Cleveland Clinic และ IBM เปิดตัว Quantum Computer เครื่องแรกของโลก สำหรับการวิจัยด้านสุขภาพ และ การค้นคว้าทางชีวการแพทย์
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Cleveland Clinic และ IBM ก่อตั้งศูนย์ Discovery Accelerator เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือด้านการวิจัยร่วมสิบปี โดยมุ่งเน้นไปที่การวิจัยด้านการดูแลสุขภาพ และชีววิทยาศาสตร์ ด้วยการนำเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวเตอร์ของ IBM , คอมพิวเตอร์ประมวลผลขั้นสูง, Hybrid Cloud และ ปัญาประดิษฐ์ เข้ามาใช้
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ 21 มีนาคม Cleveland Clinic และ IBM ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ IBM Quantum System one ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของผลงานชิ้นโบว์แดงในโลกเทคโนโลยี
ในการเปิดตัวเทคโนโลยีนี้มีเหล่าผู้บริหารของทั้งสองบริษัท, นายกเทศมนตรีเมืองคลีฟแลนด์ Justin Bibb, ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ Jon Husted และ Shonten Brown รวมทั้งสมาชิกสภาคองเกรสเขต 11 ของรัฐโอไฮโอเข้าร่วมการเปิดตัวครั้งนี้
เป้าหมายหลักๆของ IBM ที่เข้ามาร่วมมือกับ Cleveland Clinic มีจุดประสงค์เพื่อเข้ามาพัฒนาด้าน การค้นคว้าทางชีวการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และในอนาคตอาจนำเทคโนโลยีขั้นสูงอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Hybrid Cloud, ปัญญาประดิษฐ์ในรุ่นถัดไป, คอมพิวเตอร์ประมวลผลขั้นสูง เข้ามาใช้
คอมพิวเตอร์ IBM Quantum System One ถือว่าเป็น คอมพิวเตอร์ส่วนตัวของ IBM เครื่องแรกในสหรัฐอเมริกาที่ติดตั้งในสถานที่ทำงาน และยังเป็นคอมพิวเตอร์ควอนตัมเฉพาะด้าน การวิจัยด้านการบริการสุขภาพเครื่องแรกของโลก
ผลการวิจัยโดยนักวิทยาศาสตร์ของ Discovery Accelerator จะสร้างการยอมรับด้านวิทยาศาสตร์ ให้กับเมืองคลีฟแลนด์ และ การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสำหรับการก่อตั้ง Cleveland Clinic's Global Center for Pathogen & Human Health Research ที่เป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับเชื้อโรคและสุขภาพของผู้คนทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศจัดตั้ง Discovery Accelerator ครั้งแรกในปี 2564
โครงการทั้งสองได้รับผลประโยชน์จาก Cleveland Innovation ซึ่งประกอบด้วย Cleveland Clinic, MetroHealth System, University Hospitals, Case Western Reserve University และ Cleveland State University โดยทั้งหมดทำงานร่วมกันในการวิจัยและร่วมมือกันเพื่อสร้างงานเพิ่มในพื้นที่ Cleveland และยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองคลีฟแลนด์ในฐานะศูนย์กลาง วิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐโอไฮโอ และ Jobs Ohio กว่า 500 ล้านดอลลาร์ โดยมีการคาดการณ์ว่า Cleveland Clinic จะสร้างงานใหม่กว่า 1,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2572 และอีก 7,500 ตำแหน่งในปี 2577
นอกจากนี้ Cleveland Clinic Discovery Accelerator กำลังสร้างทีมผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยา ด้านมะเร็ง และโรคติดเชื้อระดับโลก เพื่อวิจัยเชื้อโรคที่เกิดขึ้นใหม่และโรคที่เกี่ยวข้องกับไวรัส นักวิจัยเหล่านี้จะใช้เทคนิคการคำนวณขั้นสูงเพื่อสร้างและวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อปรับปรุงการ วิจัยด้านจีโนมิกส์, สุขภาพของประชากร, การใช้งานทางคลินิก และการค้นคว้ายารักษาใหม่ๆ
ซึ่งทีมงานของ IBM-Cleveland Discovery Accelerator ก็เริ่มนำเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวเตอร์ AI, Hybrid Cloud มาใช้ในการทำวิจัยชีวทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาท่อประมวลผลควอนตัม เพื่อคัดกรองและเพิ่มประสิทธิภาพยาที่กำหนดเป้าหมายไปยังโปรตีนเฉพาะ, การสร้างแบบจำลอง การคาดการณ์ที่ยกระดับด้วยควอนตัมสำหรับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดหลังการผ่าตัด ที่ไม่ใช่หัวใจ, การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการค้นหาลำดับจีโนมในฐานข้อมูลยาขนาดใหญ่ เพื่อพิจารณาว่ายาที่มีอยู่สามารถช่วยผู้ป่วยอัลไซเมอร์หรือโรคอื่นๆ ได้หรือไม่
1. IBM Quantum
ระบบ Quantum ของ IBM มีมากกว่า 20 ระบบที่สามารถปรับใช้ได้ทั่วโลกโดยใช้ระบบ System One และฐานผู้ใช้ควอนตัมของ IBM ก็มีมากกว่า 450,000 รายและยังมีวงจรควอนตัมมากกว่า 2 ล้านวงจร
IBM Quantum System One รองรับโปรเซสเซอร์สามตัว ได้แก่ Falcon 27 คิวบิต, Hummingbird 65 คิวบิต และ Eagle 127 คิวบิต โมเดล 127 คิวบิตได้รับการติดตั้งในวิทยาเขตคลีฟแลนด์คลินิก ในอนาคต มีแผนจะติดตั้ง IBM System Two เมื่อพร้อมใช้งาน
สถาปัตยกรรมควอนตัมของไอบีเอ็มรวมถึงระบบแบบคลาสสิกที่อยู่ร่วมกันและ Qiskit Runtime เพื่อรันวงจรควอนตัมด้วยความเร็วสูงสุด
IBM รวมวงจรไดนามิกเพื่อลดความลึกของวงจรและให้ความเที่ยงตรงสูงขึ้น ในไม่ช้า การลดข้อผิดพลาด จะมาพร้อมใช้การงานเพื่อจัดการสัญญาณรบกวนจนกว่าการแก้ไขข้อผิดพลาดจะกลายเป็นจริง
2. IBM AI
Discovery Accelerator ใช้ AI ของ IBM เพื่อเร่งการออกแบบยาต้านจุลชีพและคิดค้นยารักษาอื่นๆ ทาง IBM ได้ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อลดวงจรการพัฒนายาจากหลายปีให้เหลือน้อยกว่าสองเดือน
จากข้อมูลของ Cleveland Clinicโดยปกติแล้วการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการวิจัย จะใช้เวลาประมาณ 17 ปี สำหรับการทดสอบหรือการบำบัดสำหรับผู้ป่วยจนได้รับการอนุมัติ
นอกจากนี้ IBM กำลังใช้ AI กำเนิดเพื่อออกแบบสารประกอบตัวยาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่เพิ่มคุณลักษณะเฉพาะและยกระดับประสิทธิภาพของยาที่มีอยู่
นักวิจัยของ IBM ยังใช้ AI เพื่อสร้างเครื่องมือ เช่น MolFormer และ MolGPT เพื่อทำนายคุณสมบัติของโมเลกุลของสารเคมี เครื่องมือนี้มีความสำคัญมากในด้านต่างๆ รวมถึงการค้นพบยารักษาและการออกแบบ Matherial Design
3. IBM AI Supercomputer
เพิ่งมีการเปิดเผยว่า IBM ได้ออกแบบและสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI บน ระบบคลาวด์ของตนเองในเดือนพฤษภาคม 2565
แม้ว่าตัว Supercomputer ของ IBM จะได้รับการออกแบบมาเพื่อรันและฝึกโมเดลที่ใช้สำหรับ กระบวนการทางธุรกิจภายในเป็นหลัก แต่ก็มีการใช้งานกับแอปพลิเคชั่นบางแอปพลิเคชั่นของลูกค้าด้วย
4. IBM Hybrid Cloud
IBM Hybrid cloud รวมบริการคลาวด์ทั้งสาธารณะและส่วนตัว มีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการประสาน การจัดการ และการพกพาแอปพลิเคชันในทั้งสามบริการใช้ประมวลผลแบบกระจายที่รวมเป็นสิ่งๆเดียว อีกทั้งยังยืดหยุ่นเพื่อดำเนินการและปรับขนาดปริมาณงานแบบดั้งเดิมบนคลาวด์โดยใช้รูปแบบการคำนวณที่เหมาะสมที่สุด
เทคโนโลยีที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ในอนาคตทางด้านการแพทย์ การวิจัย การคิดค้นยารักษาต่างๆ จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสร้างงานและอาชีพใหม่ๆ ไม่ใช่แค่ในเมืองครีฟแลนด์ แต่อาจรวมถึงคนทั้งโลกใบนี้
อ้างอิง forbes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด