Digital Identity กับแนวทางเสริมความปลอดภัยป้องกันเหตุร้ายระดับโลก | Techsauce

Digital Identity กับแนวทางเสริมความปลอดภัยป้องกันเหตุร้ายระดับโลก

Dave Birch หัวเรือใหญ่ของ Consult Hyperion แสดงทัศนะถึงปัจจัยที่แวดวงธนาคารในอนาคตสามารถแก้ไขปัญหาการโจรกรรมและบิดเบือนข้อมูลทางการเงินได้ ภายในงาน StartmeupHK Festival 2018

Digital Identity อ่อนแอ อันตรายกับการเงินโลก!

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาใหญ่ของโลกทุกวันนี้มีเรื่องการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง และปัญหาอันเกี่ยวข้องกับการเงินที่ร้ายแรงที่สุดในยุคนี้ก็หนีไม่พ้นการจารกรรมเงินผ่านระบบดิจิตอล ซึ่งซับซ้อนกว่าที่เคยเพราะไม่ได้ขโมยเงินจากใครเป็นรายบุคคล แต่ใช้การเจาะระบบเพื่อปลอมแปลงธุรกรรมภายในธนาคาร ส่งผลเสียหายต่อการเงินทั้งระบบอย่างมาก

การเจาะระบบเพื่อขโมยเงินครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในแวดวงเงินสกุลดิจิตอล โดยเฉพาะในช่วงซื้อขายเหรียญสกุลเงินดิจิตอลระยะเริ่มหรือ Initial Coin Offering (ICO) เนื่องจากสกุลเงินดิจิตอลมีมูลค่าสูงขึ้นทุกปี Malwarebyte บริษัทซอฟท์แวร์ป้องกันมัลแวร์เปิดเผยว่า ภายในเดือนเดียว พวกเขาได้หยุดมัลแวร์ฝังข้อมูลสำหรับขุดเหมืองเงินคริปโตฯ ใน PC ไปกว่า 250 ล้านครั้ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะเหตุครั้งเดียวก็ก่อความเสียหายเป็นวงกว้าง ดังเช่นเหตุจารกรรมเงินสกุล XRP มูลค่ากว่า 534 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก Coincheck ผู้ให้บริการรับแลกเงินสกุลดิจิตอลสัญชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนมกราคม ปี 2018

ประชาธิปไตยกับโซเชียลมีเดีย อิสรภาพที่ต้องถ่วงดุลกัน แต่เข้ากันไม่ได้?

Dave Birch บรรยายเกี่ยวกับ Digital Identity ภายในงาน StartmeupHK Festival 2018

ปัญหาที่จะก่อภัยพิบัติในเวลานี้ เกิดจากประชาธิปไตยถูกสร้างก่อน Social Media ทั้งสองเข้ากันไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนประชาธิปไตย หรือเปลี่ยน Social Media เราไม่สามารถเปลี่ยนทั้งสองให้เข้ากับนิยามของกันและกันได้

Dave Birch กล่าวคำข้างต้นจากประสบการณ์ของผู้อำนวยการ Consult Hyperion บริษัทให้คำปรึกษาด้านธุรกรรมดิจิตอลแก่ธนาคารและบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก ผู้ให้บริการโทรคมนาคม บริษัทประกอบการ IT และอีกมากมาย

เขายกตัวอย่างถึงปัญหาของศตวรรษที่ 21 อย่างเป็นรูปธรรมว่าเหมือนกับเด็กไฮเปอร์แอคทีฟได้ของเล่นชิ้นใหม่ ซึ่งมัวแต่สนุกสนานกับการเชื่อมต่อโยงใยระหว่างกันจนละเลยว่า ยิ่งเชื่อมต่อก็ยิ่งซับซ้อน จนก่อความยุ่งยากในเวลาต่อมา

การเชื่อมต่อนั้นง่าย แต่การตัดขาดกลับยาก เพราะการเชื่อมต่อใช้เพียงช่องทางเดียวก็เพียงพอและเบ็ดเสร็จ แต่การตัดขาดกลับทำได้เพียงบางส่วน แถมมีวิธีการหลากหลายจนซับซ้อนเกินไป

ขณะที่มีผู้เสนอให้ทุกคนเปิดเผยตัวตนบนโลกออนไลน์ Dave Birch กลับมองว่าการเปิดเผยตัวตนบนอินเทอร์เน็ตปัจจุบันอาจก่อให้เกิดการปลอมแปลงขนานใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่อย่างเว็บไซต์นัดเดทออนไลน์มาแล้ว เช่นกรณีของเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ Ashley Medison ถูกแฮกเมื่อปี 2015 กลายเป็นว่าโปรไฟล์เพศหญิงกว่า 99 เปอร์เซ็นต์เป็น Bot ซึ่งเป็นสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนใจไม่น้อย เรื่องความน่าเชื่อถือจึงไม่อาจแก้ไขได้โดยอาศัยการเปิดเผยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

เราใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมด้วยธุรกรรมอันแสนอลหม่าน ซึ่งทุกคนก็ไม่อยากทำธุรกรรมโดยไม่รู้ข้อมูลของเราและอีกฝ่าย

สร้าง Digital Identity ให้น่าเชื่อมากกว่า ผ่านวิธีทำธุรกรรม

แล้วเรามีวิธีสร้างอัตลักษณ์บนโลกดิจิตอลสำหรับทุกคนที่ปลอดภัยและใช้งานสะดวกอยู่ไหม? นับเป็นความท้าทายที่ Dave Birch นิยามสั้น ๆ ว่ามันซับซ้อน การผูก Digital Identity สำหรับแต่ละคนต้องใช้เวลาและเม็ดเงินมหาศาล ทั้งยังมีมุมมองขัดแย้งทางกฏหมายและกติกาอื่น ๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ที่สำคัญยังต้องย่อยให้เข้าถึงทุกคนได้ง่ายที่สุด

นั่นจึงเป็นเรื่องยาก ทำให้ Birch มองอีกมุมด้วยการสร้างขั้นตอนอนุมัติธุรกรรมขึ้นมาแทน โดยใช้ประโยชน์จากระบบธนาคาร

ความน่าเชื่อถือไม่ควรผูกติดกับว่าคุณเป็นใคร แต่ควรผูกติดกับวิธีอนุมัติธุรกรรมร่วมกันเป็นสำคัญ

Dave Birch เสนอแนวคิดเรื่องพาสปอร์ตออนไลน์หลายฉบับ แนวคิดนี้จะอาศัยประโยชน์จากเทคโนโลยีการเข้ารหัสแบบ Cryptographic ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการใช้งานเว็บไซต์หาคู่ เราก็สามารถส่งพาสปอร์ตระบุอายุให้เว็บหาคู่นำไปรับข้อมูลกับธนาคารที่มีข้อมูลยืนยันตัวตนของเราอยู่ ธนาคารก็จะส่ง Cryptographic Token ตามชนิดพาสปอร์ตที่ยื่น โดย Token บรรจุข้อมูลตามที่พาสปอร์ตระบุไว้เท่านั้น เช่น พาสปอร์ตยืนยันอายุ ก็จะส่งแต่อายุของเรามา เป็นต้น โดยหากเว็บไซต์หาคู่ถูกแฮก แฮกเกอร์ก็จะเจอแต่ Token เข้ารหัสเต็มไปหมด จึงยากแก่การดูข้อมูลและนำมาปลอมแปลงนั่นเอง

ในส่วนของพาสปอร์ตแต่ละฉบับเองก็เป็นกุญแจรหัส ทำให้การปลอมแปลงเพื่อเรียกข้อมูลปลอมออกมาเป็นไปได้ยากไม่ต่างกัน

วงการธนาคารตื่นตัว อนาคตมีแนวโน้มสดใส

ตอนนี้ AI ใกล้ถึงจุดที่เรายืนอยู่แล้ว เปิดตามองให้ไกลกว่าเคย ก่อนที่เราจะถูกทิ้งห่างไป

Dave Birch ย้ำว่า AI พร้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับการทำงานในแวดวงการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์เล็งเห็นเรื่องนี้ จึงประกาศปรับกลยุทธ ลดขนาดองค์กรลงเพื่อสอดรับกับการบริหารด้วยระบบ Digital Banking มุ่งหวังจะการพึ่งพารายได้จากค่าธรรมเนียมลง 20 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลา 3 ปีข้างหน้า

เตรียมอัพเดทวงการ Fintech อย่างเข้มข้นกับงานนี้!

Fintech เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเข้มข้นภายในงาน Techsauce Global Summit 2018 จัดมาครบครอบคลุมวงการ Tech Startup ทั้ง Blockchain/Cryptocurrency, Data กับบทบาทของ  AI, AV และ VR ทั้งยังเปิดโอกาส Connect กับนักธุรกิจ Startup กว่า 10,000 คน จาก 30 ประเทศทั่วโลก แล้วพบกันที่ Techsauce Global Summit 2018 วันที่ 22-23 มิถุนายนนี้

Read Article in English Here

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AI จะเป็น ‘ผู้กอบกู้’ หรือ ‘ผู้ทำลาย’ การ์ตูนญี่ปุ่น

เมื่อประตูสู่วัฒนธรรมและเสาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นอย่าง อนิเมะและมังงะกำลังถูก AI แทรกแซง อนาคตของวงการนี้จะเป็นยังไง ?...

Responsive image

เจาะลึกเทรนด์ Spatial Computing จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับองค์กรยุคใหม่

Spatial Computing คือเทคโนโลยีที่ผสานโลกเสมือนจริงและโลกจริงเข้าด้วยกัน ซึ่งมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานขององค์กรในยุคดิจิทัล ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการฝึกอบรมและ...

Responsive image

ถอดกลยุทธ์ ‘ttb spark academy’ ปั้น Intern เพิ่มคนสายเทคและดาต้า Co-create การศึกษาคู่การทำงานจริง

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เห็น Pain Point ว่าประเทศไทยขาดกำลังคนด้านดิจิทัล (Digital Workforce) และธนาคารก็ต้องการคนเก่ง Tech & Data จึงจัดตั้ง ‘ttb spark academy’ เพื่อปั้น ...