จากความเชื่อว่าที่ Digital Transformation จะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจาก ‘ผู้บริหาร’ แล้วผู้บริหารจะต้องเริ่มต้นอย่างไร? จึงเกิดเป็นภารกิจ Mission X หลักสูตรของผู้บริหารระดับสูง ความร่วมมือของธนาคารไทยพาณิชย์ และ สถาบันวิทยสิริเมธี หรือ VISTEC ที่ปั้นหลักสูตรผู้บริหารเพื่อการสร้าง Exponential Growth ให้กับองค์กร พร้อมระดมสุดยอดกูรูด้านเทคโนโลยีและธุรกิจถ่ายทอดองค์ความรู้และเป็นที่ปรึกษาช่วยตอบโจทย์แต่ละองค์กรแบบตัวต่อตัว
บทความนี้ Techsauce คุยกับ คุณวศิน ไสยวรรณ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ Wholesale ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ผู้เป็นแม่ทัพของโครงการ กับภารกิจนำทัพผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรธุรกิจชั้นนำในประเทศไทย ปลดล็อค Digital Transformation เพื่อรับมือกับกระแสความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
โครงการ Mission X เป็นความร่วมมือของ ธนาคารไทยพาณิชย์ และสถาบันวิทยสิริเมธี หรือ VISTEC โดยเริ่มต้นขึ้นมาจากการที่เห็นผู้ประกอบการ หลากหลายอุตสาหกรรม ต้องเผชิญเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค Digital Disruption สภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน รวมไปถึงปัจจัยไม่คาดคิดอย่างการระบาดของ COVID-19
Mission X มาจากคำว่า Exponential โดยเป็นโครงการที่มุ่งเน้นไปที่ผู้ประกอบธุรกิจ เพราะเรื่องของ Digital Transformation จะเกิดขึ้นได้ต้องเริ่มจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร จึงได้เชิญระดับเจ้าของกิจการ และ/หรือ ทายาทในรุ่นต่อไปที่จะรับถ่ายทอดธุรกิจ เข้ามาอบรมร่วมกันเพื่อสร้างมุมมองทางด้าน Digital Mindset รวมทั้งทำความรู้จักกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ
คอร์สนี้ผมขอใช้คำว่า Co-creation คือการพัฒนาร่วมกันระหว่าง SCB และ VISTEC ที่ร่วมกันออกแบบหลักสูตรให้เหมาะสมกับแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีมาร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกทั้งยังได้รับเกียรติจาก CEO ของบริษัทชั้นนำที่มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับ Transformation มาแชร์ประสบการณ์ให้กับผู้เข้าอบรมได้เห็นภาพที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด ทั้ง รูปแบบการปรับตัวในการแข่งขันแบบต่างๆ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมาช่วยเสริมความแข็งแรงให้องค์กรได้มากที่สุด รวมไปถึงมีการนำตัวอย่างของบริษัทที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกมาแชร์มุมมองและเผยแพร่ให้กับผู้เข้าอบรบได้เรียนรู้ไปด้วยกัน
การทำธุรกิจตอนนี้ ถ้าเรามองไปข้างหน้า เราจะเห็นว่ามีแต่การแข่งขันในรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้น และมีเรื่องของความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องเผชิญตลอด เพราะฉะนั้น การที่เราจะเตรียมตัวให้มีความแข็งแรง เพื่อที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆ ทั้งที่คาดการณ์ได้ และคาดการณ์ไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทจำเป็นต้องทำ
“หลายคนอาจจะมีวิธีการหลายรูปแบบ อย่างทำตัวเองให้ Lean เพื่อจะได้ปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ แต่สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ คือเราจะทำอย่างไรให้ Cost ถูกที่สุดและทำให้ธุรกิจได้รายได้สูงที่สุด สิ่งนี้ก็จะทำให้เป็นผู้ชนะในอนาคต”
เตรียมความพร้อมให้ตนเอง และเตรียมว่าจะทำอย่างไรให้บริษัทแข็งแรงขึ้น แล้วทำอย่างไรได้บ้าง
จากประสบการณ์ของไทยพาณิชย์ที่ผ่านเรื่อง Digital transformation มา 4-5 ปี จึงอยากนำมาถ่ายทอดให้กับลูกค้าของเรา คือการนำเรื่องเทคโนโลยีเข้ามา Transform บริษัท ที่จะทำให้ตนเองนั้นมีประสิทธิภาพ และแข็งแรงขึ้น เพื่อที่จะเผชิญได้กับทุกสถานการณ์
“หลายคนคิดว่า Digital Transformation เป็นเรื่องขององค์กรใหญ่ๆ เท่านั้น เพราะจะเห็นได้จากข่าว แต่จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม บริษัทขนาดใดก็ตาม ก็สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ ซึ่งอันนี้ก็เป็นแนวคิดที่อยากถ่ายทอดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะคอร์สนี้จะเน้นในกลุ่มบริษัทที่เป็น Corporate ขนาดกลาง แล้วหาเรื่องของเทคโนโลยีมาแนะนำให้เหมาะสมที่สุดกับแต่ละองค์กร”
ทุกวันนี้การทำธุรกิจในแบบเดิมๆ คงไม่ใช่แล้ว ทีนี้จะทำอย่างไรจึงจะสามารถเสริมความแข็งแรงให้กับลูกค้าได้ จากมุมมองที่อยู่ในองค์กรที่เป็นธนาคาร สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือถ้าลูกค้าแข็งแรง ธนาคารก็แข็งแรง อันนี้จึงเป็นจุดตั้งต้นที่จะให้สิ่งดีๆ กับลูกค้า แล้วธนาคารไทยพาณิชย์เองนั้นดูแลลูกค้าแบบพันธมิตร ไม่ได้เป็นแค่ผู้ปล่อยกู้เงินอย่างเดียว
คอร์สการอบรมของเราจะใช้เวลาเรียน 4 สัปดาห์ แบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่
การปรับ Digital Mindset ของผู้บริหารด้วย Design Thinking เพื่อเห็นมุมมองใหม่ๆ ในธุรกิจ
แนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆที่เหมาะสมและนำไปใช้ได้จริงกับแต่ละอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ และจะมี Case Study ประสบการณ์จริงที่ลูกค้า Transfrom ไปแล้ว มาถ่ายทอดให้กับผู้ประกอบการฟัง
Private Consultation ซึ่งจะมีความแตกต่างจากคอร์สอื่น เพราะจะมีการให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวจากที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญตัวจริงมาคอยให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการพัฒนาแผน Digital Transformation ให้ออกมาเป็น Blueprint ซึ่งสามารถนำออกไปใช้ดำเนินการ Transform บริษัทของตนเองได้ทันที
สิ่งที่แตกต่างคือไม่อยากให้ผู้ประกอบการเพียงแค่เข้ามานั่งเรียนแล้วจบเป็นหนึ่งคลาสไป สิ่งแรกที่อยากให้เกิดขึ้นคือการจุดประกายก่อน ในพาร์ทแรกคือเรื่องของ Mindset จุดประกายว่าทำไมต้อง Transform และเรื่อง Digital Transformation คืออะไร และทำไปเพื่ออะไร หรือกระบวนการลงมือทำ มันจะลงลึกไปในเรื่อง Culture และเรื่องของคน ก็จะถูกแฝงอยู่ในคอร์สด้วย
เรื่องที่ 2 จะเป็นการจัดเนื้อหาของคอร์สให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมที่เชิญมาแต่ละคอร์ส เช่น การจัดคอร์สรุ่นแรก เราเน้นอุตสาหกรรม F&B จึงได้ออกแบบหลักสูตรให้เหมาะสมกับธุรกิจ F&B โดยเฉพาะ รวมถึงการคัดเลือกเทคโนโลยีที่จะเข้ามาปรับปรุงกระบวนการธุรกิจของ F&B ใน 4 ด้าน ได้แก่ เรื่องการประหยัดพลังงาน (Enerygy Saving) จะทำอย่างไรให้ธุรกิจมีต้นทุนต่ำลง เรื่องการเพิ่มกำลังการผลิต (Optimization) จะทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในเชิงการผลิต เรื่องการจัดคลังสินค้าและโลจิสติกส์ (Warehouse & Logistics) เป็นสิ่งสำคัญมากในมุมของ Trading ว่าทำตรงนี้อย่างไรให้มีค่าใช้จ่ายที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และสิ่งสุดท้ายเป็นเรื่องของการบำรุงรักษา (Smart Maintaninance) เรื่องของการดูแลโรงงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรานำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยได้เลย
ส่วนที่ 3 คือการมี Private Consultation ที่จะสามารถทำเป็น Project ของตัวเองขึ้นมาได้เลยว่า คุณทำธุรกิจนี้แล้วอยากได้ Business Model แบบนี้ หรืออยากลด Cost ตรงไหน อยากทำ Optimization แบบใด ก็จะทำออกมาเป็น Project ที่สามารถ Transform และใช้ได้จริง
เรามีแผนที่จะทำต่อไปในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับ Hospitality และจะทำเรื่องโรงแรม ไปยังธุรกิจ Wholesale/Retail รวมไปถึง Construction ที่จริงๆ ก็เป็นอุตสาหกรรมที่เป็นลูกค้าของเราอยู่แล้ว ซึ่งก็พยายามมุ่งไปยังทุกอุตสาหกรรม
“สุดท้าย หวังว่าคอร์สนี้จะจุดประกายให้กับผู้ประกอบการ ได้นำความรู้ที่ได้รับไปสร้างนวัตกรรมของตนเอง ในรูปแบบที่บริษัทของตนเองคิดว่าเหมาะสมที่สุด ซึ่งสิ่งที่อยากเห็นอยู่แล้วคือการที่เห็นลูกค้าแข็งแรงขึ้นและทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืน” คุณวศินกล่าวสรุป
บทความนี้เป็น Branded content
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด