เวียดนามกำลังพัฒนาประเทศตนเองอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ตามแผนพัฒนาที่ประกาศไว้ว่าจะเป็น ‘ประเทศอุตสาหกรรมสมัยใหม่’ ในปี 2035 บวกกับจำนวนประชากรกว่า 90 ล้านคนที่มีความต้องการสินค้าและบริการและเป็นแรงงานการผลิตวัยหนุ่มสาว ทำให้ประเทศเวียดนามมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดจนเป็นที่จับตาจากนานาประเทศ ที่จะใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตระดับโลกเพื่อการส่งออก โดยในการเดินทางครั้งนี้ Techsauce ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมอาณาจักร Central Retail ที่เวียดนาม ที่กำลังรุกตลาดเวียดนามขึ้นเป็นเบอร์ 1
Central Retail หรือ CRC ได้เล็งเห็นว่าเวียดนามเป็น Key Market สำคัญในการเข้ามาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้ เนื่องจากศักยภาพของประเทศเวียดนามที่มีความพร้อมในหลากหลายด้าน และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง CRC จึงเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการขยายธุรกิจ ด้วยจำนวนร้านค้ามากกว่า 340 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 1,200,000 ตารางเมตร ใน 40 จังหวัด คิดเป็น 85% ของ GDP ประเทศเวียดนาม และสร้างยอดขายเติบโตก้าวกระโดด จาก 300 ล้านบาท ในปี 2014
Central เริ่มมาทำธุรกิจในเวียดนาม 11 ปีแล้วและพาร์ทเนอร์กับธุรกิจที่เวียดนามมาเรื่อยๆ แต่จุดเปลี่ยนคือปี 2019 ที่ Central ได้เข้าเทคโอเวอร์ Big C ทั้งหมดในเวียดนามและรีแบรนด์ครั้งใหญ่เป็น GO! พร้อมด้วย mini go! ที่เป็นมุดหมายสำคัญของตลาด Retailer ที่จะเข้าไปครองใจคนเวียดนาม
สำหรับ mini go! ทาง Techsauce ได้มีโอกาสเยี่ยมชม และได้รับข้อมูลถึงกลยุทธ์การเดินเกมเพื่อครองตลาดและครองใจคนเวียดนามว่า “mini go! จะนำความทันสมัยมาสู่เมืองระดับเล็กใน tier 3-4”
Mini go! เปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 เป็นซุปเปอร์มาร์เกต ที่มีสินค้าทั้งประเภท Food และ Non-Food เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนอกเมืองเข้าถึงสินค้าได้เยอะ อีกทั้งความแตกต่างในเรื่อง Non-food อย่างเสื้อผ้า ทาง CRC มีการผลิต Collection เสื้อผ้าของตัวเองอีกด้วย ทั้งนี้คู่แข่งที่เป็น FMCG หรือ Modern Trade ในเวียดนาม ยังไม่มีนั่นเอง ที่นี่จึงยึด Everyday Low Price เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จมาก คือ ซื้อมากขึ้นลดมากขึ้น และเกิดทุกวัน ทำให้เรามียอดขายมากขึ้นเรียกว่า Trade up อีกทั้งความ Simple ของการก่อสร้างไม่แพง ทำให้เราลงทุนในเรื่องอื่นและ Drive ลุกค้าเข้ามาได้ โดย Mini go! ได้ดึง Pizza hut, Kubo, KFC เข้ามาอยู่ในพื้นที่ด้วย เนื่องจากไม่ได้ใช้จ่ายกับค่า Marketing จึงนำเงินมาลงทุนในส่วนอื่นได้ นอกจากอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำได้คือ CRC รู้ว่าไม่สามารถแข่งขันกับตลาดสดได้ เลยเน้น Import Food ซึ่ง Co-Volume กับ Hypermarket เลยได้ราคาถูก และลูกค้าจะหาซื้อสินค้าในตลาดสดไม่ได้
นอกจากนี้ 1 ใน Category ที่สำคัญมากคือ Bakery ซึ่ง Baguette เป็น Key item ที่ขายดีมาก แล้วจำกัดที่ 30SKUs เนื่องจากเริ่มต้นโมเดลนี้จากการทำ Survey ว่าคนนอกเมืองต้องการอะไร ว่าสามารถหาสินค้าอะไรได้บ้าง พร้อมเตรียมแผนขยาย 7 สาขาในปีนี้ 19 สาขา ในปีหน้า มากกว่า 100 สาขา ใน 5 ปี ในตลาดนี้มีช่องว่างเยอะมาก mini go! จึงเป็นความคาดหวังของธุรกิจ
GO! เปิดให้บริการในปี 2013 โดยเครือเซ็นทรัลเริ่มเข้าไปทำตลาดเวียดนามตั้งแต่ปี 2012 โดยเริ่มจากส่งแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นเข้าไปจำหน่าย ก่อนที่ปี 2015 จะเริ่มการบุกค้าปลีก เข้าซื้อหุ้น ‘Nguyen Kim’ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และ ‘Lanchi Mart’ ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางถึงใหญ่ ซึ่งตอนนี้มีทั้งหมด 39 แห่งทั่วเวียดนามเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี Look Kool ที่ขายของใช้ต่างๆ โดยเป้าหมายใน 5 ปี จะ Double การขยายสาขาเช่นกัน
สำหรับ GO! ในส่วนของ Hypermarket จะออกแบบบนพื้นที่ 4,500 ตารางเมตร 70% Food 30% Non Food มี Lay out เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แตกต่างจาก Hypermarket ในเมืองไทยเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์ในการจับจ่ายใช้สอยให้ดีที่สุด ล่าสุดปี 2022 สามารถปิดยอดขายในเวียดนามเป็นสัดส่วนถึง 25% และตอนนี้เป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจ Hypermarket และเบอร์ 2 ธุรกิจ Life Style Mall ที่เวียดนาม ด้วยนั่นเอง
ในส่วนของธุรกิจ GO! Hypermarket จะมีการขยายและรีโนเวทถึง 10 สาขา ส่วน สำหรับ Supermarket ทั้ง go! และ TOPS จะมีถึง 8-10 แห่งที่กำลังจะเกิดใหม่และเตรียมพื้นที่อีก 15-20 สาขาใหม่ จะมีการรวม Omni Channels เพื่อทำให้เกิด Efficiency ที่สูงสุด สำหรับ Hard Line Business อย่าง Nguyen Kim ที่มีการทำ Flagship Store ในโฮจิมินห์ และมีเป้าหมายที่จะปรับปรุง 10-12 สาขา อีกทั้งยังมีการพัฒนาสาขาที่อยู่ใน GO! Mall เพื่อรองรับและเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ในด้านของ Customer มีการนำ The1 ที่ประสบความสำเร็จในไทยมาใช้กับที่เวียดนามด้วยเช่นกัน
ด้วยความมุ่งมั่นในการเร่งเครื่องสานต่อธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง CRC เวียดนาม ได้เตรียมทุ่มงบลงทุนอีกกว่า 6,000 ล้านบาท ในปี 2023 นี้ รวมทั้งอีก 5 หมื่นล้านบาท ตามโร้ดแมป 5 ปี เพื่อขยายอาณาจักรให้ครอบคลุมทั่วประเทศเวียดนามด้วยเช่นกัน
กลยุทธ์ ReNEW ของ CRC ยังถูกนำมาใช้ด้วยเช่นกัน ซึ่งย่อมาจาก
1) REduce Green House Gases - ตั้งเป้าใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน 30% ในการดำเนินธุรกิจ 2) Navigate Society Wellbeing - ตั้งเป้าที่จะนำขยะไปสร้างประโยชน์บนดิน 10% ร่วมกับการลดการใช้น้ำ 3) Eco friendly Packaging และ 4) Waste Management - ตั้งเป้าว่า 20% ของสินค้าต้องมาจากทรัพยากรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและจัดหาทรัพยากรจากแหล่งที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน
ทั้ง 4 กลยุทธ์จะทำให้ CRC เติบโตสู่ The Next Sustainable Growth เติบโตมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป และตอกย้ำการเป็น Green & Sustainable Retail ด้วยกลยุทธ์ ReNEW ที่พร้อมจะเป็นกำลังสำคัญในการทำทุกภาคส่วนสามารถทำได้ เพื่อส่งมอบโลกที่น่าอยู่ให้กับคนเจนเนอเรชั่นต่อๆ ไป
นับว่าเป็นหมุดหมายสำคัญของ CRC ที่มีการขยายไลน์ธุรกิจที่หลากหลายในเวียดนามกับด้วยการ“เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยศักยภาพที่เต็มเปี่ยม” ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ถือว่าการขยายอาณาจักรในเวียดนามปีนี้จะเป็นการลงทุนที่จะเข้าไปครองพื้นที่ในเวียดนามและก้าวขึ้นสู่เป็นเบอร์ 1 ได้สำเร็จในอนาคตด้วยนั่นเอง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด