Bitcoin ยังใช่สินทรัพย์ปลอดภัย ป้องกันความเสี่ยงในภาวะเงินเฟ้อจริงหรือ ?

Bitcoin ( BTC ) มักถูกขนานนามว่าเป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อภายใต้สมมติฐานที่ว่า Fiat Currency จะลดลงในมูลค่าอันเนื่องมาจากการพิมพ์เงินของธนาคารกลาง ในทางตรงกันข้าม Bitcoin มีอุปทานคงที่อยู่ที่ 21 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบกับการที่ Bitcoin เป็นอิสระ ไม่ได้รับผลต่อนโยบายทางเศรษฐกิจมากนัก Bitcoin ได้เปรียบเหนือภาวะเงินเฟ้อ 

ที่มาของคำกล่าวอ้างนี้มาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้หลายประเทศพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นเพื่อจัดหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับพลเมืองของตน ส่งผลให้มูลค่าของเงินลดลง เมื่อมูลค่าของเงินลดลง มูลค่าของสินทรัพย์ที่มีอุปทานจำกัด เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ และ Bitcoin จึงเพิ่มขึ้น แม้จะมีความไม่สงบทางเศรษฐกิจทั่วโลก ราคาของสินทรัพย์เหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Bitcoin จึงดึงดูดนักลงทุนแบบดั้งเดิมที่มองเห็นศักยภาพของสกุลเงินดิจิทัลในการป้องกันภาวะเงินเฟ้อ ผลักดันให้ราคาวิ่งตามประวัติซึ่งเห็นว่าสกุลเงินดิจิทัลกระจายอำนาจเพิ่มขึ้นกว่า 250%

อัตราเงินเฟ้อคืออะไร?

อัตราเงินเฟ้อโดยทั่วไปมีลักษณะคือสกุลเงินที่สูญเสียมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป โดยมูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับสกุลเงินของเศรษฐกิจที่สูญเสียกำลังซื้อ ซึ่งหมายความว่าต้องใช้ปริมาณเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อซื้อสินค้าและบริการจำนวนเท่าเดิม 

แต่ไม่ใช่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ดีต่อเศรษฐกิจ เพราะอัตราเงินเฟ้อปานกลางจะช่วยผลักดันการใช้จ่ายของผู้บริโภค และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต และเป็นสาเหตุที่ธนาคารกลางในหลายประเทศตั้งเป้าหมายอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 1-3% (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละประเทศ ซึ่งต่ำกว่าหรือสูงกว่าค่าประมาณได้)

Bitcoin และภาวะเงินเฟ้อ

Bitcoin ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนสถาบันเป็นส่วนใหญ่ สกุลเงินดิจิทัลมีความสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของตลาดทั่วไปมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าเมื่อตลาดตกต่ำ Bitcoin ก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน ดังนั้น เมื่อมีข่าวเรื่องเงินเฟ้อเกิดขึ้น Federal Reserve น่าจะประกาศใช้อำนาจ 2 ประการ อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะสูงขึ้นและจะมีการตึงตัวทางการเงิน เป็นผลให้สินทรัพย์ (รวมถึง crypto เช่น Bitcoin) จะเห็นราคาลดลง 

แม้ว่าเศรษฐศาสตร์ในตลาด Bitcoin จะซับซ้อน แต่สกุลเงินดิจิทัลบางสกุล รวมถึง Bitcoin ถูกออกแบบมาเพื่อต้านทานภาวะเงินเฟ้อ หรือประสบกับอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ได้ แต่ในสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมานี้พบว่า Bitcoin มีประสิทธิภาพน้อยลงในฐานะการป้องกันความเสี่ยงอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการขุด Bitcoin ใหม่จะลดลงโดยอัตโนมัติ 50% ทุก ๆ สี่ปี อัตราเงินเฟ้อก็จะลดลงในที่สุดตราบใดที่มูลค่าของ Bitcoin ยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินทั่วไป อัตราเงินเฟ้อประจำปีโดยทั่วไปของ Bitcoin จะไม่เป็นปัญหาหลักสำหรับนักลงทุน อย่างไรก็ตาม cryptocurrencies อื่น ๆ อาจดำเนินการแตกต่างออกไป 

“Bitcoin สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้หรือไม่?” 

ในขณะที่ทองคำได้รับการพิจารณาว่าเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อมานานแล้ว สกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน แม้ว่า Bitcoin จะผันผวนมากกว่าทองคำ แต่ก็มีโอกาสเติบโตในระยะยาวได้ดีกว่า ดังนั้นจึงป้องกันเงินเฟ้อได้ เพราะ 

  1. Bitcoin  มีอุปทานคงที่และจำกัด หมายความว่าเหรียญใหม่ไม่สามารถหมุนเวียนได้ ดังนั้นจึงช่วยขจัดความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ 

  2. ไม่ผูกมัดกับเศรษฐกิจหรือสกุลเงินใดโดยเฉพาะเช่นเดียวกับทองคำ ไม่ได้เป็นของนิติบุคคล เศรษฐกิจ หรือสกุลเงินใด ๆ เป็นสินทรัพย์ระดับสากลที่สะท้อนถึงความต้องการทั่วโลก Bitcoin เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหุ้นเพราะไม่ต้องจัดการกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองมากมายที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น

  3. แลกเปลี่ยนได้ง่าย หายากและปลอดภัย ซึ่ง Bitcoin มีความได้เปรียบเหนือทองคำ เนื่องจากพกพาสะดวก กระจายอำนาจ และโอนย้ายได้ง่าย เนื่องจากลักษณะการกระจายอำนาจ ทุกคนสามารถเก็บ Bitcoin ได้ เมื่อเทียบกับทองคำที่มีการควบคุมอุปทานในประเทศอธิปไตย

 อ้างอิง: cointelegraph 



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำไมองค์กรทุ่มงบให้ AI แต่ยังไม่เห็นผลจริง ? เปิดมุมมองกับ ABeam Consulting ผู้คลุกคลีกับ Data & AI ขององค์กรไทย

ทำไมทุ่มงบ AI แต่ไม่เห็นผล? เจาะลึกมุมมองจาก ABeam Consulting ถึงสาเหตุที่แท้จริง ตั้งแต่ปัญหาข้อมูลใช้ไม่ได้ จนถึงวัฒนธรรมองค์กร พร้อมแนวทางปรับตัวให้ AI ใช้งานได้จริงในปี 2025...

Responsive image

ส่องเทรนด์ AI ปี 2026 เมื่อเทคโนโลยีเป็น 'คู่คิด' แต่ความเร็วอาจเป็น 'กับดัก'

ปี 2025 AI ได้กลายเป็นเครื่องมือของคนทำงานไปแล้ว และในปี 2026 กำลังจะเป็นอีกก้าวสำคัญ เพราะ AI จะไม่ได้แค่ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น แต่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจมากขึ้นเรื่อย ๆ...

Responsive image

Nvidia ทุ่ม 2 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าซื้อเทคและทีม Groq สตาร์ทอัพชิป LPU หวังตัดคู่แข่งและเดินเกมคุมโครงสร้างพื้นฐานโลก AI

Nvidia เดินหมากใหญ่ด้วยดีลมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ กับ Groq สตาร์ทอัพชิป LPU โดยไม่ซื้อกิจการ แต่เลือกถือสิทธิเทคโนโลยีและดึงทีมแกนหลักเข้าร่วมทัพ เพื่อเร่งครองเกม AI Inference แล...