จากการประกาศความร่วมมืองนามข้อตกลงในฐานะพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี 5G ล่าสุด AIS พร้อมด้วย ZTE ได้เปิดตัว ศูนย์นวัตกรรม 5G A-Z Center โดยมีเป้าหมายส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างโซลูชั่นที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรม เพิ่มขีดความสามารถและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศไทยในยุค Digital Economy
สำหรับชื่อ A-Z นั้น ทั้ง AIS และ ZTE ต้องการสื่อถึง ถึงการทำงานแบบ end to end หรือจากเริ่มต้นจนจบ โดยตัว A มาจาก AIS และตัว Z มาจาก ZTE ซึ่งศูนย์นวัตกรรม 5G A-Z Center จะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและ Solution ที่ครบถ้วน ทั้งการติดตั้งสถานีฐานทุกย่านความถี่เพื่อการทดลองทดสอบ พร้อมเทคโนโลยีเครือข่ายต้นแบบที่จะพลิกโฉมการพัฒนาเครือข่าย 5G ในประเทศไทย, Solution ต้นแบบเพื่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ (5G vertical industry applications), อุปกรณ์สื่อสารปลายทาง (Smart Terminal) ที่จะมีการหมุนเวียนมาทดสอบและจัดแสดง
คุณปรัธนา ลีลพนัง ได้เผยถึงความต้องการด้านดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกเผชิญกับสถานการณ์ COVID-19 ในขณะนั้น AIS ได้ลงทุนด้านโครงข่ายทั้ง 5G และ Fibre จนกระทั่งวันนี้มีโครงข่าย 5G ที่ครอบคลุมกว่า 80% ของพื้นที่ประชากร
ประเทศไทยต้องมีดิจิทัล infrastructure ในการแข่งขันยกระดับ ให้กับเอกชน ภาครัฐ ในการดูแลประชาชน การร่วมมือกับ ZTE มีความสำคัญอย่างแรกคือ การสร้างโครงข่าย 5G ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด น่าจะเป็นอันดับต้นๆของโลก
ทั้งนี้ความร่วมมือของ AIS และ ZTE จะมี 3 ส่วนที่มุ่งหน้าพัฒนาร่วมกัน คือ
5G A-Z Center จะเป็นก้าวสำคัญของการตั้ง R&D Center ด้าน 5G ที่จะเปิดโอกาสในการร่วมกันพัฒนา กับกลุ่มบริษัทอื่นๆ ทั้งใหญ่และเล็ก ในการร่วมกันเข้ามาพัฒนา Solution รวมถึง Startup ที่สนใจร่วมกันก้าวเดินไปข้างหน้าในยุคอนาคต
ทั้งนี้ ZTE ได้เผยถึงการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยยาวนานกว่า 20 ปี ซึ่งความร่วมมือกับ AIS ครั้งนี้ เพื่อสร้าง DIGITAL THAILAND ให้เกิดขึ้นในไทย โดย 5G จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการส่งเสริมการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพทั้งในส่วนของผู้บริโภคทั่วไป อุตสาหกรรม และการผลักดันด้าน Digital Economy
“A-Z Center ครั้งนี้ จะสามารถนำเสนอนวัตกรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างหลากหลาย ทำให้เกิด Use Case ใหม่ๆ ในอนาคตที่พร้อมรองรับทั้งความต้องการของลูกค้าและการเพิ่มโอกาสให้กับภาคธุรกิจ ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การศึกษา การท่องเที่ยว และสุขภาพเป็นต้น” คุณสวี จือหยาง , CEO บริษัท ZTE
โดย ZTE ยังเผยอีกว่า ในอนาคต 5G จะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา XR ซึ่งเป็นประตูสู่โลก Metaverse ซึ่งเวลานี้ 5G A-Z Center เปรียบเหมือนดินและรากต้นไม้ ในการสร้าง ecosystem
“ความร่วมมือในฐานะพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลสู่การจัดตั้ง A-Z Center ครั้งนี้ จะสามารถนำเสนอนวัตกรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะยิ่งการนำเอาโครงข่าย 5G มาวางรากฐานด้านการวิจัยและพัฒนาจะทำให้เกิด Use Case ใหม่ๆ ในอนาคตที่พร้อมรองรับทั้งความต้องการของลูกค้าและการเพิ่มโอกาสให้กับภาคธุรกิจ”
คุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “เพราะ 5G คือ เทคโนโลยีที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศ ดังนั้นในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายที่มีคลื่นความถี่ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในไทย เราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับประเทศอย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกับ ZTE ในระดับยุทธศาสตร์"
สำหรับเทคโนโลยีที่เห็นในศูนย์ 5G A-Z Center จะมีการหมุนเวียนมาทดสอบและจัดแสดง โดยในเบื้องต้น ประกอบด้วย
1. Next Generation Products for 5G Capability Growth เทคโนโลยีเครือข่ายที่พร้อมรองรับ 5G ได้แก่
2. 5G Use Cases เพื่อเชื่อมต่อการใช้โครงข่าย 5G ไปยังภาคอุตสาหกรรม ได้แก่
3. Diversified 5G Terminal Devices โดย AIS ได้ร่วมกับ ZTE เปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ZTE Blade A72 ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือ 5G ที่มีประสิทธิภาพและราคาคุ้มค่าสำหรับตลาดสมาร์ทโฟนในไทย โดยคาดว่าจะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2565 รวมไปถึง Smart Terminal อื่นๆ เช่น 5G CPE และ 5G Router
ความร่วมมือในครั้งนี้ระหว่าง AIS กับ ZTE เป็นก้าวที่สำคัญที่แสดงออกถึงความพร้อมในการต่อยอดเป้าหมาย Cognitive Tech-Co ด้วยการพัฒนาโครงข่าย 5G สู่การเป็น 5G Smart Autonomous Network ทั้งในแง่ของการส่งมอบประสบการณ์ที่ดี การสร้างโอกาสให้กับภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมและโซลูชันมิติใหม่ๆ ที่จะเข้ามาขานรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับไวของบริบททางสังคม ตลอดจนการสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับไทยในอนาคต
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด