
บนเวที Creative Talk Conference 2025 (CTC 2025) หนึ่งในเซสชั่นที่น่าสนใจคือการปะทะวิสัยทัศน์ของสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีไทย คุณยอด ชินสุภัคกุล จาก LINE MAN Wongnai และ คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา จาก Bitkub ที่ต่างฉายภาพความท้าทายของโลกธุรกิจในปัจจุบัน และอนาคต
ภาพแรกคือวิกฤตระดับจุลภาคที่เจ็บปวด และใกล้ตัวอย่าง "ธุรกิจร้านอาหาร" ส่วนอีกภาพคือการเปลี่ยนแปลงระดับมหภาคที่น่ากังวล เมื่อโลกที่เรารู้จักกำลัง "กลายพันธุ์" ไปอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่ว่าภาพจะเล็กหรือใหญ่ ทั้งคู่กลับชี้ไปยังทางรอดเดียวกันนั่นก็คือ AI

ปีนี้เป็นปีที่เหนื่อยแต่ต้นปี
คุณยอดเริ่มต้นด้วยการเปิดข้อมูลหลังบ้านของ LINE MAN Wongnai ที่ทำให้หลายคนต้องตกใจ สวนทางกับภาพร้านอาหารเปิดใหม่ที่เราเห็นกันจนชินตา

คุณยอด ฉายภาพสไลด์ที่แสดงให้เห็นว่า ยอดขายของร้านอาหารเดิม (Offline Same-Store Sale) ในไตรมาส 2 ของปี 2025 ดิ่งลงถึง 14% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ลดลงเพียง 3% เท่านั้น ขณะที่จำนวนร้านอาหารเปิดใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และที่น่ากลัวที่สุดคือ ร้านอาหารที่เปิดใหม่กว่า 50% ต้องปิดตัวลงภายใน 1 ปี
ธุรกิจร้านอาหารจริงๆ แล้วเป็นแบบ High-Risk, Low-Return
ปัจจัยลบไม่ได้มีแค่นั้น ต้นทุนวัตถุดิบพุ่งขึ้น 25% ค่าแรงเพิ่ม 5% แต่นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักกลับลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เคยใช้จ่ายหนักก็หายไปมาก

ทางรอดที่ LINE MAN Wongnai เสนอให้ร้านอาหารมี 4 ข้อหลัก ได้แก่

ขณะที่คุณยอดเจาะลึกปัญหาใกล้ตัว คุณท็อป จิรายุส ได้พาทุกคนเงยหน้าขึ้นมองภาพที่ใหญ่และซับซ้อนกว่า โดยชึ้ให้เห็นว่าโลกที่เราคุ้นเคยมาตลอด 80 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังจะจบลง
โลกของเรากำลังจะกลายพันธุ์ จากเดิมที่เป็น Post-War Order, Globalization, และมีอเมริกาเป็นพี่ใหญ่คนเดียว มันกำลังเปลี่ยนเป็น Pre-Something World ที่ตรงกันข้ามทุกอย่าง
สิ่งที่คุณท็อปหมายถึงคือการเปลี่ยนผ่านสู่
แม้จะมองจากคนละมุม แต่บทสรุปของทั้งสองคนกลับมาบรรจบที่เดียวกัน นั่นคือ "AI คือทางรอดเดียว"
ถ้าบริษัทของคุณยังไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับ AI แสดงว่าคุณช้ากว่าชาวบ้านไปแล้ว
คุณยอด ย้ำว่าทุกวันนี้องค์กรต้องเป็น AI-First หรือ AI-Driven ทุกคนในองค์กรต้องใช้ AI เป็นส่วนประกอบในการทำงาน
คุณยอด ยกตัวอย่าง LINE MAN Wongnai เองที่ปรับลดแผนการจ้างงานลง 2 ครั้งในปีนี้ เพราะ AI ช่วยให้พนักงานที่มีอยู่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจนน่าทึ่ง
บริษัทที่จะอยู่รอดได้ต้องเป็น AI-First Company และคนที่จะมีงานทำต้องเป็น AI-Enabled Employee... อย่าหลงทิศ ความเร็วสำคัญ แต่ทิศทางสำคัญกว่า
คุณท็อป เปรียบเทียบว่าคนที่ไม่ใช้ AI ในวันนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ยังใช้พิมพ์ดีดในยุคที่ทุกคนใช้คอมพิวเตอร์กันหมดแล้ว
ถ้ามีเด็กฝึกงานที่ฉลาดที่สุดในโลก อยู่ข้างตัวคุณตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ค่าจ้างแค่เดือนละ 650 บาท ผมถามว่าคุณจ่ายเงินให้เขาทุกเดือนแล้ว ใช้เขาทุกวันหรือยัง ?
เมื่อถูกถามว่าแล้วคนทำงานทั่วไปควรทำอย่างไร คุณยอดชี้ช่องว่า "โลกตอนนี้ต้องการ 'AI Transformation Company' มากๆ" หรือบริษัทที่ปรึกษาที่ช่วยให้ธุรกิจอื่นปรับตัวเข้าหา AI ได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจมหาศาล
ส่วนคุณท็อปทิ้งท้ายไว้อย่างเฉียบคมว่า งานเก่าจะหายไปแต่งานใหม่จะเกิดขึ้น คนขับรถบรรทุก 5 คน อาจจะถูกแทนที่ด้วยรถบรรทุกไร้คนขับที่ควบคุมโดยคนเพียงคนเดียว แต่คนๆ นั้นต้องเป็นคนที่มีทักษะในการควบคุม AI
คุณต้องไปเรียนรู้คอมพิวเตอร์ใหม่ อินเทอร์เน็ตใหม่... ซึ่งก็คือ AI
บทสรุปจากเวที CTC 2025 ครั้งนี้จึงชัดเจนว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของร้านอาหาร, CEO บริษัทเทคฯ, หรือพนักงานออฟฟิศ การปฏิวัติของ AI ไม่ใช่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป แต่มันคือปัจจุบันที่กำลังไล่ตามเรามาอย่างรวดเร็ว
คำถามสำคัญในวันนี้จึงไม่ใช่จะใช้ AI หรือไม่ แต่เป็นจะเริ่มใช้มันอย่างจริงจังเมื่อไหร่ ก่อนที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังในโลกที่กำลัง 'กลายพันธุ์' ใบนี้
อ้างอิง : สรุปจาก Session Half Year Trends : Business and Economy ในงาน Creative Talk Conference 2025
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด