Techsauce มีโอกาสได้เข้าร่วมงาน AWS Summit Bangkok 2025 หนึ่งในอีเวนต์เทคโนโลยีที่หลายๆ คนตั้งตารอของปีนี้ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในโอกาสพิเศษที่ AWS ครบรอบ 10 ปี ของการตั้งฐาน AWS ในประเทศไทย

สรุป Keynote ในงาน AWS Summit Bangkok 2025
เปิดตัว AWS Thailand Region อย่างเป็นทางการ
เริ่มเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยคุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager, AWS Thailand ได้กล่าวต้อนรับและสรุปภาพรวมของความสำเร็จตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และเล่าเป้าหมายที่กำลังขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัลของไทยร่วมกับภาคธุรกิจและสังคม

หลังจากประกาศลงทุนไปเมื่อ 2 ปีก่อน วันนี้ AWS Thailand Region เปิดเต็มรูปแบบแล้ว ชูจุดเด่นด้านเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยตามมาตรฐานระดับโลก พร้อมรองรับองค์กรไทยกว่า 350 แห่งในช่วงเวลาเพียง 112 วัน
โดยคาดว่าการเปิด AWS Region แห่งใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ของประเทศไทยได้สูงถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 15 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการจ้างงานเต็มเวลาเฉลี่ยมากกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปี ครอบคลุมธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลายสาขา ตั้งแต่การก่อสร้าง ดูแลรักษาอาคาร วิศวกรรม ไปจนถึงโทรคมนาคมและเทคโนโลยีขั้นสูง
3 เสาหลัก ขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัล

AWS วางกลยุทธ์ในการสร้างอนาคตดิจิทัลของประเทศไทยไว้บน 3 เสาหลักที่สำคัญ ได้แก่
- Technology: ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและปลอดภัย เนื่องจาก AWS Thailand Region เป็นหนึ่งใน 36 Regions ทั่วโลกที่มีมาตรฐานเดียวกันทั้งเรื่อง ประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และความปลอดภัย โดย AWS เน้นว่าทุกการให้บริการในประเทศไทยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลโดยไม่ลดทอนแม้แต่นิดเดียว
- Transformation: ใช้ Cloud และ AI เปลี่ยนเกมธุรกิจ โดยทาง AWS แสดงตัวอย่างการทำ Digital Transformation ที่เกิดขึ้นจริงในหลายองค์กร เช่น ธนาคารกรุงศรีฯ ใช้ AI จาก AWS ลดเวลาประเมินสินทรัพย์จาก 3 วัน เหลือเพียง 15 นาที, 7-Eleven ที่ใช้ AI บริหารจัดการซัพพลายเชน ลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกได้ถึง 40%, True Corporation ใช้ AI ดึงข้อมูลเครือข่ายมือถือมาแปลงเป็น Business Insight ลดเวลาจาก 4 วันเหลือ 4 นาที
- Talent: พัฒนาคนไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เพราะ AWS ให้ความสำคัญกับการสร้าง "Talent Pipeline" ด้วยโครงการใหม่ อาทิ
- Skills to Jobs Tech Alliance Thailand: เชื่อมภาคการศึกษากับภาคธุรกิจ โดยเริ่มต้นด้วย 11 มหาวิทยาลัย และ 11 องค์กร พร้อมรับนักศึกษาที่ผ่านการอบรมเข้าทำงาน
- โครงการนำร่องฝึกอบรม AI ในต่างจังหวัด: ฝึกอบรมเยาวชนเกือบ 5,000 คนในชลบุรีและอ่างทอง นักเรียนสามารถนำความรู้ไปพัฒนาแอปจริง
Inside AWS Innovation ในมุมมองจาก Laura Grit รองประธานและวิศวกรจาก AWS

คุณ Laura Grit ได้บินตรงจากสหรัฐอเมริกาเพื่อร่วมงานในครั้งนี้โดยเฉพาะ และเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบ AWS Infrastructure ทั่วโลก พร้อมแชร์แนวคิดเบื้องหลังที่ทำให้ AWS เติบโตจนเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มคลาวด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก
- Infrastructure Matters โครงสร้างพื้นฐานไม่ใช่แค่เบื้องหลัง แต่มันคือหัวใจของนวัตกรรม Laura เริ่มต้นด้วยการย้ำว่า การสร้างนวัตกรรมที่ยั่งยืนในโลกดิจิทัล ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงรองรับอยู่เบื้องหลัง "ลูกค้าทุกคนต้องการนวัตกรรมที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และปลอดภัยขึ้น แต่ทั้งหมดนี้ต้องยืนอยู่บนรากฐานที่มั่นคงก่อนเสมอ" เพราะฉะนั้น AWS จึงให้ความสำคัญกับการลงทุนใน Infrastructure อย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยาย Availability Zones, การออกแบบระบบ Network ที่มี Redundancy หลายชั้น, และการทดสอบความเสถียรอยู่้เสมอ
- Consistency Everywhere มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก AWS ไม่ได้แค่เปิด Region ตามประเทศต่าง ๆ แต่ตั้งใจสร้างให้ทุก Region มีมาตรฐานเดียวกันทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น ประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์, ความเสถียรของเครือข่าย, การปกป้องข้อมูล (Data Protection), Compliance & Certifications ระดับสากล เป็นต้น ดังนั้น AWS Thailand Region จึงไม่ได้เป็นแค่การสร้าง Local Presence แต่คือการนำมาตรฐานระดับ Global มาตั้งอยู่ในประเทศไทยแบบเต็มรูปแบบ
- Resiliency by Design สร้างความยืดหยุ่นตั้งแต่ต้นน้ำ หนึ่งในแนวคิดที่ AWS ยึดถือคือ “ไม่รอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ แต่สร้างให้แข็งแรงตั้งแต่วันแรก” โดย Laura ยกตัวอย่างโครงสร้างระบบ AWS ว่า: ทุก Availability Zone ถูกออกแบบให้แยกอิสระจากกันในเรื่องพลังงาน ระบบทำความเย็น และระบบเครือข่าย และในแต่ละ Data Center มีแผนการรองรับกรณีเกิดภัยพิบัติ (Disaster Recovery) และ Fault Isolation ระบบมีการทำ Fault Injection Testing (การจำลองความผิดพลาด) เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าเวลามีความผิดพลาด ระบบจะยังทำงานได้ต่อเนื่อง
- Build for an Unknown Future ลงทุนวันนี้เพื่อรองรับสิ่งที่เรายังไม่รู้ Laura เล่าว่า เวลาที่ AWS ออกแบบ Region ใหม่ หรือวางแผน Infrastructure ใหม่ AWS ไม่ได้ออกแบบแค่รองรับ Workload ในวันนี้ แต่เผื่อการเติบโตในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เช่น การขยายศักยภาพรองรับ AI/ML ที่จะใช้ GPU-accelerated Computing มากขึ้น, การเตรียมรองรับ Quantum Computing เมื่อถึงเวลา, การรองรับ Edge Computing สำหรับ IoT และ Smart City ในอนาคต เห็นได้ชัดว่า AWS สร้างพื้นฐานให้คุณสามารถ Innovate อย่างไม่ต้องกลัวว่าโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นข้อจำกัดเพราะไม่ว่าคุณจะ Scale ใหญ่ขึ้นเร็วแค่ไหน ก็จะยังมี Infrastructure ที่พร้อมรองรับเสมอ
จากสตรีทฟู้ดถึงยูนิคอร์นไทย: วิสัยทัศน์ของ “คุณยอด” แห่ง LINE MAN Wongnai

อีกหนึ่ง Keynote ที่สะกดคนทั้งฮอลล์ได้อยู่หมัด คือการขึ้นเวทีของคุณยอด ชินสุภัคกุล ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ LINE MAN Wongnai ที่บอกเล่าการเดินทางของธุรกิจไทยที่เติบโตจากเว็บรีวิวเล็ก ๆ สู่ แพลตฟอร์มยูนิคอร์นสัญชาติไทย พร้อมถ่ายทอดบทเรียนธุรกิจและการใช้เทคโนโลยีที่ลงมือทำจริงตลอด 15 ปีที่ผ่านมา
- จากรีวิวร้านอาหาร...สู่แพลตฟอร์มที่คนไทยใช้กว่า 1 ล้านครั้ง/วันคุณยอดเล่าว่า Wongnai เริ่มต้นจากการที่เขา “ลงมือเขียนรีวิวร้านอาหารด้วยตัวเอง” ในปี 2010 และวันนี้ LINE MAN Wongnai กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีร้านค้าจำนวนกว่า 700,000 ร้านค้า และไรเดอร์กว่า 150,000 คน บนระบบที่มีครบทั้ง:
- Food Delivery
- POS ระบบจัดการร้านอาหาร
- Digital Payment & Lending
- On-Demand Logistics
- ความท้าทายไม่ใช่แค่แข่งกับคนอื่น แต่คือการทำให้แม่นยำแบบเรียลไทม์ การทำ Food Delivery ในไทยไม่ใช่แค่เปิดแอปให้คนสั่งของ แต่ต้องมีระบบ “จับคู่-จ่ายงาน” ที่แม่นยำมากพอจะตอบสนองต่อสภาพอากาศ การจราจร หรือสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ทันที ซึ่งคุณยอดเผยว่า LINE MAN Wongnai ใช้ Simulation Engine บน AWS เพื่อจำลองเส้นทางและสถานการณ์จริงช่วยให้ระบบสามารถปรับการจ่ายงานได้แม่นยำยิ่งขึ้น ลดต้นทุนค่าส่ง และพร้อมขยายการรองรับตามพฤติกรรมผู้ใช้ในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เติบโตเพราะคลาวด์ พร้อมเพราะ AWSนอกจากนี้คุณยอดยังได้แชร์ว่า Wongnai ใช้ AWS ตั้งแต่ปี 2013 ตอนที่ Cloud ยังใหม่มากในไทย คุณยอดเล่าว่าช่วงนั้นบริษัทเพิ่งเริ่มต้นเล็ก ๆ และยังไม่มีทุนมากพอจะซื้อเซิร์ฟเวอร์เอง การเลือก AWS จึงเป็นทางรอดที่ทำให้เขาสามารถโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญกว่าการสร้างผลิตภัณฑ์และขยายผู้ใช้งาน และวันนี้ AWS ก็ยังเป็นเบื้องหลังสำคัญของการเติบโตสำคัญๆ เช่น
- รองรับโครงการใหญ่ในช่วง COVID เช่น “คนละครึ่ง” ใช้เวลาแค่ 28 วัน ในการพัฒนาระบบให้พร้อมเปิดใช้วันแรก
- ลดต้นทุน logistics ด้วยการ run simulation บน AWS อย่างต่อเนื่อง
- รวมระบบ POS หลังควบรวมกิจการกับ FoodStory ได้รวดเร็ว เพราะทั้งคู่ใช้ AWS เหมือนกัน
- LINE MAN Wongnai นำ AI เข้าไปใช้ในหลากหลายจุด โดยคุณยอดเล่าว่า LINE MAN Wongnai นำ AI เข้าไปใช้ในหลากหลายจุด เช่น
- ระบบจ่ายงานไรเดอร์แบบอัจฉริยะ
- คำนวณร้านที่เหมาะสม คนขับที่ใกล้ที่สุด และรวมออเดอร์ที่อยู่ละแวกใกล้กัน เพื่อลดเวลาส่ง
- AI Call Center และ Customer Service เริ่มใช้ AI ตอบคำถามซ้ำ ๆ แบบอัตโนมัติ และช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
- Developer Productivity วิศวกรใช้ AI ช่วย generate code และ debug ปรับปรุงงานได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เทคโนโลยีไม่ใช่แค่หลังบ้านอีกต่อไป จาก CP Group

คุณเบสท์ สรรเสริญ สมัยสุต ประธานสำนักพัฒนาธุรกิจ CP Group และกรรมการผู้จัดการบริษัท AXONS ได้ขึ้นมาเปิดมุมมองที่น่าสนใจว่า เทคโนโลยีไม่ใช่แค่หลังบ้านอีกต่อไป แต่เป็นกองหน้าของธุรกิจที่จะพาประเทศไทยก้าวสู่เวทีโลก
- เบื้องหลังการก้าวสู่ยุค AI คุณเบสท์ชี้ว่า CP Group คือหนึ่งใน Ecosystem ใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุมตั้งแต่ ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ในธุรกิจเกษตร ค้าปลีก การเงิน โทรคมนาคม ไปจนถึงอีคอมเมิร์ซ และยานยนต์ ครอบคลุมกว่า 21 ประเทศ ดังนั้น การเติบโตของ CP ไม่ได้เกิดจากการขยายธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะ การพัฒนาคน - การปรับกระบวนการ - การนำเทคโนโลยีมาเป็นหัวใจขององค์กร ซึ่ง CP Group ก็ไม่ได้แค่นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ แต่ลงทุนในการสร้างฐานที่แข็งแรง เพื่อรองรับ AI อย่างจริงจังผ่าน 6 ปัจจัย อาทิ
- Data Readiness — ต้องมีข้อมูลที่สดใหม่ พร้อมใช้งาน
- Digitalized Process — ทุกกระบวนการต้องอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล
- People Empowerment — บุคลากรทุกคน (ไม่ใช่แค่ฝ่ายไอที) ต้องเข้าใจพื้นฐาน AI
- Technology Investment — ลงทุนอย่างต่อเนื่องกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- Compliance & Security — รักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยไซเบอร์
- Vision + Data — ใช้วิสัยทัศน์ควบคู่กับข้อมูลในการตัดสินใจ
- ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีแบบเปลี่ยนเกมในเครือ CPคุณเบสท์เล่าตัวอย่างจริงจากหลายกลุ่มธุรกิจในเครือ ที่กำลังใช้ AI และ AWS ช่วยเร่งสปีดธุรกิจ เช่น
- CPF (ธุรกิจอาหาร) เชื่อมโยงข้อมูลตลอดห่วงโซ่อุปทาน ธุรกิจอาหารถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ซับซ้อนที่สุด เพราะเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต, โรคพืช-โรคสัตว์, สภาพแวดล้อม และอุณหภูมิที่ไม่อาจควบคุมได้ CPF จึงใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงข้อมูลตั้งแต่ ฟาร์ม > โรงงานแปรรูป > ขนส่ง > ซูเปอร์มาร์เก็ต > ผู้บริโภค เพื่อติดตามคุณภาพสินค้าแบบเรียลไทม์, ลดความเสียหายจากโรคระบาดหรือความเปลี่ยนแปลงของอากาศ, บริหารต้นทุนได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และ AWS เข้ามาช่วยเสริม Infrastructure ด้านข้อมูลให้ CPF สามารถรวบรวม วิเคราะห์ และใช้ข้อมูลได้ทันทีตลอดห่วงโซ่
- True Corporation (ธุรกิจโทรคมนาคม) วางระบบ Digital Twin ของเครือข่าย หรือก็คือจำลองเครือข่ายโทรคมนาคมทั้งระบบขึ้นมาในโลกดิจิทัล ซึ่งผลลัพธ์ คือ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลได้รวดเร็วขึ้น, ลดเวลาวิเคราะห์จาก 4 วัน เหลือไม่ถึง 4 ชั่วโมง (เร็วขึ้นกว่า 1,400 เท่า), ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าแบบเรียลไทม์, ลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมหาศาล
- TrueMoney Wallet (ธุรกิจการเงิน) รองรับ 7 ล้านธุรกรรม/วัน แบบไร้รอยต่อ คุณเบสท์เผยว่าปัจจุบัน TrueMoney Wallet มีปริมาณการทำธุรกรรมสูงสุดในหมวดการเงินของไทย เฉลี่ยแล้วทำธุรกรรมมากกว่า 7 ล้านรายการ/วัน และ ปัญหาคือ Peak Time ช่วงต้นเดือนหรือวันโปรโมชั่น พฤติกรรมผู้ใช้จะแตกต่างกันมาก การใช้ AWS ช่วยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพหลังบ้านขึ้น 40% ไม่ว่าคนจะโอน เติม จ่ายพร้อมกันกี่ล้านครั้ง ระบบยังลื่นไหล, ลดต้นทุนการประมวลผลได้มากกว่า 70% เพราะสามารถสเกลขึ้น-ลงได้ตามปริมาณการใช้งานจริงแบบ Dynamic ทำให้ TrueMoney สามารถแข่งขันในตลาด FinTech ที่เปลี่ยนเร็วได้อย่างแข็งแรง
- 7-Eleven (ธุรกิจค้าปลีก) สั่งสินค้าแม่นยำถึงระดับราย SKU เนื่องด้วย 7-Eleven มีสาขากว่า 15,000 แห่งทั่วไทย และลูกค้าแต่ละสาขาก็มีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน เดิมการสั่งสินค้าจะอิงจากหมวดสินค้า แต่วันนี้ 7-Eleven ใช้ AI วิเคราะห์ถึงระดับรายสินค้า (SKU) เช่น ข้าวกล่องแบบไหน, เครื่องดื่มรสไหน รวมถึงสามารถเช็กพฤติกรรมการซื้อเฉพาะสาขา เช่น สาขาในเมือง/สาขาต่างจังหวัดมีพฤติกรรมต่างกัน ทำให้ช่วยลดปัญหา สั่งของขาด-สั่งของเกิน ได้อย่างมาก และลดของเสีย (Spoilage) โดยเฉพาะในสินค้ากลุ่มอาหารสด ซึ่ง AWS เป็นโครงสร้างหลังบ้านที่ทำให้การวิเคราะห์เหล่านี้เกิดขึ้นได้แบบเรียลไทม์
จากการเปิดตัว AWS Thailand Region ไปจนถึงเรื่องเล่าจากผู้นำองค์กรระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น LINE MAN Wongnai, CP Group หรือผู้พัฒนา AI Infrastructure ระดับโลกอย่าง AWS ทุกเสียงล้วนตอกย้ำว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Digital Economy อย่างเป็นรูปธรรม เมื่อ Cloud, AI และ Data ถูกฝังลึกในระบบเศรษฐกิจไทย เฟสถัดไปที่เราจะได้เห็นคือธุรกิจไทยที่สร้างเทคโนโลยีเอง หรือแรงงานที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือประจำวันก็ได้