Climate quitting เทรนด์การลาออกแบบใหม่ที่ฮิตในกลุ่ม Gen Z และ Millennials | Techsauce

Climate quitting เทรนด์การลาออกแบบใหม่ที่ฮิตในกลุ่ม Gen Z และ Millennials

ถ้าไม่รักษ์โลก ไม่ขอทำงานด้วย วันนี้จะพามาทำความรู้จัก Climate quitting เทรนด์ใหม่คนทำงาน ที่ยอมลาออกถ้าบริษัทไม่มีนโยบายช่วยสิ่งแวดล้อมที่ดีพอ 

‘Climate quitting’ เทรนด์การลาออกแบบใหม่ของกลุ่ม Gen Z และ Millennials

ผลสำรวจ Net Positve Employee Barometer ปี 2023 โดย Paul Polman อดีต CEO บริษัท Unilever ที่ศึกษาพนักงานมากกว่า 4,000 คนในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร พบว่า 73% ของพนักงานกังวลเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม และ 61% ต้องการเห็นบริษัทตระหนักถึงปัญหาและมีจุดยืนในการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มีเพียง 34% เท่านั้นที่คิดว่าบริษัทตัวเองทำได้ดีเรื่องนี้ 

นอกจากนั้น พนักงาน 51% ยอมลาออก ถ้าบริษัทไม่มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง ยังมีอีกส่วนหนึ่งด้วยที่ตัดสินใจลาออกแล้ว (35%) 

เทรนด์ดังกล่าวเรียกกันว่า Climate quitting เป็นส่วนหนึ่งของการลาออกแบบ Conscious-quitting ซึ่งหมายถึงการที่พนักงานยอมลาออกจากบริษัทด้วยเหตุผลทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่เกี่ยวกับเหตุผลเรื่องงานใดๆ 

คนยุคใหม่ อยากทำงานกับบริษัทที่รักษ์โลก 

ตอนสมัครงาน กลุ่ม Gen Z และ Millennials มากถึง 77% จะให้ความสำคัญกับแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับกลุ่ม Gen X และผู้ที่มีอายุมากกว่า (69%) 

ผลการศึกษาของ KPMG พบว่า หนึ่งในสามของคนทำงานอายุ 18 ถึง 24 ปี ในสหราชอาณาจักรปฏิเสธข้อเสนองาน โดยพิจารณาจากรายงานด้าน ESG ของบริษัท

ทางรอดเดียวของธุรกิจคือปรับเปลี่ยน 

ภายในปี 2025 หรือใน 1 ปีข้างหน้านี้ 75% ของคนวัยทำงานจะเป็นรุ่น Millennials นั่นหมายความว่าหากบริษัทไม่มีแผนงานด้าน ESG และการลงมือทำจริงที่เห็นผล คงจะไม่สามารถดึงดูดและรักษาพนักงานดีๆ ไว้ได้ 

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก McKinsey ในปี 2023 ซึ่งสำรวจบริษัทใน 7 อุตสาหกรรมพบว่ามีบริษัทเพียง 19% เท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับหลักคิดและแนวทางปฏิบัติ ESG และมีเพียงองค์กรในยุโรปเท่านั้นที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมมากกว่าองค์ประกอบอื่นๆ (ด้านสังคมและธรรมาภิบาล) ยกตัวอย่างเช่น Unilever ได้ออกแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 และสนับสนุนการยกเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน 

การให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น สอดรับกับอำนาจการเปลี่ยนแปลงจากพนักงานที่มีมากขึ้นด้วย ทำให้ธุรกิจไม่มีทางเลือกจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานให้สอดคล้องกันมากขึ้นตาม 

อ้างอิง : cnbc

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

TCP Sustainability Forum 2024 ชูเรื่อง 'น้ำ' ทรัพยากรที่ธุรกิจต้องเร่งจัดการให้เร็วที่สุด

สาระสำคัญที่ คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวในงาน TCP Sustainability Forum 2024 ซึ่งจัดขึ้นในธีม 'Water Resilience in a Changing Climate'...

Responsive image

คุ้มไหม? ตัดต้นไม้ 5 แสนต้น สร้างโรงงาน Tesla

Tesla เอาอีกแล้ว เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพิ่งมีประเด็นปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มจากปีก่อนถึง 20% ล่าสุดตัดต้นไม้กว่า 500,000 ต้นเพื่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่กรุงเบอร์ลิน ประ...

Responsive image

ธุรกิจค้าปลีกยุค Retail 5.0 เดินหน้าสู่ความยั่งยืนด้วยนวัตกรรมจากฟูจิตสึ

มาร่วมทำความรู้จักกับการให้บริการในยุค Retail 5.0 แบบ Hyper-personalization และ Frictionless retail service ที่กำลังจะมาแรงในอนาคต พร้อมพูดคุยกับคุณคอง เษี่ยว เอี๊ยน, Head of Consu...