
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับจุดบรรจบของ “วัฏจักรสุดยอดทางเทคโนโลยี” (Technology Supercycle) ทั้ง Quantum Computing, Generative AI และเทคโนโลยีชีวภาพ คำถามสำคัญที่ดังก้องในแวดวงนวัตกรรมไม่ใช่แค่ “เราจะสร้างอะไรต่อไป?” แต่คือ “เราจะวิวัฒนาการทันโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดได้อย่างไร?”
จากเซสชั่น Quantum Leap to Regenerative Futures: The Dawn of Symbiosis, Marc Buckley นักอนาคตศาสตร์เชิงฟื้นฟูและนักเศรษฐศาสตร์เชิงนิเวศ ได้ส่งสารที่ทรงพลังและท้าทายกรอบความคิดเดิมๆ ของเราอย่างถึงรากถึงโคน เขาเริ่มต้นด้วยประโยคที่ทุกคนต้องหยุดฟัง
“ในโลกที่กำลังวิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดดทุกวินาที หากคุณปรับปรุงเพียงเล็กน้อย คุณจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน”
บทสนทนานี้ไม่ได้เป็นเพียงการคาดการณ์อนาคต แต่คือการถอดรหัสธรรมชาติที่ซ่อนคำตอบของการอยู่รอดไว้ และชี้ให้เห็นว่าเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า “ความยั่งยืน” กำลังรอเราอยู่
ภาพลวงตาแห่งความก้าวหน้า และนิยามของคำว่า “ความยั่งยืน” ที่เราต้องทบทวนอีกครั้งคุณเคยลองหลับตาแล้วจินตนาการถึง “บ้าน” ของคุณหรือไม่? Marc ได้ชวนผู้ฟังนับพันให้ทำเช่นนั้น ก่อนจะฉายภาพ “ดาวเคราะห์โลก” ขึ้นมา แล้วถามคำถามง่ายๆ ว่า “มีใครเห็นภาพนี้เป็นบ้านของท่านบ้าง?”
ผลลัพธ์น่าตกใจ มีคนยกมือเพียงไม่กี่คน Marc เผยว่าจากการที่เขาถามคำถามนี้กับคน 500 ล้านคนทั่วโลก มีไม่ถึง 0.000001% ที่จินตนาการว่าโลกคือบ้านของพวกเขา “นี่คือปัญหาใหญ่หลวง” เขากล่าว “มันคือความผิดพลาดในการเชื่อมโยง (Disconnection) ที่หยั่งรากลึก”
ความรู้สึกไม่เชื่อมโยงนี้เองที่ทำให้เราแก้ปัญหาระดับโลกไม่ได้ และมันยังสะท้อนอยู่ในเป้าหมายที่พวกเราหลายคนกำลังไล่ตาม นั่นคือ “ความยั่งยืน” (Sustainability)
Marc เสนอความคิดเห็นต่อแนวคิดนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า “ความยั่งยืนนั้นไม่ยั่งยืน (Sustainability is not sustainable)”
“หากคุณพยายามบรรลุแค่ความยั่งยืน คุณกำลังติดอยู่ในอดีต” เขากล่าว พร้อมเปรียบเทียบกับ ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow's Hierarchy of Needs) ว่าความยั่งยืนเป็นเพียงชั้นล่างสุดของการดำรงชีวิตเท่านั้น:
“นี่คือพื้นฐานของชีวิต คือสิ่งที่จำเป็นขั้นต่ำสุด เราไม่ต้องการแค่รอดชีวิตด้วยปัจจัยพื้นฐาน เราต้องการชีวิตที่เฟื่องฟูและเติบโต เราไม่ได้อยู่ในธุรกิจของ ‘ธุรกิจ’ เราอยู่ในธุรกิจของ ‘ชีวิต’ และชีวิตคือวิวัฒนาการเชิงฟื้นฟู”

ปัจจุบัน เราอยู่ในยุคที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า แอนโทรโปซีน (Anthropocene) ยุคที่มนุษย์เป็นผู้สร้างผลกระทบต่อระบบโลกมากที่สุด ซึ่ง Marc นิยามว่าเป็น “ศัพท์ที่บ่งบอกว่ามนุษย์เลวร้ายต่อบ้านเพียงหลังเดียวของเราเพียงใด” เราหมกมุ่นกับการแข่งขัน การสกัดใช้ทรัพยากร และการสร้างลำดับชั้น
แต่ทางออกไม่ใช่การย้อนกลับ แต่คือการก้าวไปข้างหน้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า ซิมไบโอซีน (Symbiocene) ซึ่งเป็นแนวคิดจากหนังสือ "Earth Emotions" ของ Glenn Albrecht
Symbiosis หรือภาวะพึ่งพาอาศัยกัน คือหัวใจของยุคใหม่นี้ Marc นิยามว่ามันคือ “รูปแบบของนวัตกรรมเชิงวิวัฒนาการที่เร็วและทรงพลังที่สุดในโลก” ซึ่งเร็วกว่า Quantum, AI และเทคโนโลยีชีวภาพใดๆ เพราะมันคือ “ความร่วมมือและการทำงานร่วมกัน (Cooperation and Collaboration)”
นี่ไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่เป็นกฎพื้นฐานของธรรมชาติที่ขับเคลื่อนชีวิตมานานกว่า 3.8 พันล้านปี ดังที่ Lynn Margulis นักชีววิทยาชื่อดังได้อธิบายไว้ในหนังสือของเธออย่าง "The Symbiotic Planet" และ "Microcosmos" ว่าชีวิตบนโลกไม่ได้เริ่มต้นและวิวัฒนาการมาจากการแข่งขัน แต่มาจากการพึ่งพาอาศัยกันของสิ่งมีชีวิตในระดับจุลภาค

“ในทางชีววิทยา เช่นเดียวกับในชีวิต และในทุกระบบสิ่งมีชีวิต... 1+1 ไม่มีวัน ไม่มีวัน ไม่มีวัน... เท่ากับ 2”
Marc ยืนยันประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อทลายตรรกะแบบเส้นตรงที่เราคุ้นเคย เขาอธิบายว่าผลลัพธ์ของการรวมพลังในสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นแบบ Super Exponential และเข้าใกล้ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า อุโมงค์ควอนตัม (Quantum Tunneling)

เมื่อทฤษฎีชัดเจนแล้ว เราจะนำไปปฏิบัติได้อย่างไร? Marc ได้โชว์โปรเจกต์ Dynex Moonshots ซึ่งเป็นตัวอย่างที่จับต้องได้ของการนำหลักการนี้มาใช้
โปรเจกต์นี้ใช้ Quantum Engine เพื่อสร้าง Digital Twin ของเกาะ Hvar ในโครเอเชีย เพื่อวางแผนการพัฒนาเชิงฟื้นฟู โดยมีความสามารถในการ
นี่คือพลังของ Regenerative Development (การพัฒนาเชิงฟื้นฟู) ซึ่งนิยามว่าคือ “การสร้างสภาวะที่เอื้อให้ชีวิตเจริญเติบโตและเฟื่องฟู ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง” และมันกำลังจะกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ทางเศรษฐกิจ ด้วยมูลค่าตลาดมหาศาล:
เพื่อตอกย้ำว่าทำไมโมเดลปัจจุบันของเราถึงใช้การไม่ได้ Marc ได้เล่าเรื่องราวจากการศึกษา Handy Study ที่วิเคราะห์ 32 อารยธรรมโบราณที่ล่มสลายไปแล้ว
“ลองคิดถึงดูไบในปัจจุบัน” Marc ชี้ “แรงงานมาจากที่ไหน? ฟิลิปปินส์, ปากีสถาน... เรายังคงใช้โมเดลเดิมที่พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลว”

บทสรุปของ Marc คือการเดินทาง 3 ขั้นเพื่อวิวัฒนาการกระบวนทัศน์ของมนุษย์
“ไม่ใช่สปีชีส์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือฉลาดที่สุดที่จะอยู่รอด แต่คือสปีชีส์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด”
สุดท้ายนี้ Marc ได้ทิ้งท้ายด้วยโครงการ RegenAsia เพื่อช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ในทวีปเอเชีย และเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจเข้าไปพูดคุยกับ AI Avatar ของเขาบนเว็บไซต์ เพื่อสำรวจโลกของ Symbiosis และ Regeneration ได้อย่างไม่รู้จบ
สิ่งที่ Marc Buckley อธิบายบนเวทีนี้จึงเป็นมากกว่าแค่เทรนด์เทคโนโลยี แต่มันคือการเรียกร้องให้เรากลับไปทบทวนกฎพื้นฐานที่สุดของชีวิต และยอมรับว่าทางรอดเดียวของมนุษยชาติในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่การแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้น แต่คือการหันมาร่วมมือกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพื่อสร้างอนาคตที่ไม่ได้แค่ "อยู่รอด" แต่ "เฟื่องฟูและงอกงาม" อย่างแท้จริง
อ้างอิง: Session: Quantum Leap to Regenerative Futures: The Dawn of Symbiosis, Marc Buckley จากงาน Techsauce Global Summit 2025
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด