ในสังคมที่ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยี รวมทั้งองค์กร และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ตอนนี้ต่างต้องรีบปรับตัว หรือทำ Digital Transformation เพื่อให้ทันกับการแข่งขันท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทุกด้าน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่องค์กรสมัยใหม่ให้ความสำคัญ และนำมาช่วยเดินหน้าองค์กร คือ Cloud
และเพื่อให้ระบบ Cloud ในประเทศไทยพัฒนาไปได้มากยิ่งขึ้น ทาง AIS และ Microsoft ได้มองเห็นความสำคัญในจุดเดียวกัน จึงเกิดเป็นความร่วมมือกันในเชิงกลยุทธ์ มายกระดับนวัตกรรม Cloud ให้มีประสิทธิภาพ และพร้อมจะส่งเสริมภาคธุรกิจของไทย โดยในบทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกในความสัมพันธ์จนเกิดเป็นการร่วมมือกันครั้งสำคัญ ครั้งแรกในอาเซียนเอเชีย และไปเรียนรู้กลยุทธ์ที่สำคัญที่จะนำมาพัฒนาองค์กรไทยในยุคดิจิทัลแบบนี้
สำหรับองค์กรสมัยใหม่ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มีสิ่งหนึ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ ระบบการประมวลผล Cloud หรือทุกคนเรียกสั้น ๆ กันว่า Cloud ซึ่งเทคโนโลยีตัวนี้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเมื่อมีการระบาดของโควิด-19 เข้ามา คำว่า Cloud ก็เป็นที่รู้จักไปในวงที่กว้างมากขึ้น
สำหรับระบบการประมวลผล Cloud นั้น คือ เครื่องมือที่ทำหน้าที่เป็นโฮสต์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บข้อมูล ใช้งาน จัดการ และประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ได้สะดวกง่ายดายเพียงมีอินเทอร์เน็ต โดยจะมีค่าบริการ Cloud ตามที่ผู้ใช้งานใช้จริง ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผู้ให้บริการตัวนี้อยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น Microsoft Azure บริการแพลตฟอร์ม Cloud ของ Microsoft ที่เน้นไปที่การเข้าไปสร้างโซลูชันให้องค์กรทั้งเล็ก และใหญ่ในการจัดการข้อมูล เป็นฐานข้อมูล และช่วยให้องค์กรนำเอาเทคโนโลยีนี้ไปต่อยอดได้
โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนมักจะคิดว่า Cloud มีเพียงบริการจัดเก็บไฟล์ หรือข้อมูลเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว Cloud มีบริการมากกว่านั้น โดยจะแบ่งเป็น 3 บริการคือ
Infrastructure as a Service (IaaS) หรือการให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะมอบพื้นที่เซิร์ฟเวอร์สำหรับทุก ๆ อย่าง ตั้งแต่พื้นที่จัดเก็บข้อมูลไปจนถึงการโฮสต์เว็บ
Platform as a Service (PaaS) หรือการให้บริการแพลตฟอร์ม โดยจะจัดหาแพลตฟอร์มเสมือนจริง สำหรับพัฒนาและทดสอบซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ
Software as a Service (SaaS) หรือการให้บริการซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์ใดก็ตามที่ทำงานผ่าน Cloud เช่น Office 365
จะเห็นได้ว่า Cloud นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมา โดยเฉพาะกับภาคองค์กรและธุรกิจในยุคของการระบาดของโควิด-19 ที่จะเข้ามาช่วยให้การทำงานแบบ Work from anywhere สะดวก มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยให้ทุกคนสามารถพัฒนาเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมเพื่อนำมาขับเคลื่อนองค์กร
AIS ในฐานะผู้ให้บริการทางโทรคมนาคมที่ดำเนินงานมากว่า 30 ปี ตั้งแต่ปี 1990 ได้มีการให้บริการตั้งแต่เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายเดือนและเติมเงิน รวมทั้งบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอุปกรณ์มือถือ สมาร์ทโฟน รวมทั้งอินเตอร์เน็ต WIFI และ 4G คุณภาพ โดย Key Milestone ของ AIS ในช่วงตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา ได้มีการปรับเปลี่ยนจาก Mobile Network Operator มาสู่การเป็น Digital Partner ด้วยการเปิดตัว AIS Business Cloud ที่เสริมการให้บริการ Cloud แบบ End-to-End สำหรับองค์กรหรือธุรกิจต่าง ๆ โดยจะทำงานควบคู่ไปกับ 4G ที่เป็น Data network ทำให้บริการของ AIS สามารถเข้าไปช่วยเหลือทั้งกลุ่มผู้บริโภคบุคคลในการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รวดเร็ว รวมทั้งกลุ่มองค์กรและ SMEs ที่นำเอาเทคโนโลยี Cloud ไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจ
ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องของการสื่อสาร และ Cloud เท่านั้นที่ทาง AIS ให้ความสำคัญ ต่อมาก็ได้เริ่มดำเนินการในเรื่องของ Digital Technology มากขึ้น อาทิ ระบบ IoT (Internet Of Things) อีกทั้งยังจับมือกับ CSL ผู้ให้บริการ ICT แบบครบวงจร และไปร่วมมือกับหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ท่าเรือ สนามบิน และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย และล่าสุดเมื่อปี 2020 ได้มีการเปิดตัวเครือข่าย 5G และ Cybersecurity ภายใต้ชื่อ AIS Cyber Secure เพื่อตอกย้ำความสำคัญของความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ให้กับองค์กรที่นำเทคโนโลยีของ AIS ไปใช้
หากมองย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เรื่องของ Cloud ถือเป็นเรื่องที่ยังใหม่มากของของภาคธุรกิจในสังคมไทย และเมื่อทาง AIS ได้เปิดตัวทั้ง Cloud และ 4G ออกมาในเวลาเดียวกันเมื่อปี 2016 ทำให้เทคโนโลยีอย่าง Cloud เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในประเทศ โดยต่อมาได้เกิดเป็นความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ จึงเกิดเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างบริษัทโทรคมนาคมเจ้าใหญ่ของไทยอย่าง AIS และบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Microsoft โดยจะเน้นไปที่การนำเทคโนโลยี Cloud มาให้บริการในภาคธุรกิจ
จากจุดเริ่มต้นของการเป็น Cloud Solution Provider (CSP) ให้กับลูกค้าของ Microsoft เมื่อมีการริเริ่มนำเอา 4G และ Cloud มาให้บริการในประเทศ โดยนำเอา Microsoft Azure และ Office 365 มาให้บริการลูกค้าทั้งที่เป็นองค์กรและ SMEs ทำให้ความสัมพันธ์ของ AIS และ Microsoft เริ่มเปลี่ยนไปเป็นพาร์ทเนอร์ จนกระทั่ง AIS ก็กลายเป็น Licensing Solution Partner (LSP) เมื่อปีที่ผ่านมาอีกด้วย
ในระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ ความร่วมมือของ AIS และ Microsoft ได้เข้ามาผลักดันให้องค์กรของไทยมีการพัฒนาทางดิจิทัลที่แข็งแรงขึ้น จากตัวอย่างของ MBK ที่จับมือกับ AIS นำเอา Microsoft 365 ไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สร้าง Digital workplace ที่มีประสิทธิภาพในช่วงที่โควิด-19 ระบาด อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับทางแสนสิริ พัฒนา Mixed Reality บน Microsoft Azure บูรณาการกับเทคโนโลยี AR และ VR สร้างเป็นแพลตฟอร์มช่วยผู้บริโภคในการจำลองรูปแบบการตกแต่งที่อยู่อาศัย ก่อนตัดสินใจซื้อจริง
ด้วยความสำเร็จจากการผนึกกำลังของทั้ง 2 องค์กรในระยะเวลาที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นความสำคัญของนวัตกรรมอย่าง Cloud และยังเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของประเทศไทยในการเดินหน้าไปสู่ประเทศผู้นำด้านดิจิทัลในอาเซียน จนในปี 2021 นี้ AIS และ Microsoft ก็ได้จับมือเป็น Exclusive Strategic Partner อย่างเป็นทางการ
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์อย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาและนำเสนอบริการ Cloud ที่สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรไทย ทั้งยังสนับสนุนการปฏิรูปธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัลให้แก่องค์กรทั่วประเทศ ผ่านโครงการพัฒนาทักษะที่ครอบคลุมตั้งแต่ภายในองค์กรของ AIS ไปจนถึงธุรกิจอื่น ๆ ภายนอกด้วย
การผนึกกำลังกับทาง Microsoft รวมทั้ง CSL ทาง AIS ก็พร้อมจะสร้างบริการและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดให้กับผู้บริโภค และองค์กรต่าง ๆ ทั้งบริการ ICT และ Data Center รวมทั้งเทคโนโลยีอย่าง 5G, Cloud, IoT และ Cybersecurity ที่เป็นหัวใจหลัก และเพื่อให้ทุกคนได้รับบริการที่ดี ช่วยทุกองค์กรสามารถปรับตัวให้ทันในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นนี้ พร้อมเป็นตัวเร่งในการขับเคลื่อนให้เกิด Digital Transformation
การเป็นพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์ของ AIS และ Microsoft นี้ ไม่ได้มีเพียงความต้องการในการพัฒนาเทคโนโลยีเท่านั้น ด้วยความตั้งใจจะช่วยองค์กรของไทยได้พัฒนาการทำงานให้ทันต่อยุคดิจิทัลแบบนี้ การจะสร้างแค่นวัตกรรมคงไม่พอ จึงเกิดเป็น 3 กลยุทธ์สำคัญ ที่มาเป็นคีย์หลักในการจับมือกันครั้งนี้ ได้แก่
ในอนาคตทาง AIS และ Microsoft ยังได้มองร่วมกันว่า จะเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้หน่วยงาน หรือองค์กรอื่น ๆ ในประเทศไทย ให้สามารถนำดิจิทัลมาใช้ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมให้เกิด Digital Transformation และพร้อมจะเป็นพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยีที่ทุกคนไว้วางใจ
สำหรับธุรกิจองค์กรที่สนใจปรับการทำงานสู่ยุค Future of Work หรือสนใจบริการ Microsoft 365 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://business.ais.co.th/solution/microsoft365.html หรือหากองค์กรต้องการย้ายระบบขึ้น Cloud สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://business.ais.co.th/solution/microsoftazure.html หรือหากสนใจบริการดี ๆ จาก AIS Business Cloud สามารถอีเมล์มาได้ที่ [email protected]
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด