ปัจจุบันเราได้มาถึงยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการค้นคว้า การค้นพบ และการซื้อสินค้า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าใครหลายคนคิด ผู้บริโภคกว่า 50% ในสหรัฐฯ หันมาใช้ AI-powered Search (เช่น ChatGPT, Gemini, Copilot, Perplexity, Claude และ Google AI Overview) เป็นแหล่งข้อมูลหลักในการประเมินแบรนด์และสินค้า โดย AI กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการตัดสินใจซื้อในตอนนี้

McKinsey คาดการณ์ว่าภายในปี 2028 การใช้จ่ายมูลค่ามหาศาลกว่า $750,000 ล้าน จะไหลผ่านแพลตฟอร์ม AI Search ขณะที่จำนวนการค้นหาที่มี AI Summary อยู่ในผลลัพธ์ของ Google เพิ่มขึ้นแตะ 50% แล้ว และอาจขยับสูงกว่า 75% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่นี้ส่งผลให้ Traffic จากการค้นหาแบบดั้งเดิมของแบรนด์อาจลดลงมากถึง 20–50% ขณะเดียวกัน Traffic ที่เหลืออยู่ก็จะเปลี่ยนรูปแบบ โดยผู้บริโภคจะใช้ข้อมูลจาก AI ประกอบการตัดสินใจก่อนจะกดเข้าเว็บไซต์ นั่นหมายความว่าเว็บไซต์ของแบรนด์ไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาอีกต่อไป แต่เป็นเพียงจุดสุดท้ายหลังจากผู้บริโภค ‘ตัดสินใจไปแล้วส่วนใหญ่’ บนแพลตฟอร์ม AI
แม้คำถามของผู้ใช้กว่า 70% ที่ป้อนลงไปใน AI Search จะยังเป็นคำถามที่เป็นเพียงช่วงต้นของ Funnel ในการตัดสินใจซื้อ อาทิ เพื่อเรียนรู้หมวดหมู่หรือเปรียบเทียบคุณสมบัติสินค้า แต่ AI Search ถูกใช้อย่างจริงจังในทุกช่วงของ Consumer Decision Journey
ตัวอย่างเช่น หากผู้บริโภคต้องการหารองเท้า Cross-Training ที่เหมาะกับตนเอง AI Search สามารถสรุปปัจจัยสำคัญ เปรียบเทียบแบรนด์ ระบุจุดเด่นของแต่ละรุ่น และปรับคำแนะนำตามงบประมาณหรือรูปแบบการออกกำลังกายได้ทันที โดยไม่ต้องเปิดแท็บข้อมูลจำนวนมากเหมือนในอดีต
ความเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนในข้อมูลเชิงพฤติกรรม ผู้บริโภคในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า ท่องเที่ยว สินค้าอุปโภคบริโภค ไปจนถึงความงามและการเงิน มีการใช้ AI Search ถึง 40–55% เพื่อช่วยตัดสินใจซื้อ และ 44% ระบุว่า AI Search เป็นแหล่งข้อมูลอันดับแรกที่พวกเขาไว้วางใจ เหนือกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิม เว็บไซต์รีวิว หรือแม้แต่เว็บไซต์ของแบรนด์เอง
แม้แบรนด์จะครองอันดับ SEO มายาวนานก็ไม่ได้รับประกันว่าจะถูกพูดถึงในผลลัพธ์ของ AI Search นี่คือจุดพลิกเกมสำคัญที่ธุรกิจหลายแห่งยังไม่ตระหนัก
สาเหตุคือ AI Search ใช้แหล่งข้อมูลหลากหลายมากกว่า SEO เดิมหลายเท่า โดยเว็บไซต์แบรนด์มักคิดเป็นเพียง 5–10% ของข้อมูลที่ระบบนำไปอ้างอิง ขณะที่อีกส่วนใหญ่ถูกดึงมาจากเว็บไซต์ในเครือ (Affiliates), เนื้อหาของบุคคลที่สาม, นิตยสารออนไลน์, คอมมูนิตี้, และเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (User-generated Content, UGC) แหล่งข้อมูลเหล่านี้ยังแตกต่างกันตาม LLM แต่ละรุ่น หมวดหมู่สินค้า และประเภทคำถามด้วย
ผลลัพธ์คือ แม้แต่แบรนด์ผู้นำตลาดก็อาจ ‘ไม่ถูกเลือก’ ใน AI Overview ของ Google หรือไม่ถูกอ้างถึงในคำตอบของ ChatGPT หรือ Gemini เลย แม้ว่าจะครองอันดับ 1 ของ SEO มาตลอด ความแข็งแกร่งของแบรนด์ในโลกดั้งเดิม ไม่ได้แปลว่าจะได้รับการมองเห็นในโลกของ AI Search
เมื่อ AI Search กลายเป็นประตูหน้าบ้านของอินเทอร์เน็ต แบรนด์จำเป็นต้องก้าวข้าม SEO แบบเดิม และหันมาปรับใช้กลยุทธ์ใหม่ที่เรียกว่า Gen AI Engine Optimization (GEO) เพื่อแข่งขันในพื้นที่ที่ AI ใช้ข้อมูลกว้างขึ้นและหลากหลายขึ้นมาก
การปรับตัวครั้งนี้ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจว่า อะไรคือคำถามที่ผู้บริโภคใช้ค้นหา แหล่งข้อมูลใดเป็นตัวกำหนดคำตอบ และแบรนด์ปรากฏอยู่ในผลลัพธ์เหล่านั้นมากน้อยเพียงใด ปัจจุบันมีเพียง 16% ของแบรนด์ที่ติดตาม AI Search Performance อย่างจริงจัง ทั้งที่การประเมิน GEO ช่วยให้เห็นช่องโหว่สำคัญ ซึ่งอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น 20–50%
หลังจากประเมินแล้ว ธุรกิจต้องขยายกลยุทธ์เนื้อหาให้ครอบคลุมแหล่งข้อมูลที่ AI ใช้บ่อยที่สุด เช่น เนื้อหานิตยสาร บทความเชิงรีวิว เนื้อหา UGC และเว็บไซต์ในเครือ ซึ่งในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการทางการเงิน แหล่งข้อมูลเหล่านี้คิดเป็นกว่า 65% ของผลลัพธ์ AI Search ทั้งหมด
จากนั้นแบรนด์ต้องปรับเนื้อหาให้เหมาะกับ LLM ทั้งในด้านความน่าเชื่อถือ ความครบถ้วน การจัดโครงสร้างหัวข้อ และการนำเสนอข้อมูลใหม่ที่มีคุณค่า รวมถึงทำงานร่วมกับบุคคลที่สามเพื่อให้เนื้อหาเกี่ยวกับแบรนด์มีความถูกต้องและอัปเดต
ท้ายที่สุด GEO ต้องกลายเป็น ‘Core Capability’ ขององค์กร ไม่ใช่งานเฉพาะกิจ แบรนด์จึงควรจัดตั้งทีมที่เชี่ยวชาญ กำหนด KPI ใหม่สำหรับ GEO และลงทุนในระบบเทคโนโลยีที่รองรับการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาสำหรับ LLM ในระยะยาว เพื่อก้าวให้ทันตลาดที่เปลี่ยนแปลง
เมื่อ LLM พัฒนาไปไกลขึ้นและดึงข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงได้ลึกและกว้างกว่าเดิม รูปแบบการนำเสนอผลลัพธ์อาจเปลี่ยนไปอีก ทั้งในด้านการโฆษณา การให้คำแนะนำเชิงเจาะลึก และในที่สุดอาจกลายเป็น AI Agent ที่ตัดสินใจซื้อสินค้าแทนผู้ใช้ในบางสถานการณ์
ในโลกแบบนั้น การที่แบรนด์ ‘ถูกมองเห็น’ บนแพลตฟอร์ม AI จะเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง ตั้งแต่การพิจารณาซื้อไปจนถึงการปิดการขาย
อ้างอิง: McKinsey
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด