'CASETiFY' จากค้าปลีก Tech Accessories ออนไลน์ ลงใจมาตั้งร้านออฟไลน์ในบ้านเรา | Techsauce

'CASETiFY' จากค้าปลีก Tech Accessories ออนไลน์ ลงใจมาตั้งร้านออฟไลน์ในบ้านเรา

ถ้าคุณเคยสั่งซื้อ 'เคสมือถือ' ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ น่าจะเคยเห็นเคสของ CASETiFY (เคสติฟาย) แบรนด์ผู้ผลิตและจำหน่ายเคสมือถือผ่านตาอยู่บ้าง โดยแบรนด์นี้ก่อตั้งมาแล้ว 11 ปี มีทั้งร้านค้าออนไลน์-ออฟไลน์ และผู้บริโภคสามารถ Customization หรือ ปรับแต่ง ข้อความ (text) และลวดลายหรือภาพ (photo) ผ่านแพลตฟอร์มเองได้ ไม่ว่าจะดีไซน์สำหรับเคสมือถือ (iPhone, Samsung, Google Pixel) เคสใส่หูฟัง (Airpods Case) กระเป๋าใส่โน้ตบุ๊ก (Laptop Sleeve) สติกเกอร์ติดโน้ตบุ๊ก ฯลฯ

CASETiFY  Pop-up Store

เคสที่ Custom ได้เอง เข้ามาพลิกโฉมอุปกรณ์ไอทีของผู้ใช้ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ก่อน 'CASETiFY Studio' มาเปิดในไทย

CASETiFY ถือกำเนิดที่ฮ่องกงในปี 2011 และเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านธุรกิจอีคอมเมิร์ซจากการเป็นผู้ผลิตเคสมือถือที่เน้นดีไซน์และสามารถคัสตอมได้ ต่อมาขยับขยายเป็น Tech Accessories Brand ที่ผลิตออกมาหลายคอลเล็กชัน ทั้งยัง Co-lab (Collaboration) กับแบรนด์ ศิลปิน และคอนเทนต์อย่างหลากหลาย อาทิ Coca Cola x CASETiFY, Blackpink x CASETiFY, Barbie x CASETiFY, Harry Potter x CASETiFY, Minion x CASETiFY, One Piece x CASETiFY, Disney and Pixar’s Toy Story x CASETiFY

CASETiFY  Pop-up Store CASETiFY Pop-up Store แห่งแรกของไทย ตั้งอยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โซนเอเทรียม จัดแสดงสินค้าหมุนเวียนไปตลอด 6 เดือน

Barbies x CASETiFYBarbie x CASETiFY

ในมุมรายได้ CASETiFY เป็นแบรนด์ D2C (Direct to consumer) มานาน โดยในปี 2020 สร้างรายได้รวมกว่า 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้นสูงกว่า 70% จึงเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโตสู่ธุรกิจแบรนด์ระดับโลกอย่างก้าวกระโดด  

การเติบโตส่วนใหญ่มาจาก ร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ (CASETiFY Studio) โดยเฉพาะความสำเร็จในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของร้านค้าปลีก 18 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิก ด้วยยอดขายเฉลี่ยต่อตารางฟุตใน CASETiFY Studio 18 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิก ในปี 2021 อยู่ที่ 1,441 ดอลลาร์ ทำให้เห็นว่า 'หน้าร้านจริง' มีผลต่อการเพิ่มการรับรู้ในตลาดนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูง ความหลากหลายของดีไซน์ รวมถึงการตกแต่งที่มีสีสันมากมายเป็นตัวเลือกและไฮไลต์ โดยใช้กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ด้วยการพลิกโฉมจากเคสโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ให้กลายเป็นเครื่องประดับแฟชั่นที่ได้รับความนิยมในตลาดทั่วโลกอย่างสูง 

One Piece x CASETiFYOne Piece x CASETiFY
Minions x CASETiFYMinions x CASETiFY

หน้าร้านแบบออฟไลน์ของ CASETiFY กระจายอยู่ในฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน  สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย

จุดขายอีกอย่างคือ แบรนด์ CASETiFY จะเข้าไปร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เชื่อมโยงกับตลาด ทั้งยัง Collaboration กับแบรนด์ทั่วโลก กับศิลปินท้องถิ่นในแต่ละประเทศ เช่น Jeff Satur ศิลปินมากความสามารถจากประเทศไทยที่โด่งดังจากเพลง 'ลืมไปแล้วว่าต้องลืมยังไง' Sundae Kids ศิลปิน/นักวาดชาวไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในหกศิลปินระดับโลกกลุ่มแรกที่ร่วมสร้างสรรค์ผลงานหรือ Co-lab กับ CASETiFY 

Six Global Artists' First Tech Capsule with CASETiFYSix Global Artists' First Tech Capsule

Sundae Kids x CASETiFY

หลายเดือนมานี้ CASETiFY (ทดลองตลาดด้วยการ) เข้ามาเปิด Pop-up Store แห่งแรกในกรุงเทพฯ โดยเป็นร้านแบบ semi-permanent ที่สแตนด์บายนาน 6 เดือน หลังจากเปิดตัวไม่นาน ยอดขาย CASETiFY เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านการสั่งสินค้าทางออนไลน์ ส่งผลให้ได้ฐานลูกค้าใหม่ในเมืองไทยเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว จากความสำเร็จก้าวแรกนี้ทำให้ CASETiFY มั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย จึงตั้งเป้าลุยตลาดไทยอย่างเต็มตัว ด้วยแผนเปิด CASETiFY Studio ร้านค้าถาวรในไทย และคาดว่าจะเปิดร้านได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566

Case_David ShrigleyDavid Shrigley x CASETiFYไอเดีย Co-lab มีส่วนในการขับเคลื่อนยอดขายผ่านร้านค้าปลีกออฟไลน์ให้เพิ่มสูงขึ้น 

ในปี 2564 CASETiFY ยังเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจด้วยการร่วมทุนนับสิบล้านดอลลาร์กับ C Ventures บริษัทร่วมทุนชื่อดังซึ่งก่อตั้งโดย เอเดรียน เฉิง (Adrian Cheng) 

ตอนนี้ CASETiFY บุกตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์กับสินค้าแฟชั่นแบบเต็มตัว ซึ่งนอกจาก CASETiFY พร้อมลุยตลาดไทยตาม Roadmap แล้ว ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะเปิดตัวร้านค้าใน 5 เมืองใหญ่ ได้แก่ ซิดนีย์ เซี่ยงไฮ้ ไทเป โซล และโตเกียว นอกจากนี้ยังตั้งเป้ากวาดรายได้ 3 พันล้านดอลลาร์ กับมีแผนเปิดสาขาใหม่ 100 แห่ง (รวม 20 แห่งในสหรัฐอเมริกา) ภายในปี 2025 

สังเกตได้ว่า แบรนด์เคสมือถือนี้ผลิตอุปกรณ์เสริมที่รองรับแบรนด์ Apple เป็นส่วนใหญ่ ครอบคลุมทั้ง AirPods Case, Watch Band, MagSafe Wireless Charger, MagSafe Wallet, MagSafe Battery Pack Case

เวสลีย์ อิ้ง (Wesley Ng) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง CASETiFY ชาวฮ่องกง กล่าวถึงแบรนด์ที่ปลุกปั้นเองว่า 

"ผลิตภัณฑ์ของ CASETiFY เปรียบเสมือนผืนผ้าใบสำหรับการสร้างสรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด ผ่านการร่วมมือกับแบรนด์ที่โดดเด่น และความหลงใหลในคิดค้นนวัตกรรมป้องกันที่แข็งแรงทนทาน เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกตกแต่งอุปกรณ์ไอทีที่พวกเขาหวงแหนได้อย่างเต็มที่ และเชื่อมต่อกับความชอบของพวกเขาอย่างแท้จริง งานของเราคือการสร้างศูนย์รวมความคิดสร้างสรรค์ที่มีตัวเลือกเพียงพอจะตอบทุกสไตล์ ทุกเทรนด์แฟชั่น และทุกบุคลิก ตั้งแต่แบบเรียบง่ายไปจนถึงงานดีไซน์ที่จัดจ้าน"

สินค้าใดๆ ก็ตามที่มีดีไซน์สวย เท่ เก๋ น่ารัก หลังจากออกสู่ตลาดได้ไม่นานก็มักจะถูกลอกเลียนแบบ ผู้บริโภคอาจถูกหลอกให้จ่ายแพงและไม่ได้สินค้าคุณภาพ และเพื่อให้ผู้ซื้อตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริงหรือของก๊อป CASETiFY จึงแปะ QR Code บนสินค้าทุกชิ้นที่ผลิตตั้งแต่กลางปี 2022 เป็นต้นมา เพื่อให้สแกนและรู้ได้ว่า ชิ้นที่ได้ไปเป็นของแท้แน่นอน

รับเคสไปผลิตใหม่เพื่อความยั่งยืน

CASETiFY มีความมุ่งมั่นและใส่ใจด้านความยั่งยืน เห็นได้จากแคมเปญ Re/CASETiFY ที่นำเคสไม่ใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นสินค้ารุ่นใหม่กว่า 28,000 กิโลกรัม ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบริษัทได้มากถึง 20% นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม earthday.org ปลูกต้นไม้อีกกว่า 165,000 ต้น 

กล่องรับเคสไม่ใช้แล้วเพื่อนำไปรีไซเคิล โดยกล่องนี้ตั้งอยู่ตรง CASETiFY Pop-up Store ในเซ็นทรัลเวิลด์

CASETiFY เป็นแบรนด์ตกแต่งอุปกรณ์เสริมของสินค้าเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภค Gen Z โดยสามารถเข้าถึง 1 ใน 5 ของผู้บริโภค Gen Z ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย 

มีข้อสังเกตว่า การที่ผู้ผลิตเคสรีไซเคิลได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภค Gen Z สอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลกของเจเนอเรชันนี้อย่างชัดเจน โดยในรายงานของ Forbes ในปี 2019 “The State of Consumer Spending: Gen Z Shoppers Demand Sustainable Retail” ระบุว่า 62% ของ Gen Z ยินดีที่จะซื้อสินค้าของแบรนด์ที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

KBank x Orbix Technology x StraitsX สาธิตการชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยบล็อกเชนที่ SG FinTech Festival 2024

ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับ Orbix Technology และ StraitsX เปิดตัวนวัตกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนด้วย e-Money on Blockchain ในงาน Singapore FinTech Festival 2024 ชูศักยภาพฟินเทคไทยบนเวทีโลก...

Responsive image

‘Yindee’ แชตบอตในแอป ttb Touch ใช้ Gen AI จับความรู้สึก ตอบเร็วและฉลาดกว่าที่เคย

Yindee แชตบอตที่อยู่บน Mobile Banking ของ ttb ทำงานผ่านแอป ttb Touch สามารถจับ Mood & Tone ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ว่าขณะแชตนั้น ลูกค้าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วย Generative AI โดย Azur...

Responsive image

คนอยากใช้พลังงานเยอะ แต่โลกอยากได้ปล่อยคาร์บอนน้อย บริษัทพลังงานแก้ไขความย้อนแย้งนี้อย่างไรดีในยุค AI

The Energy/Prosperity Paradox หรือภาวะย้อนแย้งแห่งพลังงาน และความเจริญ ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่บริษัทด้านพลังงานกำลังพบเจอ เพราะในตอนนี้โลกกำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เ...