“นี่คือการลงทุนครั้งสำคัญ เราจะใช้ AI ยกระดับทั้งองค์กร” อาจเป็นหนึ่งในประโยคที่เราได้ยินจากหลาย ๆ บริษัทในยุคปัจจุบัน และแน่นอนว่ามีหลายองค์กรที่เริ่มลงทุนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเครื่องมือ ซอฟต์แวร์เฉพาะทาง หรือแม้แต่ subscription สำหรับพนักงาน
แต่เชื่อไหมว่า กว่า 95% ของโครงการ AI ที่องค์กรลงทุนไปกลับไม่สร้างผลลัพธ์จริงจัง ไม่แตะตัวเลขกำไร–ขาดทุน ไม่ทำให้ทีมงานรู้สึกว่าชีวิตง่ายขึ้น สิ่งที่ได้กลับมาคือระบบที่ซับซ้อน อินทิเกรตยาก และมักค้างอยู่เพียงในเฟสนำร่องทดลอง
ในทางกลับกัน พนักงานกลับแอบใช้เครื่องมือ AI ส่วนตัวที่สมัครเอง ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Claude หรือ Copilot ในการทำงานทุกวัน ปรากฏการณ์นี้ MIT เรียกว่า Shadow AI Economy เศรษฐกิจเงาที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และอาจเป็นการนำเทคโนโลยีเข้าสู่องค์กรที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์

สิ่งที่ MIT พบคือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shadow AI Economy หรือเศรษฐกิจเงาของ AI คือ โลกคู่ขนานที่เกิดจากพนักงานธรรมดาๆ ที่เลือกสมัครเครื่องมือ AI ด้วยบัตรเครดิตของตัวเอง แล้วใช้มันกับงานจริงทุกวัน
ตัวเลขจาก MIT ชี้ชัดว่า มีเพียง 40% ขององค์กร ที่ซื้อ subscription LLM อย่างเป็นทางการ แต่กว่า 90% ของพนักงาน ใช้ AI ส่วนตัวทำงานทุกวัน และแทบทุกคนยืนยันว่าเครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ทำงานเสร็จเร็วขึ้นจริง
หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนภาพนี้คือทนายความที่ทำงานในองค์กรซึ่งลงทุนกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ กับซอฟต์แวร์วิเคราะห์สัญญา แต่สุดท้ายเธอยังเลือกใช้ ChatGPT ร่างสัญญาอยู่ทุกวัน เพราะคุณภาพมันดีกว่าและเร็วกว่า นั่นทำให้เห็นข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจน คือ ระบบ AI ขององค์กรที่ลงทุนแพง กลับแข็งทื่อ ใช้ยาก และไม่ยืดหยุ่น แต่ระบบ AI ของผู้บริโภคมีราคาแค่หลักร้อยต่อเดือน กลับใช้ง่าย ตอบโจทย์จริง และเห็นผลทันที
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ Shadow AI กลายเป็นจริงในชีวิตประจำวัน ขณะที่ AI ขององค์กรยังติดอยู่ในชั้นเชิงกลยุทธ์
สิ่งที่น่าสนใจคือ Productivity จาก Shadow AI ไม่ได้สะท้อนอยู่ในรายงานขององค์กร แต่เกิดขึ้นจริงในทุกวันทำงาน พนักงานใช้ AI เพื่อลดเวลาค้นคว้า อัตโนมัติงานเอกสาร และสรุปข้อมูลเร็วขึ้น
Productivity Boom กำลังเกิดขึ้น แต่ไม่ได้มาจากโครงการใหญ่ขององค์กร มันเกิดขึ้นจากการตัดสินใจเล็ก ๆ ของพนักงานที่เลือกใช้เครื่องมือที่ทำงานได้จริง
MIT ยังพบว่า โครงการที่องค์กรพยายามสร้างเองประสบความสำเร็จเพียง 33% ในขณะที่โครงการที่ซื้อจากภายนอกประสบความสำเร็จถึง 67% สิ่งนี้สะท้อนว่าการลงทุน AI ควรเน้นความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ มากกว่าการพยายามสร้างระบบใหม่ตั้งแต่ต้น
ที่สำคัญกว่านั้น องค์กรควรหันมามอง Shadow AI เป็นโอกาส ไม่ใช่ภัยคุกคาม การเรียนรู้จากการใช้งานจริงของพนักงานจะช่วยให้องค์กรเข้าใจว่าควรลงทุนกับเครื่องมือแบบใด และอย่างไรจึงจะตอบโจทย์การทำงานจริง
เพราะในท้ายที่สุด การปฏิวัติ AI ไม่ได้เริ่มในบอร์ดรูม แต่มาจากโต๊ะทำงานเล็ก ๆ ที่พนักงานเลือกใช้เครื่องมือที่ตอบโจทย์พวกเขาที่สุด
อ้างอิง: fortune
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด