วิเคราะห์ Claim Di K4K "ชนแล้วแยก" ระบบตัวกลางสำคัญ ปฏิวัติการเคลมประกัน

วิเคราะห์ Claim Di K4K "ชนแล้วแยก" ระบบตัวกลางสำคัญ ปฏิวัติการเคลมประกัน

เขียนสรุปข่าว พร้อมบทวิเคราะห์ Claim Di K4K ระบบเคลมประกันที่ให้ลูกค้า ไม่ต้องรอนักสำรวจประกันอีกต่อไป แค่ ชน Shake แล้วแยกย้ายได้เลย - มีอะไรบ้างที่น่าสนใจจากความเคลื่อนไหวนี้

Claim Di K4K analysis

ไม่ต้องเสียเวลารอประกันนานอีกต่อไป ชน -> shake -> แยกย้ายกันได้เลย

Claim Di K4K คืออะไร

บริการตัวนี้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการรอประกันบนท้องถนนอย่างยาวนาน บางครั้งเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย ที่เราเอารถไปซ่อมเองได้ และเราไม่อยากจะรอ จะทำยังไงได้บ้างที่จะส่งเรื่องต่อให้ประกันได้ โดยไม่ต้องรอ จึงเป็นที่มาของ Knock for Knock (K4K) หรือ "ชนแล้วแยก"

Flow การใช้งานเป็นดังนี้

  • เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย เช่น การเฉี่ยวชน
  • คู่กรณีทั้งสอง เปิดแอป Claim Di แล้ว Shake หรือเขย่ามือถือ ใกล้ๆ กัน
  • ถ่ายรูปและอัปโหลดรูปส่งให้บริษัทประกันของตน
  • สามารถเซิร์จหาอู่ซ่อมรถที่จะนำไปซ่อม และจองในแอป Claim Di ได้เลย

claim di k4k shake

ชนเล็ก Shake แล้วแยก

การเป็นระบบศูนย์กลางของทุกบริษัทประกันภัย

หากใช้เคลมดิ เป็นตัวกลาง ก็จะสามารถเคลมได้ง่ายทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องรอประกันของแต่ละคน จาก Flow การใช้งานนั้น จะเห็นได้ว่าคู่กรณีทั้งสองจะต้องโหลดแอปเคลมดิ ไว้ก่อน และต้องเป็นลูกค้าของประกันฯ ที่เข้าร่วมกับเคลมดิ แล้วเท่านั้น

ซึ่งขณะนี้มีบริษัทประกันฯ เข้าร่วมกับเคลมดิ แล้วทั้งสิ้น 10 บริษัท โดย 4 บริษัท ใช้ได้แล้ววันนี้ ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธนชาต ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และอีก 6 ราย ที่ใช้ได้จริงตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมนี้ คือ บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แอกซ่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน)

คำถามคือ ทำไมบริษัทต่างๆ จึงหันมาเข้าร่วมกับเคลมดิ?

มันไม่เหมาะจะเป็นระบบที่เกาะติดอยู่กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เพราะโอกาสที่จะได้ K4K ระหว่างคู่ ซึ่งทั้งคู่เป็นลูกค้าของประกันภัยบริษัทเดียวกัน มีโอกาสน้อยมาก ดังนั้นสิ่งที่วงการประกันภัยต้องการคือ ระบบที่เป็นกลาง เชื่อมต่อได้ทุกบริษัท เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลูกค้าของทุกประกันก็สามารถเคลมประกันเองได้ โดยที่บริษัทของแต่ละคนรับรู้และอนุมัติ และเคลมดิ ก็คือระบบกลางตัวนั้น

การเคลมประกัน ไม่ได้เป็น Pain point ของลูกค้าทั่วไปอย่างเดียว แต่ยังเป็น Pain point ของบริษัทประกันเองด้วย

ปัจจุบัน การเคลมประกัน ถือเป็นจุดขายสำคัญที่ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อประกัน ซึ่งแต่ละบริษัทต้องทุ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อให้ลูกค้าได้รับการเคลมประกันที่เร็วที่สุด แต่ทุกรายก็ยังอยู่ในวงจรเดิม คือ ต้องจ้างนักสำรวจประกันภัย ต้องมีระบบ Call center คอยรับเรื่องจัดทำเอกสารต่างๆ ระบบไอทีหลังบ้านต่างๆ รวมแล้วล้วนใช้ต้นทุนมหาศาล

Trust ของเคลมดิ

jack claim di and insurance companies

ประเด็นคือ บริษัท เอนนี่แวร์ ทู โก จำกัด (Anywhere 2 go Co., Ltd) นอกจากเคลมดิแล้ว ก็มีประสบการณ์พัฒนาโซลูชันส์ให้บริษัทประกันภัย มาต่อเนื่อง 16 ปีแล้ว ซึ่งให้บริการครบวงจร ตั้งแต่

  • Claim Di Call บริการ Call center 24x7 และนอกเวลาออฟฟิศ
  • บริการรับจ้างนักสำรวจประกันภัย Claim Di Bike รับทำเคลมสด เคลมแห้ง และตรวจสภาพรถการประกัน
  • ระบบบริหารจัดการการทำเคลมหลังบ้าน Claim Di Enterprise
  • Claim Di Assist บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน และบริการ Personal Assistance
  • Claim Di Inspection ระบบที่ให้ลูกค้า สามารถทำการตรวจสภาพรถยนต์เข้ามาได้เอง
  • Claim Di NA ระบบที่ให้ลูกค้าสามารถทำเคลมแห้งเข้ามาได้เอง
  • Claim Di ilertu ระบบที่ให้ลูกค้าสามารถกดเรียกพนักงานสำรวจภัยได้เอง โดยไม่ต้องอธิบายจุดเกิดเหตุ
  • Claim Di K4K ระบบ ชนเล็ก Shake แล้วแยก

เช่น ชนเล็ก มี K4K บริการคนทั่วไป แต่ถ้าชนใหญ่ ก็เรียกนักสำรวจประกันภัยมาดีกว่า ซึ่งเคลมดิ ก็มี Claim Di Bike ให้บริการบริษัทประกันต่างๆ อีกที

รวมทั้งสิ้นแล้ว Anywhere 2 go ได้ให้บริการกับบริษัทประกันมาแล้วมากกว่า 35 บริษัทประกันภัย

จากเดิมทีที่เรามองว่าเคลมดิ เน้นพัฒนาระบบเพื่อขายแบบ B2B ให้แต่ละบริษัท ตอนนี้เปลี่ยนใหม่ กล่าวได้ว่า เคลมดิ ได้รับการยอมรับเป็น Standard เป็น Platform กลาง ของทุกๆ ที่ และการเชื่อมต่อนี้ จะทำให้เคลมดิ กลายเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านการประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ในอนาคตอันใกล้

มีไม่กี่ startup ที่ทำได้ และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เคลมดิได้รับการจัดอันดับว่าเป็น InsurTech ที่น่าจับตามอง รายหนึ่งของโลกอีกด้วย อ้างอิง dailyfintech.com และ banknxt.com

Claim Di จะ mass มากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อ K4K เข้ามา นอกจากผู้บริโภคจะแฮปปี้ ไม่ต้องรอนาน และบริษัทประกันได้ประโยชน์ แล้ว หากใช้กันอย่างแพร่หลายจริงทั่วประเทศ จะเป็นการแก้ไขปัญหาจราจร เพราะปัญหาจราจรมักเกิดจากอุบัติเหตุ คุณแจ็ค กิตตินันท์ อนุพันธ์ กรรมการผู้จัดการ Anywhere 2 go เปิดเผยว่า ในหนึ่งปี แต่ละชั่วโมงที่คนไทยเสียเวลาไปกับการรอเคลมประกันบนท้องถนน กินเวลามากคิดรวมเป็นหลายล้านชั่วโมง

Claim Di K4K จึงได้รับการมองเป็น Social Enterprise ที่นำระบบไอทีมาแก้ปัญหาระดับสังคม จึงได้รับการสนับสนุนจาก สวพ.91 รายการวิทยุจราจรชื่อดัง ร่วมประชาสัมพันธ์ และให้คำแนะนำแก่คนใช้รถใช้ถนน

ความท้าทายของเคลมดิ และวิเคราะห์ทิศทางในอนาคต

ความท้าทายของ K4K คือ ต้องทำอย่างไรก็ได้ ให้คนมีรถ มีแอปของเคลมดิติดตัวไว้ ทว่าการเคลมประกัน ไม่เหมือนกับการแชท ไม่ใช่กิจกรรมที่เกิดขึ้นทุกวัน และสิ่งที่ยากคือการทำให้คนประมาทดาวน์โหลดแอปนี้ให้ได้ คุณแจ็คเปิดเผย

สำหรับ K4K เอง มาพร้อมกับแคมเปญ แจกคูปองนั่งรถแท็กซี่ฟรี 3000 บาท คือถ้ารถของคุณชน แล้วต้องส่งซ่อม ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เคลมกับเคลมดิ แล้วรับคูปองนั่งแท็กซี่ไปใช้ได้

ที่ผ่านมา เคลมดิ ให้ความสำคัญกับการทำ B2B กับบริษัทประกันให้แข็งแกร่ง แต่ต่อจากนี้ เราคงได้เห็นภาพเคลมดิ เข้าหากลุ่ม consumer มากขึ้น

แต่นอกจากการปรับตัวของผู้บริโภคแล้ว หาก Claim Di ทำให้ทุกบริษัทประกันที่เข้าร่วม สามารถบริการเคลมประกันได้ด้วยคุณภาพใกล้เคียงกัน ก็น่าสนใจว่า ต่อไปนี้ โมเดลจุดขายของแต่ละบริษัทเอง จะเป็นอย่างไร คงจะได้เห็นการปรับเปลี่ยนของทั้งอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน

claim di k4k campaign taxi

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก Secure Corporate Internet บริการใหม่ที่ ‘ตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัล’ เข้าใจทุกเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ของธุรกิจ จาก AIS Business

บทความนี้ Techsauce อยากชวนมารู้จักกับ Secure Corporate Internet อินเทอร์เน็ตองค์กรที่มีระบบรักษาความปลอดภัยครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง บริการใหม่เพื่อธุรกิจในยุคดิจิทัล!...

Responsive image

สรุปเนื้อหาจากงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future เจาะเวลาหาอนาคต สู่การใช้ AI อย่างชาญฉลาดบนความรับผิดชอบ

สรุปเนื้อหาจากงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future นำเสนอเนื้อหาสุด Exclusive จากทั้ง 3 Stage โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชั้นนำจากทั้งไทยและต่างประเทศ เจาะเวลาหาอนาคต สู่ก...

Responsive image

Ertigo สตาร์ทอัพไทยที่อยากแก้ปัญหา Office Syndrome ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการ TeleRehab ในอาเซียน

ERTIGO สตาร์ทอัพไทยที่ต้องการแก้ปัญหา Office Syndrome ตั้งเป้าการเป็นผู้ให้บริการ Telerehab ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้...