การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องเร่งปรับตัวเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล EDI จึงกลายมาเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการทำธุรกิจในปัจจุบัน
COVID-19 ได้ก่อให้เกิดโรคระบาดที่ไม่เพียงรบกวนการใช้ชีวิตของผู้คน แต่ยังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานในระยะยาว โดยรายงานพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัลฉบับล่าสุดจาก UNCTAD เผยว่า รายได้ในตลาด E-Commerce ทั่วโลกได้พุ่งสูงถึง 26.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใต้การขับเคลื่อนของ E-Commerce และข้อจำกัดที่เกิดจากการแพร่ระบาดในภาวะนี้ ซึ่งตามรายงานเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2021 ได้แสดงให้เห็นว่า การระบาดของ COVID-19 ทำให้ส่วนแบ่งยอดขายจากการค้าปลีกออนไลน์จากยอดขายค้าปลีกทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 16% เป็น 19% ในปี 2020 ซึ่งธุรกิจที่จะเอาตัวรอดได้ในยุคที่ E-Commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว ก็คือการสร้างยอดขายที่เกิดจาก B2B หรือธุรกิจกับธุรกิจ ที่รวมไปถึงการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI)
เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าระบบ EDI (Electronic Data Interchange) แพลตฟอร์มสำหรับรับ-ส่งข้อมูลที่จัดเก็บในรูปแบบดิจิทัล ในปัจจุบัน ได้กลายมาเป็นพื้นฐานสำหรับการเติบโตของธุรกิจในทุกวันนี้ ด้วยประโยชน์มากมายที่เอื้อให้การทำธุรกิจกับผู้มีผลประโยชน์ร่วมกับบริษัทให้เป็นไปได้สะดวกยิ่งขึ้น
ระบบ EDI ในฐานะระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล เหมาะสมกับการทำงานของบริษัทในยุคดิจิทัลด้วยราคาที่ไม่แพง สามารถปรับให้เข้ากับฐานข้อมูลนั้น ๆ ได้ และยังมีความรวดเร็วพร้อมช่วยให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยลง ช่วยให้เข้าถึงบันทึกในอดีตได้ง่าย รวมถึงไปลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทเนื่องจาก EDI มีการขับเคลื่อนด้วยคลาวด์ รวมถึงช่วยลดการใช้ทรัพยากรไอที ประกอบกับผู้ให้บริการคลาวด์ยังให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิคที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีทั่วโลก ซึ่งข้อมูลจะถูกเก็บและจัดการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยระบบคลาวด์ยังช่วยให้ความเร็วในการประมวลผลข้อมูลเป็นไปได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาในการกำจัดข้อมูลที่ป้อนเข้าไปผิดพลาด เช่น ข้อมูลการจัดส่งสินค้าและการเรียกเก็บเงินสินค้า และลดขั้นตอนในการป้อนข้อมูลซ้ำอีกครั้งของฝั่งปลายทาง ทั้งยังช่วยให้สามารถเข้าถึงเอกสารในอดีตได้อย่างง่ายดายโดยกระบวนการจัดการเอกสารด้วยระบบอัตโนมัติ ที่จะช่วยยกระดับการปกป้องข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความเร็วในการรับข้อมูลประกอบกับข้อมูลที่ถูกเก็บรวมเข้าสู่ระบบของคู่ค้าจาก EDI นี้ จะช่วยลดรอบเวลาของการจัดการข้อมูลได้อย่างมหาศาล ทำให้ EDI เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของระบบการผลิตแบบ just-in-time (ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี ที่จะผลิตสินค้าเมื่อมีความต้องการซื้อจากลูกค้าเท่านั้น และจะส่งมอบให้ลูกค้าทันทีเมื่อผลิตเสร็จ)
"การสร้างระบบอัตโนมัติให้กับกระบวนการทางธุรกิจ จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงาน พร้อมทั้งปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้บริษัทควบคุมการดำเนินงานทั้งหมดได้ โดย Comarch จะสร้างความมั่นใจให้กับบริษัทว่า ถึงแม้โลกจะล่มสลาย บริษัทก็จะยังทำกำไรต่อไป” - Comarch
Comarch คือ ธุรกิจแนวหน้าในการเสริมศักยภาพให้กับบริษัทด้วยการใช้ระบบ EDI ผ่านซอฟต์แวร์เฮาส์ระดับโลกที่ส่งมอบและผสานผลิตภัณฑ์ไอทีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมากกว่า 28 ปี และทีมงานของบริษัทที่มีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำกว่า 6,500 คนในสาขาการเขียนโปรแกรม วิทยาการคอมพิวเตอร์ และเศรษฐศาสตร์ ในตอนนี้ ให้บริการ EDI แก่ลูกค้าทั่วโลก โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะจัดหาเทคโนโลยีที่อยู่ในงบประมาณ และปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบริษัท ด้วยความเชี่ยวชาญในระบบการจัดการธุรกิจ ERP (การบริหารทรัพยากรขององค์กร), การจัดการความปลอดภัยของข้อมูล, CRM (การจัดการเรื่องความสัมพันธ์กับลูกค้า) และระบบสนับสนุนการขาย, การสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์, การจัดการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย, โซลูชัน IoT (Internet of Things), การวิเคราะห์ข้อมูล และระบบธุรกิจอัจฉริยะ
วิศวกรไอทีและผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจของบริษัทได้สร้างแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ในระดับแนวหน้าด้วย Comarch EDI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม B2B บนคลาวด์ที่ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบริษัทและคู่ค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่า บริษัทสามารพัฒนาประสิทธิภาพทางธุรกิจ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานและข้อบังคับระดับโลกฉบับล่าสุด โดยแพลตฟอร์ม Comarch EDI ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถส่งและรับข้อความอิเล็กทรอนิกส์ที่แปลงเป็นรูปแบบต่างๆ ได้มากมาย ด้วยผลิตภัณฑ์ไอทีที่มีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่าสูง ซึ่งสามารถรวมเข้ากับระบบไอทีภายในหรือจะใช้ในรูปแบบ Web-EDI ได้อย่างง่ายดาย จากการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน, เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับ และเทคโนโลยี Machine Learning ทำให้ Comarch EDI รับประกันถึงผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าในระบบ Comarch EDI 2019 ที่ยืนยันประสิทธิภาพของระบบ พบว่า 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจรายงานว่างานธุรการลดลง 83% รายงานว่าค่าใช้จ่ายในการจัดการข้อมูลลดลง และ 70% รายงานว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับคู่ค้าทางธุรกิจ
ลูกค้ารายใหญ่ทั้ง 3 รายของบริษัทที่ใช้บริการแพลตฟอร์ม Comarch EDI พบว่ามีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ พิสูจน์ถึงผลตอบรับในเชิงบวก ซึ่งลูกค้าดังกล่าวประกอบไปด้วยบริษัท METRO-NOM, thyssenkrupp และ Danone
Comarch ประสบความสำเร็จในการเสริมศักยภาพให้กับบริษัท METRO-NOM ด้วยแพลตฟอร์ม EDI ที่ช่วยจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การดำเนินงาน และการสนับสนุนด้วยบริการด้านไอที ภายใต้ METRO AG หนึ่งในบริษัทค้าปลีกและค้าส่งระหว่างประเทศที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในโลก มีสาขาใน 35 ประเทศ มีพนักงานมากกว่า 150,000 คน และสร้างรายได้ประมาณ 37,140 ล้านยูโร และมี EBIT หรือกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ 1,106 ล้านยูโร โดย Comarch จะหาทางแก้ไขสำหรับข้อผิดพลาดที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางธุรกิจและเอกสารในรูปแบบกระดาษระหว่างเครือข่ายค้าปลีกและซัพพลายเออร์ ที่ส่งผลให้มีต้นทุนสูงในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งพบว่า ภายในหนึ่งปี Comarch สามารถโยกย้ายและจัดการโครงสร้างพื้นฐาน EDI สำหรับ 24 ประเทศและ 35 สายการขาย Comarch EDI จึงทำให้ METRO-NOM ได้รับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่าพอใจ พร้อมกับราคาที่เหมาะสม และฟังก์ชันการทำงานที่ได้รับการพัฒนาอย่างดี
และยังมีความร่วมมือกับบริษัท thyssenkrupp ที่ได้นำไปสู่ความสำเร็จเช่นกัน โดย thyssenkrupp เป็นบริษัทซัพพลายเออร์ชั้นนำและพันธมิตรด้านวิศวกรรมของอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับสากล ที่มองว่าการเลือกผู้ให้บริการ EDI ที่เชื่อถือได้จะช่วยรักษาชื่อเสียง และส่งผลต่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทั้งกับผู้ให้บริการธุรกิจและผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์ และสิ่งที่ทางบริษัทให้ความสำคัญคือการจัดระบบและการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ EDI ระหว่างแผนกที่รับผิดชอบในการจัดหาชิ้นส่วนและบริการทางวิศวกรรมให้กับภาคส่วนยานยนต์รวมถึงคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัท ซึ่งการใช้งานครั้งแรกกับพาร์ตเนอร์ของบริษัทอย่าง Commerce ก็เป็นไปได้ด้วยดี และการดำเนินการในปี 2019 ทาง Comarch ก็ได้เข้าไปช่วยปรับปรุงงานต่างๆ เช่น การคาดการณ์กำหนดการส่งมอบ (DELFOR) และให้บริการและสนับสนุนให้สอดคล้องกับกฎหมายทั่วโลกว่าด้วยข้อบังคับการออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรม B2B อย่างมืออาชีพ
สุดท้ายนี้ คือความร่วมมือกับ Danone บริษัทอาหารชั้นนำระดับโลกที่ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์จากนมและผลิตภัณฑ์จากพืช น้ำและเครื่องดื่ม และโภชนาการเฉพาะทาง ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีอยู่ในตลาดประมาณ 130 แห่ง และสร้างยอดขายรวมประมาณ 25.3 พันล้านยูโรในปี 2019 ซึ่ง Danone มีเป้าหมายที่จะเพิ่มความคล่องตัวในความร่วมมือระหว่างซัพพลายเออร์ คู่ค้า และลูกค้า ผ่านการใช้ระบบ EDI ที่มีความน่าเชื่อถือเพียงที่เดียว และบริษัทยังต้องการกำจัดเอกสารที่เป็นกระดาษ เพื่อปรับปรุงการจัดการข้อมูลและช่วยประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลา โดย Comarch EDI ถูกนำมาใช้ใน 4 ประเทศที่บริษัทดำเนินการ ได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และเดนมาร์ก และมีการใช้บริการของ Comarch EDI ทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ Comarch EDI, Comarch EDI Tracking และ Comarch EDI Archive
ด้วยสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับบริษัทในการใช้เครื่องมือที่ยั่งยืนและเชื่อถือได้เพื่อก้าวไปข้างหน้า และ Comarch ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือดังกล่าวด้วย Comarch EDI
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ Comarch’s website และสามารถดาวน์โหลด ebook พิเศษ ที่มีคำทักทายจาก Comarch ได้ที่นี่
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด