จริงๆพี่ทุยว่า "เทคโนโลยี" เข้ามาเปลี่ยนโลกจริงๆ เปลี่ยนให้โลกกลายเป็น "โลกดิจิทัล" อย่างสมบูรณ์ แล้วยิ่งโลกของการเงินพี่ทุยว่าได้รับอานิสงค์จากโลกดิจิทัลไปเต็มๆ
ลองคิดดูเล่นๆว่าโลกดิจิทัลเป็นโลกที่ทุกอย่างถูกย่อให้เล็กลง ทุกอย่างดูเหมือนจะสะดวกสบายไปซะหมด เอาง่ายๆเลย คือ เมื่อก่อนเวลาที่เราจะโอนเงินเราต้องตากแดดตากฝนไปที่สาขา เพื่อเข้าไปต่อคิวทำธุรกรรมทางการเงิน เดี๋ยวนี้แค่นอนอยู่ที่บ้านก็สามารถโอนเงินได้ง่ายๆแค่ปลายนิ้วสัมผัส นอกจากจะทำได้อย่างรวดเร็ว (มาก) แล้ว ยังไม่มีค่าธรรมเนียมการโอนอีกต่างหาก ทั้งเร็วและประหยัดแบบนี้ ทุกคนก็เลยเปลี่ยนกันมาใช้แบบสบายๆไม่ต้องคิดอะไรมาก
แต่รู้กันหรือไม่ว่า ความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ที่เราเห็นเนี้ย จริงๆ "อันตราย" กว่าที่เราคิดมาก ซึ่งเป็นอันตรายต่อเงินในกระเป๋าของเราอีกด้วย
ลองคิดดูเล่นๆว่า ด้วยเหตุที่เราทำ "ธุรกรรมทางการเงิน" ได้ง่ายมาก นั่นแปลว่าเงินออกจากกระเป๋าเราง่ายมากขึ้น ถ้าลองดูดีดีสิ่งนึงที่เข้ามาอยู่ในชีวิตเราโดยไม่รู้ตัวเลยคือ "การช้อปปิ้งออนไลน์" ที่ช่วยทำให้เราจ่ายเงินได้ทุกที่ทุกเวลา แม้เราใกล้จะนอนแล้วก็ตาม
เราจะเห็นได้จากรายได้ของ e-Commerce รายใหญ่ของไทยอย่าง Shopee และ Lazada กระโดดเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ช่วงหลัง Lazada รายได้จะตกลงบ้างแต่จะเทียบย้อนหลังไป 2-3 ปี ก็ยังถือว่าเติบโตได้น่ากลัวมาก นอกจากนี้ก็ยังมีทั้ง LINEMAN รวมถึง Grab Food ที่ช่วยให้เรากินร้านเด็ดร้านดังได้โดยที่เราแทบจะไม่ได้ลุกออกจากบ้านไปไหน อาหารก็มาส่งให้ถึงหน้าประตูบ้านกันเลย
รายได้หลักของเว็บไซต์และ Application เหล่านี้ก็จะมาจากผู้บริโภคกด "ซื้อ" ของผ่านเว็บไซต์ของเค้าเนี้ยแหละ
พี่ทุยก็ซื้อของออนไลน์ผ่านช่องทางเหล่านี้มากขึ้นเหมือนกันนะ เพราะว่า "สะดวก" และ "ราคาถูก" กว่าไปซื้อหน้าร้าน พอเป็นแบบนี้ก็เลยช้อปปิ้งกันอย่างเมามันส์ ปัญหามันอยู่ที่ว่าหลายๆครั้งเราซื้อของมากจนเกินความจำเป็น เห็นราคาถูก เห็นของ Sale เห็นโปรโมชั่น บางทีซื้อก็ไม่ได้ใช้ แล้วส่วนใหญ่แล้ว "การช้อปปิ้งออนไลน์" พวกนี้มักจะซื้อผ่าน "บัตรเครดิต" เป็นหลัก แล้วพอเราช้อปมากกว่ารายรับ สิ่งที่จะตามมาก็คือ ไม่สามารถ "จ่ายเต็ม" ให้กับบัตรเครดิตได้ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทางการเงิน เพราะดอกเบี้ยของบัตรเครดิตบอกได้เลยว่าแพงมาก !! 20%++ ต่อปี ถ้าเราเอาเงินไปลงทุน เราจะหาผลตอบแทน 20% ต่อปีไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
ด้วยปัญหาแบบนี้เราจะเห็นได้เลยว่าปัญหาเรื่องหนี้บัตรเครดิต หนี้สินต่างๆเริ่มเป็นปัญหาในระดับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อายุไม่เกิน 30 ปี เป็นหนี้ที่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลหรือหนี้บัตรเครดิตมากกว่า 50% และปริมาณหนี้ต่อหัวก็มีมากขึ้นเรื่อยๆทุกปี จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมปัญหาเรื่องหนี้ถึงเป็นเรื่องที่ต้องรีบจัดการ
ยุคดิจิทัลช่วยให้เราสบายมากขึ้น แต่สิ่งที่เราต้องมีมากขึ้นในยุคนี้ด้วย คือ ความยับยั้งชั่งใจที่สูงมากขึ้นด้วย งานวิจัยหลายๆที่ออกมาตรงกันโดยมิได้นัดหมาย คือ ปัจจุบันคนไทยมีเงินเก็บน้อย ใช้เงินก่อน เก็บออมทีหลัง ซึ่งถือเป็นความคิดที่ผิดสำหรับวิธีการใช้จ่ายในปัจจุบัน
จริงๆวิธีการป้องกันตัวเองจากแรงกระตุ้นแบบนี้ไม่ยากเลย แต่ต้องอาศัยแรงใจเยอะ แค่สร้างกฎเหล็กง่ายๆแต่ได้ผลมาก คือการท่องไว้ในใจเสมอว่า
ถ้าเราไม่สามารถจ่ายเงินสด ณ วันนี้ ก็ห้ามใช้บัตรเครดิตเด็ดขาด
เมื่อเราใช้บัตรเครดิตแล้วให้โอนเงินจำนวนปริมาณเท่ากันแยกบัญชีไว้เพื่อเอาไว้จ่ายค่าบัตรเครดิต เมื่อถึงงวดจ่ายก็ต้องจ่ายเต็มเสมอ โลกดิจิทัลเป็นสิ่งที่ทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น แต่ถ้าใครเพลินตามกระแสโลกดิจิทัลมากไปหน่อย ไม่ระมัดระมังตัวเองให้ดี พี่ทุยว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องการเงินได้ง่ายๆเลยล่ะ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด