SAF เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน อุปสรรค และโอกาสครั้งใหญ่ของไทย ถอดแนวคิด Yap Mun Ching ผู้บริหารด้านความยั่งยืนแห่ง AirAsia | Techsauce

SAF เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน อุปสรรค และโอกาสครั้งใหญ่ของไทย ถอดแนวคิด Yap Mun Ching ผู้บริหารด้านความยั่งยืนแห่ง AirAsia

การเดินทางทางอากาศ แม้จะเชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกัน แต่ก็สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การลดคาร์บอนจึงเป็นภารกิจสำคัญของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก และเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) คือความหวังในการพาเราบินสู่อนาคตสีเขียว

ท่ามกลางเทรนด์การบังคับใช้ค่าธรรมเนียมคาร์บอนที่กำลังมาแรงทั่วโลก SAF จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการลดการปล่อยคาร์บอน และหลีกเลี่ยงภาระค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาตั๋วเครื่องบิน และความสามารถในการแข่งขันของสายการบิน

สำหรับประเทศไทยที่มีอุตสาหกรรมการบินที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว การเปลี่ยนผ่านไปสู่ SAF จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน แม้เรามีศักยภาพในการเป็นผู้นำด้าน SAF ในภูมิภาคอาเซียน แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่ต้องได้รับการแก้ไข

Yap Mun Ching หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของแอร์เอเชีย ได้แสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของเชื้อเพลิง SAF ผ่านงาน Thai Aviation Sustainability Day โดยชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคสำคัญคือ ‘ต้นทุนที่สูงลิ่ว’ และ ‘การเตรียมพร้อมของประเทศไทย’

ปัจจุบัน SAF มีราคาแพงกว่าเชื้อเพลิงเจ็ทแบบดั้งเดิมถึง 4 เท่า เป็นภาระหนักอึ้งสำหรับสายการบินที่กำลังฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ยิ่งไปกว่านั้น แม้ประเทศไทยจะอุดมไปด้วยวัตถุดิบทางเลือกมากมาย เช่น ตอซังข้าว อ้อย และกากน้ำมันปาล์ม แต่ระบบการรวบรวม และการแปรรูปยังไม่มีประสิทธิภาพ

'ตอซังข้าว' ซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่มีอยู่มากมายในไทย มีศักยภาพสูงในการผลิต SAF แต่กลับถูกเผาทำลาย ซึ่งเป็นการสูญเสียโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดฝุ่น PM 2.5 สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และลดการนำเข้าน้ำมันดิบ

นอกจากนี้ เธอยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาการจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบสำคัญในการผลิต SAF แม้ประเทศไทยจะมีอาหารริมทางมากมาย แต่ระบบการรวบรวมน้ำมันใช้แล้วกลับไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไทยต้องนำเข้าน้ำมันใช้แล้วจากต่างประเทศถึง 50% 

เธอเสนอให้รัฐบาลริเริ่มโครงการระดับชาติ เช่น การตั้งจุดรับซื้อน้ำมันตามปั๊มน้ำมัน และให้เงินจูงใจแก่ประชาชน เพื่อส่งเสริมการรวบรวมน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง การรณรงค์ให้ความรู้ประชาชน เกี่ยวกับอันตรายของการใช้น้ำมันปรุงอาหารซ้ำ และส่งเสริมให้ใช้น้ำมันใหม่

นอกจากเรื่องวัตถุดิบทางเลือกแล้ว ข้อกำหนด CORSIA (Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation) ซึ่งเป็นมาตรฐานการชดเชยคาร์บอนขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ก็เป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ท้าทาย CORSIA เปรียบเสมือน ‘ข้อตกลงลดโลกร้อน’ ของอุตสาหกรรมการบิน โดยสายการบินที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเกินกว่าที่กำหนด จะต้องชดเชยด้วยการ ‘ซื้อเครดิตคาร์บอน’ หรือใช้ SAF ในสัดส่วนที่กำหนด

Yap Mun Ching ได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศหลายรายในไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ CORSIA ซึ่งอาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการถูกปรับ หรือการไม่สามารถบินเข้าประเทศที่บังคับใช้ CORSIA ได้ ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

จากข้อมูลของแอร์เอเชีย คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบินไทยต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการชดเชย CORSIA สูงถึง 877 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2029 ซึ่งเป็นภาระหนักอึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสายการบินที่ต้องรับผิดชอบถึง 60% ของต้นทุนทั้งหมด ขณะที่ระบบขนส่งสินค้าต้องแบกรับต้นทุนอีก 40%

การลงทุนใน SAF แม้จะมีราคาสูงในระยะแรก แต่ในระยะยาว จะช่วยลดต้นทุนการชดเชย CORSIA ได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นรัฐบาลควรมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน SAF เช่น การให้เงินอุดหนุน การลดหย่อนภาษี หรือการลงทุนใน R&D เพื่อลดต้นทุน SAF และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินไทย

เธอยังชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาโครงการคาร์บอนในประเทศไทยยังไม่เพียงพอ ทำให้สายการบินต้องพึ่งพาการซื้อเครดิตคาร์บอนจากต่างประเทศซึ่งมีราคาสูงกว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการคาร์บอนประเภท Premium T-VER เพื่อสร้างรายได้จากการขายเครดิตคาร์บอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงการคาร์บอนประเภท nature-based solutions เช่น การปลูกป่า แต่ไทยยังต้องผลักดันอย่างจริงจัง

เพื่อปลดล็อคศักยภาพและคว้าโอกาสเหล่านี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องมี 'กลยุทธ์ระดับชาติ' ที่ชัดเจนในการพัฒนา SAF ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การส่งเสริมการวิจัย การสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีการผลิต การสร้างแรงจูงใจทางการเงิน การพัฒนาระบบการรวบรวมวัตถุดิบ และที่สำคัญคือการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันผลักดันให้ SAF กลายเป็นพลังงานขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินไทยสู่ยุคแห่งความยั่งยืน

การสื่อสารกับสาธารณะก็เป็นสิ่งสำคัญ จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจถึงประโยชน์ของ SAF และบทบาทของพวกเขาในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การบินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้บริการของสายการบินที่ให้ความสำคัญกับ SAF การลดน้ำหนักสัมภาระ การเดินทางในช่วงเวลาที่ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน หรือการสนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริม SAF

อ้างอิง : การบรรยายผ่านงาน Thai Aviation Sustainability Day, การสัมภาษณ์ Yap Mun Ching

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

บางจาก ได้สินเชื่อรายแรกในไทย 6,500 ล้านบาทเพื่อพัฒนา SAF จากธนาคารยูโอบี ประเทศไทย

ธนาคารยูโอบี มอบสินเชื่อ 6,500 ล้านบาท สนับสนุนบางจากฯ พัฒนาโครงการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) แห่งแรกในไทย ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุด 80% เพื่อเป้าหมาย Net Zero 20...

Responsive image

One Bangkok จับมือ 5 สถาบันการเงินชั้นนำ รับดีล Green Loan สูงสุดในประวัติการณ์เพื่อพัฒนาโครงการ

One Bangkok ประกาศลงนามสัญญาสินเชื่อสีเขียวระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงการมูลค่า 5 หมื่นล้านบาทร่วมกับ 5 สถาบันการเงินชั้นนำของประเทศไทย ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศ...

Responsive image

เจาะลึกวิกฤตน้ำกับ TCP เมื่อน้ำกำลังจะกลายเป็นของหายาก

วิกฤตน้ำทั่วโลกส่งผลกระทบหนักต่อระบบนิเวศและเศรษฐกิจ TCP เสนอแนวทางแก้ไขผ่าน Nature-based Solutions และกลยุทธ์บริหารจัดการน้ำ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจไทยในยุคโลกร้อน...