‘งาน และอาชีพ’ คงเป็นสิ่งแรกที่คงนึกถึงเมื่อพูดถึงผลกระทบจากการเติบโตของ AI ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านการ Layoff ของบริษัทเทคฯ หลายแห่งที่นำ AI มาใช้แทนการทำงานบางส่วน แต่คำถามที่เราอาจต้องเริ่มกลับคิดตั้งแต่เนิ่นๆ คือ ผลกระทบจาก AI ต่อจากนี้อีก 10-20 ปีข้างหน้าจะหนักหน่วงแค่ไหน ? มนุษย์จะตกงานเพราะ AI จริงหรือไม่ ?
Brett King นักอนาคตศาสตร์ และนักเขียนได้ออกมาแชร์เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับโลกในปี 2030 ที่ AI จะเข้ามามีผลกระทบต่องาน และอาชีพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจเป็นอีกครั้งที่มนุษย์ต้อง ‘เอาตัวรอด’
แต่ก่อนจะไปถึงอีก 20 ปีข้างหน้า เราลองย้อนกลับไปดูการทำงานในยุคก่อนๆ เพื่อเข้าใจว่าทำไม AI และเทคโนโลยีถึงอาจจะมาแทนที่การทำงานในอนาคต
Brett King เล่าว่าหากเราลองย้อนกลับไปช่วงทศวรรษ 1800 ช่วงนั้นมนุษย์ยังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเอาชีวิตรอด การหาที่อยู่อาศัย และการทำงานหนัก ซึ่งอาชีพส่วนใหญ่ที่นิยมทำกันคือ ‘เกษตรกรรม’ โดยในช่วงปี 1850 กำลังแรงงานกว่า 75% มุ่งเน้นไปที่การทำฟาร์ม
แต่เมื่อเทคโนโลยี และเครื่องจักรเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรม ก็ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และการทำงานของมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง อย่างเช่นคนในฟาร์มถูกแทนที่ด้วยรถแทรกเตอร์ ซึ่งลองมองกลับมาที่ปัจจุบันมีประมาณ 1.5% ของแรงงานเท่านั้นที่ยังคงทำงานเกษตรกรรม
บริษัทหลายแห่งก็พยายามที่จะนำเทคโนโลยีมาแทนที่มนุษย์ อย่างใน Gigafactory ของ Tesla ที่นำหุ่นยนต์ Optimus มาช่วยยกของแทนคน หรือ Alibaba ที่เริ่มนำโดรนมาส่งพัสดุตามบ้านแล้ว
Brett King ชวนคิดภาพในอนาคตว่า ร้านอาหารสตรีทฟู้ดที่ไทยอาจมีคนขายเป็นหุ่นยนต์ พอทำอาหารเสร็จก็ใช้โดรนอัตโนมัติบินไปส่งออเดอร์ตามโลเคชันลูกค้า หรืออาจจะมีรถตุ๊กตุ๊กไร้คนขับมาพาไปเที่ยวจนส่งเราถึงหน้าบ้าน
การมีหุ่นยนต์ในโลกที่อยู่รอบตัวเราจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่หุ่นยนต์เหล่านี้จะแย่งงานไปจากพนักงานบริการ
และหากเราจินตนาการว่า AI กำลังจะส่งผลกระทบแบบนี้ในทุกๆ อุตสาหกรรมภายใน 10-15 ปีข้างหน้า จึงทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI เป็นเรื่องใหญ่ที่เราควรกังวล
เพราะตลาดแรงงานต้องการประสิทธิภาพ และผลผลิตจาก AI ในตอนนี้มีการทุ่มเงินลงทุนมหาศาลในการพัฒนา AI และยิ่งในตอนนี้เริ่มมี AI Agent ที่สามารถสร้างรายได้หลายล้านดอลลาร์ให้กับตัวเองได้แล้ว (Brett King ยกตัวอย่าง GOAT เหรียญคริปโตฯ ที่ออกแบบโดยแชทบอท AI และเคยมีมูลค่ากว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ) ยิ่งช่วยขยายภาพความก้าวหน้าของ AI ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม Brett King มองว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ AI สามารถสร้างผลประโยชน์ และสร้างผลกำไรให้กับองค์กรขนาดใหญ่ ขณะที่คนทั่วไปอาจประสบปัญหาการว่างงานเพราะการมาของ AI เช่นกัน
Brett King อธิบายเพิ่มว่า ยิ่งเมื่อเรานำ AI เข้าสู่การผลิต และเศรษฐกิจเพื่อสร้างผลผลิต และผลตอบแทนมากเท่าไหร่ การเติบโตของค่าแรงของมนุษย์ก็จะยิ่งลดลงเท่านั้น
งานที่ทำซ้ำๆ ได้ หรืองานที่อาศัยข้อมูลเป็นหลัก มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วย AI แม้แต่งานที่ดูเหมือนซับซ้อน เช่น การผ่าตัดหรือการวินิจฉัยโรค AI ก็สามารถเรียนรู้และพัฒนาความสามารถจนเหนือกว่ามนุษย์ได้ในอนาคต
โดย Brett King ยกตัวอย่างงานที่ตกอยู่ในความเสี่ยง เช่น ทนายความ แพทย์ นายธนาคาร นักบัญชี เพราะงานเหล่านี้ต่างเป้นงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ความไม่สมดุลของข้อมูล’ หรือกล่าวคือ ผู้ที่ทำงานเหล่านั้นมีข้อมูลในด้านนั้นมากกว่าเรา
อดีตซีอีโอ Google อย่าง Eric Schmidt เตือนว่า AI จะส่งผลกระทบเร็วกว่าที่คิด จากที่เคยคาดการณ์ไว้ 20 ปี อาจเหลือเพียง 5 ปีเท่านั้น ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวรับมือตั้งแต่วันนี้ โดยวิธีปรับตัวรับกับ AI และอาชีพตามคำแนะนำของ Ben King มีดังนี้
อ้างอิง : ข้อมูลจากการบรรยาย AI 2030: Stepping into an AI-Powered Future of Work
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด