ถอดสูตร Candy Crepe เมื่อคนไทยลงมือสร้างนวัตกรรม ให้ขนมไทยไปสู่ตลาดโลก | Techsauce

ถอดสูตร Candy Crepe เมื่อคนไทยลงมือสร้างนวัตกรรม ให้ขนมไทยไปสู่ตลาดโลก

โรตีสายไหม ขนมเส้นเล็กรสหวานห่อแป้งโรตีหอมมัน เป็นขนมหวานอย่างหนึ่งที่หลายคนชอบทาน ซึ่งหากไม่หยุดที่ความชอบ แต่ก้าวต่อด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก็สามารถทำให้ขนมไทยไปไกลแบบขนมต่างชาติได้ เช่นฝรั่งเศสที่โด่งดังเรื่อง Macaroon หรือเกาหลีที่ก็มีบิงซู แล้วประเทศไทย มีขนมอะไรให้คนต่างชาติได้พูดถึงบ้างล่ะ? นี่คือไอเดียการสร้างนวัตกรรมให้กับขนมของคุณแจน เจนนิสา คูวินิชกุล ผู้บริหารประสบการณ์ดีกรี MBA จาก Harvard Business School และ Founder ของ Candy Crepe ที่ได้เริ่มต้นพัฒนาโรตีสายไหมจากความชอบไปสู่ตลาดโลก Techsauce จึงขอชวนคุณแจนมาเล่าแนวคิดและวิธีการผลักดันธุรกิจในฐานะ Founder ของนวัตกรรมรสหวานครั้งนี้กัน

เริ่มต้นกับธุรกิจสายไหมนี้อย่างไร ทำไมต้องเป็นสายไหม?

คุณแจน: ธุรกิจนี้จริงๆเป็นงานอดิเรก เริ่มจากที่เราเป็นคนชอบทานขนม โดยเฉพาะขนมสายไหม แต่ขนมสายไหมหาทานยาก จะมีแค่ที่อยุธยาเท่านั้น เราก็คิดว่าทำไมกรุงเทพไม่มีบ้าง รสก็อร่อยไม่แพ้ขนมฝรั่งเลย เมื่อเราอยากทาน ก็คิดว่าคนกรุงเทพก็น่าจะอยากทานเหมือนกัน เลยซื้อสูตรมาจากเจ้าที่อร่อยที่สุดในอยุธยา และเริ่มต้นทำขายออนไลน์ในกรุงเทพ

แต่เมื่อทำแล้ว เราก็คิดว่ามันต่อยอดได้ เลยพัฒนาจากความชอบที่ตอนแรกเป็นแค่ Passion Project  จากการเป็นแค่งานอดิเรกกลายเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างนวัตกรรมให้ขนม เพราะเรามีวิสัยทัศน์ที่เห็นว่าสิ่งนี้สามารถนำมาต่อยอดเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้ รวมถึง Passion ของเราเองด้วยว่าอยากจะนำโรตีสายไหมมาให้คนต่างชาติได้รู้จักด้วย

มีการสร้างนวัตกรรมให้โรตีสายไหมอย่างไรบ้าง?

คุณแจน : อย่างที่ทราบกันว่าปัญหาของโรตีสายไหมคือเก็บได้ไม่นาน เราทำแป้ง ทำสายไหมสดใหม่ทุกวัน แต่ไม่กี่วันก็จะหมดอายุ เมื่อเราจะพัฒนาต่อเราต้องนำนวัตกรรมเข้ามาช่วย จึงร่วมมือกับ สวทช. ช่วยพัฒนาวิธีช่วยยืดอายุ ซึ่งเป็นอะไรที่ยาก เพราะแป้งโรตีกับสายไหมไม่เหมือนกับที่ไหน คงรสชาติได้ยากมาก แต่ตอนนี้ Candy Crepe สามารถยืดอายุขนมสายไหมได้ 6 เดือนถึง 1 ปี โดยไม่ใส่สารกันบูด และมีรสหลากหลาย

ความท้าทายที่เกิดขึ้นในการสร้างนวัตกรรมให้ขนมคืออะไร?

คุณแจน : ท้าทายอย่างหนึ่ง คือการที่จะนำขนมมาขึ้นห้างสรรพสินค้า ต้องมีการปรับตัว การนำนวัตกรรมเข้ามา ไม่ใช่แค่การแต่งตัวให้โรตีสายไหม แต่เป็นการปรับสูตรทั้งหมด ทีมงานหลังบ้านเหนื่อยกันมาก ต้องวิจัยทั้งตัวสายไหมและแป้งโรตีว่ายืดอายุได้แล้ว รวมถึงขอมาตรฐานจาก อย. GNP Halal และ HACCP เป็นสิ่งที่เราลงทุนกับมันกว่าจะออกมาได้ นับว่าเราเป็นเจ้าเดียวในโลกที่ได้มาตรฐานทัดเทียมกับอาหารชั้นเลิศอื่นๆ

ในมุมมองของคุณแจน การเลือกนำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาเพิ่มมูลค่ามีนิยามอย่างไร?

คุณแจน: ของที่เหมือนกันสามารถเพิ่มมูลค่าได้เสมอ ด้วยการทำให้ตอบโจทย์คนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างเช่น คนทานโรตีสายไหมและกลัวน้ำตาล เราก็มีสูตรน้ำตาลน้อยให้ ซึ่งโรตีสายไหมแม้จะเป็นขนมบ้านๆ แต่มีสเน่ห์มาก ยิ่งนำมาสร้างมูลค่าก็ยิ่งมีคุณค่ามากขึ้น คนเป็นเบาหวานก็ทานได้ ใครที่อยากลองรสชาติใหม่ๆ ก็มีให้เลือก เป็นตัวอย่างการพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ทั่วไปให้แตกต่างและดีขึ้น

สำหรับการขายยังต่างประเทศ ส่วนมากจะส่งออกไปสิงคโปร์ กัมพูชา มาเลเซียอินโดนีเซีย เริ่มแรกก็ลองขายออนไลน์เพื่อทดสอบตลาดก่อน ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าว่าน่าจะมีหน้าร้านบ้าง เพราะอยากมาซื้อเอง ชาวต่างชาติมาไม่สะดวกก็เริ่มมี Kiosk ตามที่ต่างๆ

ทำไมถึงอยากส่งเสริมขนมไทย?

คุณแจน: นอกจากจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจเรื่องการเรียนและการทำงานแล้ว เราอยากทำอะไรให้คนรอบข้างซึ่งก็คือคนไทยภูมิใจด้วย เราเองเป็นคนชอบทำธุรกิจ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่อยากทำอะไรที่เพิ่มมูลค่าให้กับของไทย ของไทยหลายๆ ต่างชาติก็อยากทาน อย่าง Macaroon ของฝรั่งยังมีขายได้ทั่วโลก แล้วทำไมโรตีสายไหมของไทยจะขายแบบนั้นไม่ได้

มีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไรบ้าง?

คุณแจน: ธุรกิจตัวนี้เป็นกึ่ง SMEs และ Startup ด้วยธรรมชาติของธุรกิจคือ SMEs แต่ความเร็วคือ Startup โมเดลของมันเปลี่ยนตลอดเวลา อย่างวันนี้เป็นแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าเดือนหน้าหรือ 6 เดือนข้างหน้าจะเป็นอย่างเดิม เราต้องปรับให้ตอบโจทย์ตลอดเวลา และเพราะเราทำสิ่งใหม่ ผลตอบรับจากลูกค้าจึงสำคัญ

สำหรับการไป Scale ต่างประเทศ เรากำลังคิดถึงแฟรนไชส์ ซึ่งยังอยู่ในขั้นวางแผน เพราะได้เห็นตัวอย่างที่ล้มเหลว โดยโฟกัสของเราคือ Innovative Product ที่จะไปทั่วโลก แต่แผนก็จะเปลี่ยนทุก 6 เดือน อย่างตอนแรกมีคนจีนมาติดต่อแฟรนไชส์ แต่ดูตลาดแล้วคนจีนไม่ได้กินหวานแบบคนอาหรับหรือสิงคโปร์ ก็ต้องปรับไปว่าเราไม่โฟกัสจีนแล้ว ขณะที่ทางจีนก็ยังสนใจและบอกว่าคนรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นในจีนนั้นชอบทานหวานและมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนหน้าร้าน ก็มีไว้เพื่อแนะนำว่าควรทานอย่างไร ซึ่งสิ่งที่เราให้ความสำคัญจริงๆไม่ใช่หน้าร้าน แต่เป็นผลิตภัณฑ์ ทำอย่างไรให้สามารถทานได้ง่าย เราต้องคิดให้รอบด้านทั้งนวัตกรรม รสชาติ บรรจุภัณฑ์ อย่างตอนนี้ ก็มีสายไหมหลายรส มีสีสันสวยขึ้น สามารถใส่เป็น Topping บนขนมได้ และไอศกรีมและเครื่องดื่มต่างๆ ทานได้ง่าย เก็บได้นาน

สายไหมหรือแคนดี้ทานเปล่าๆก็อร่อยไม่จำเป็นต้องทานกับแป้งโรตี รสชาติที่คนไทยน่าจะชอบคือรสส้มจี๊ดที่จะเริ่มต้นหวานและเปรี้ยวปลายเหมือนทานลูกอมแต่เป็น Texture ใหม่คือเป็นเส้นสายไหมละลายในปากเลยทันที

โฟกัสของเราคือการทำผลิตภัณฑ์ให้ไปอยู่ทั่วโลก ตอนนี้เราเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตได้ทั่วประเทศได้แล้ว การส่งออกก็ต้องพัฒนาให้ถึงเงื่อนไขของแต่ละประเทศ อย่างที่อเมริกาจะเอาเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศต้องทำอายุสายไหมอยู่ได้ถึง 2 ปี จึงต้องพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ หน้าตาผลิตภัณฑ์ก็ต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อาจไม่เหมือนแบบที่เราเคยเห็นกัน ซึ่งตอนนี้มาได้ครึ่งทางแล้ว

อีกทั้งในงาน Thai fex เดือนพฤษภาคมนี้ น่าจะได้เห็นแคนดี้แบบซองเล็กๆฉีกทานได้ง่าย หรือจะใช้ตกแต่งแทนน้ำตาลในคาเฟ่ต่างๆก็เหมาะกับการทำ 1 เมนู และต่อไปจะได้เห็นแคนดี้พร้อมเครปชุดเล็กจิ๋วสำหรับทานแค่ 2 ชิ้นออกมาด้วย พร้อมกับจะมีการเปิดตัวแป้งที่ยืดอายุได้ถึง 1 ปีอีกด้วย

เป็นผู้หญิงเก่ง ทำงานตลอดเวลา มีเคล็ดลับในการ Work-Life Balance อย่างไร?

คุณแจน: เหนื่อยก็พัก พักเสร็จก็ลุยต่อ มีเหนื่อยมีท้อก็แค่พัก เพราะเราอยากมีผลงานในชีวิต ชีวิตมีคุณค่ามากกว่าถ้าเราได้สร้างอะไรให้ภูมิใจ คนอื่นภูมิใจด้วยยิ่งดี แต่สำคัญที่สุดคือเราต้องภูมิใจในตัวเอง ถึงชีวิตเรามีแต่งาน แต่เราก็เป็นผู้หญิงสนุกสนาน จะพยายามสนุกไปกับงานที่ทำ มาคุยกันครั้งนี้ ก็เหมือนมาเล่าเรื่องราวให้ทุกคนได้ฟังกัน ไม่ใช่มาคุยเรื่องงาน

Secret Sauce ในการทำธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จคืออะไร?

คุณแจน: ไม่หยุดพัฒนา ต้องค้นคว้า พัฒนาและวิจัยตลอดเวลา โดยเฉพาะสายไหมของเราไม่ได้เป็นของใหม่ ไม่ได้แปลกใหม่สำหรับคนไทยเลย แต่ที่คนยอมซื้อจากราคา 30 บาท เป็น 549 บาท คนที่ยอมจ่ายต้องเห็นว่ามันแตกต่างจริงๆ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เปิดกลยุทธ์ธุรกิจยุคใหม่ พลิกข้อมูล สู่ขุมทรัพย์ด้วย analyticX ด้วยพลัง Telco Data Insights และ GenAI

ยุคนี้ใคร ๆ ก็พูดถึง Data แต่จะใช้ Data อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหากคือกุญแจสำคัญ! ในสัมมนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "Unlocking Data-Driven Decisions with Telecom Data Insights" ที่จั...

Responsive image

‘UOB Sustainability Compass’ เครื่องมือออนไลน์ด้านความยั่งยืน หนุน SMEs เปลี่ยน Vision เป็น Action

บทสัมภาษณ์ คุณอัมพร ทรัพย์จินดาวงศ์ และคุณพณิตตรา เวชชาชีวะ เกี่ยวกับ ‘UOB Sustainability Compass’ เครื่องมือออนไลน์ที่เข้ามาช่วย SMEs เริ่มดำเนินการด้านความยั่งยืนอย่างเข้าใจและไม...

Responsive image

Intel พลาดอะไรไป ? ทำไมถึงต้องเปลี่ยน CEO กะทันหัน ? ถอดบทเรียนราคาแพงจากยุค Pat Gensinger

การ ‘เกษียณ’ อย่างกะทันหันของ Pat Gelsinger อดีตซีอีโอ Intel ในต้นเดือนธันวาคม สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการเทคโนโลยี หลายฝ่ายมองว่าเป็นการบีบให้ออกจากบอร์ดบริหาร อันเนื่องมาจากผล...