ของ Farmless กล่าว
Farmless มองว่าวิธีการผลิตหมักโปรตีนแบบใหม่นี้จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างอาหารแบบทดแทนได้ และเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้มากขึ้น ลดพื้นที่สำหรับเกษตรกรรมลง และ ลดการผลิตอาหารจากเนื้อสัตว์
ภาพจาก : Farmless
แม้ว่าภาพรวมระหว่างบริษัทและนักลงทุนจะเป็นไปในเชิงบวก แต่หลังจากนี้ Farmless อาจต้องเจออุปสรรคจากหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA)
ในสหภาพยุโรปผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆต้องได้รับการประเมินโดยหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป หรือ EFSA ก่อนที่จะมีการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการยุโรปสำหรับ การอนุญาตทำตลาดในลำดับต่อไป
โดย EFSA พิจารณาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ทั้งหมดในการประเมินความเสี่ยงภายใต้ กฎหมายของสหภาพยุโรป ผู้สมัครที่ขอใบอนุญาตดังกล่าวจะต้องให้ข้อมูลที่จำเป็นและ ข้อมูลที่สนับสนุนความปลอดภัยของวัตถุเจือปนในอาหาร ตามข้อกำหนดของ EFSA
ในการตรวจสอบของ EFSA จะมีเครื่องมือประเมินการสัมผัสสารเฉพาะที่ทาง EFSA คิดขึ้น หลักๆในการประเมินคือ
แต่เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของ Farmlessจึงยังเป็นอุปสรรคทั้งการยอมรับและการทดสอบในการ ให้ผู้คนรับประทานเนื่องจากเป็นโปรตีนเทียมแบบใหม่จึงไม่สามารถรับฟีดแบ็คจากลูกค้าได้ และอาจต้องใช้ระยะเวลาที่นานถึงจะได้รับการรองรับ
ในเนเธอแลนด์ยังมีกฎข้อบังคับในเรื่องของการผลิตของหมักและการส่งผลิตภัณฑ์ไปสู่ผู้บริโภค กรณีของ Farmless จะเป็นในเรื่องของผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ยังมีข้อบังคับที่ซับซ้อน
Adnan Oner มองว่ารัฐบาลและเอกชนควรมีการสนับสนุนเทคโนโลยีนี้เหมือนกับที่สนับสนุน รถยนต์ไฟฟ้าหรือ พลังงานทดแทนต่างๆ เพราะเมื่อได้รับการสนับสนุนนั้นจะทำให้ผลิตภัณฑ์นี้
มีราคาที่จับต้องได้กับบุคคลทั่วไปในที่สุด แม้ว่าจะมีอุปสรรคจากกฎเกณฑ์ต่างๆ และการยอมรับจากผู้คนที่ยังต้องการโปรตีนจากสัตว์จริงๆรวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้มีศักยภาพมากขึ้น
ที่มา : TechCrunch, Food Matters Live, EFSA, ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด