ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ธุรกิจที่อยู่รอดและโตได้เร็ว คือ ธุรกิจที่มีรากฐานแข็งแรง บทความนี้ Techsauce จะพามารู้จัก 8 ส่วนผสมสำคัญสร้างวัฒนธรรมการทำงาน (Work Culture) ที่แข็งแกร่ง เพื่อต่อสู้การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วในยุคดิจิทัล
นอกจากทำกำไรแล้ว การมีเป้าหมายที่มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่โลกและสังคม เป็นหนึ่งในวิธีดึงดูดให้ผู้คนสนใจในธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะพนักงานหรือลูกค้า ถ้ามีเป้าหมายที่ตรงกันพวกเขาก็พร้อมที่จะเดินเคียงข้างธุรกิจของคุณท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
ผลสำรวจจาก Deloitte พบว่า เมื่อธุรกิจมีเป้าหมายหรือจุดประสงค์ที่ชัดเจน (นอกเหนือจากการสร้างรายได้) ธุรกิจเหล่านี้จะสามารถดึงดูดลูกค้ามากขึ้น, เติบโตและขยายธุรกิจได้เร็วกว่าคู่แข่ง, รวมถึงพนักงานมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น
ยิ่งเทคโนโลยีเปลี่ยนไปเร็วมากเท่าไหร่ การปรับตัวและตามให้ให้ทันก็ยิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
การส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่พนักงานโดยไม่ต้องไปบอกหรือสั่งให้พวกเขาเรียนรู้ ก็ทำได้หลายวิธี เช่น แทนที่จะชื่นชมเพียงผลงาน ให้ชื่นชมความพยายามและการเรียนรู้ที่แทรกอยู่ในนั้น, หรือการเปิดโอกาสให้พนักงานกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ตามที่พวกเขาสนใจ เพราะมันช่วยให้พวกเขาปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง และปรับปรุงทักษะที่จำเป็นในการทำงานได้เสมอ
ธุรกิจส่วนมากจะมีระบบโครงสร้างภายในบริษัทที่มีระดับอำนาจที่ชัดเจน เช่น ผู้บริหาร ผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ ซึ่งบางครั้งโครงสร้างเหล่านี้ก็ทำให้การทำงานร่วมกันยากขึ้น หลาย ๆ บริษัทจึงเริ่มปรับตัวให้มีลำดับขั้นในบริษัทมีความยืดหยุ่นมากขึ้น บางลำดับขั้นอาจหายไป เพื่อที่แต่ละคนจะขยับมาใกล้กันมากขึ้น และทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น จนสามารถบรรลุเป้าหมายหลักของบริษัทได้
เปิดกว้างในที่นี้หมายถึง เปิดกว้างในการว่าจ้างพนักงานแบบ “Free Agents” หรือการจ้างงานเป็นรอบ ๆ ไป (เช่น จ้างทำงาน 1 โปรเจคและเซ็นสัญญา 2 เดือน เพื่อทำงานให้เสร็จ) ซึ่งในอนาคตผู้คนมีแนวโน้มที่จะผันตัวไปทำงานแบบ Free Agents กันมากขึ้น และแรงงานที่มีทักษะจากทั่วทุกมุมโลกก็สามารถโยกย้ายไปทำงานกับใครก็ได้ ดังนั้น ทุก ๆ องค์กรควรเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานที่อาจเปลี่ยนแปลงไป และมันอาจช่วยให้องค์กรสามารถค้นพบทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นต่อธุรกิจได้เช่นเดียวกัน
พนักงานแต่ละคนมีความต้องการแบบเฉพาะของตนเอง การตอบสนองความต้องการของพนักงานอาจเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขกับงานมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือ การตอบสนองความต้องการของทุกคนโดยไม่เสียระบบทีม
ดังนั้น องค์กรจำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการทำงานเป็นทีม แต่ในขณะเดียวกันก็ให้อิสระในการตัดสินใจกับพนักงานด้วย เช่น ให้ชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น หรือเปิดโอกาสให้พวกเขาตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการทำงานในรูปแบบไหน
ในปัจจุบันทุกธุรกิจต้องอาศัยเทคโนโลยี ถึงแม้จะไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีก็จำเป็นที่จะต้องนำเทคโนโลยีมาใช้บ้าง ไม่ว่าจะเป็น AI หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะในยุคที่การทำงานมาอยู่บนโลกดิจิทัล การที่พนักงานได้ใช้งานเทคโนโลยีร่วมด้วย จะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีขึ้น
ในอนาคต เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ฺBlockchain หรือ Web 3 จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และเทคโนโลยีเหล่านี้ก็มาพร้อมแนวคิดของความโปร่งใสและซื่อสัตย์ต่อทุกคน ธุรกิจจึงต้องเริ่มดำเนินการด้วยความโปร่งใส ไม่ว่าจะต่อลูกค้า พนักงาน หรือแม้แต่คู่แข่ง หรือการมีความชัดเจนและตรงไปตรงมาเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
เช่น แนวทางดำเนินธุรกิจเป็นแบบไหน, พนักงานที่ทำงานรู้สึกอย่างไรต่อธุรกิจ, หรือแม้แต่แหล่งที่คุณได้รับวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์มาจากไหน, ธุรกิจของคุณส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าการมันจะกลายมาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ในอนาคตที่ผู้คนยอมรับ
สนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างเป็นจุดที่จะทำให้องค์กรโดดเด่นขึ้นมา แต่ไม่ใช่แค่เพียงเปิดรับหรือจ้างงานคนที่มีภูมิหลังแตกต่างกันเท่านั้น องค์กรควรที่จะสร้างบรรยากาศที่เปิดรับมุมมองและประสบการณ์ใหม่ ๆ และทำให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการต้อนรับต้อนรับ และรู้สึกเป็นส่วนสำคัญขององค์กร
อ้างอิง : Forbes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด