Entrust ชวนสำรวจระบบ PKI ในองค์กร พร้อมแนะ 6 ข้อควรรู้ในการเลือกผู้ให้บริการ PKI

ทุกวันนี้อินเตอร์เน็ตกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราทุกคน ทำให้ทั้งฝั่งธุรกิจและหน่วยงาน ทั้งภาครัฐฯ และเอกชนก็ต้องปรับตัวเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคและประชาชน และในการทำกิจกรรมออนไลน์นั้น ความปลอดภัยของข้อมูลถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ หลายองค์กรจึงต้องหาเครื่องมือในการเข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่ง Public Key Infrastructure : PKI หรือเทคโนโลยีระบบรหัสแบบกุญแจสาธารณะ คือหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเหล่านั้น และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยกับงานด้านอื่นๆ ได้อีกด้วยเช่น DevOps, Containers และ IoT เป็นต้น  

 Entrust ผู้นำด้าน Cryptographic Security Solutions ซึ่งให้บริการในการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือองค์กรต่าง ๆ ด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลให้กับหลายบริษัททั่วโลก ได้แนะนำเกร็ดความรู้ให้กับผู้ประกอบการที่สนใจจะเลือกใช้งานเทคโนโลยี PKI ดังนี้ 

6 ข้อควรรู้ในการเลือกผู้ให้บริการ PKI

1. เลือกผู้ให้บริการที่มีความยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวให้เข้ากับองค์กรของคุณ (Flexibility)

สิ่งที่ต้องตระหนักเสมอคือผู้ให้บริการ PKI ไม่ได้เป็นแบบ “One size fits all” ผู้ใช้งานควรมองหาผู้ให้บริการที่มีความหลากหลายในการให้บริการ หรือมีระบบที่มีความยืดหยุ่นสามารถนำมาผสมผสานและปรับใช้กับระบบที่มีอยู่ในองค์กร เพื่อที่จะสามารถส่งมอบระบบที่ดีที่สุดให้องค์กรคุณได้

2. เลือกผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญ (Expertise)

เนื่องจากระบบ PKI มีความซับซ้อน และประกอบไปด้วยหลากหลายองค์ประกอบ แต่หลายๆ องค์กรกลับขาดบุคลากรที่มีทักษะเพียงพอ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญในการเข้ามาช่วยจัดการ เพื่อให้ระบบ PKI ขององค์กรของคุณมีความถูกต้องตามข้อกำหนดกฏเกณฑ์ ต่างๆ และสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

3. เลือกผู้ให้บริการที่สามารถส่งมอบระบบและบริการที่สอดคล้องกับโจทย์ธุรกิจขององค์กร (Ownership)

ผู้ให้บริการที่ดีจะต้องยังคงไว้ซึ่งความร่วมมือและความยืดหยุ่นในการออกแบบระบบด้วยกัน เพื่อเป็นการเป็นการสร้างความมั่นใจว่า นอกจากจะได้ระบบ PKI ที่มาช่วยปกป้องข้อมูลขององค์กรแล้วยังต้องเป็นระบบที่ตอบโจทย์และสอดคล้องกับภาพรวมธุรกิจขององค์กรได้ ดังนั้นควรมองหาผู้ให้บริการที่ไม่ตีกรอบคุณเพื่อให้เข้าไปในระบบของเขา แต่เป็นผู้ให้บริการที่เปิดกว้างและพร้อมหาทางออกร่วมกัน

4. เลือกผู้ให้บริการที่สามารถเสนอระบบที่มีความพร้อมในการใช้งานมากที่สุด (High Availability)

หลายธุรกิจประสบปัญหาติดขัดในการใช้งานของระบบ เช่น การหยุดทำงานชั่วขณะ (downtime) ของระบบ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบมากมายให้กับธุรกิจขององค์กร ดังนั้นควรเลือกผู้ให้บริการที่มีการวางแผนระบบสำรองที่ดี และควรตรวจสอบกับผู้ให้บริการอย่างถี่ถ้วนในเรื่องของวิธีการและระยะเวลาในการนำระบบสำรองขึ้นใช้งาน (Recovery) เมื่อเกิดเหตุขัดข้อง และแผนสำรองที่ผู้ให้บริการจัดเตรียมไว้ 

5. เลือกผู้ให้บริการที่พร้อมขยายระบบการใช้งานเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ (Scalability)

แน่นอนว่าการทำธุรกิจนั้น ผู้ประกอบการล้วนหวังจะเพิ่มฐานลูกค้าให้มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นการเลือกผู้ให้บริการ KPI ก็ต้องมุ่งเน้นผู้ให้บริการที่พร้อมจะขยายระบบเพื่อมารองรับการเติบโตของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตขององค์กรคุณได้อย่างราบรื่น

6. เลือกผู้ให้บริการที่สามารถส่งมอบระบบและบริการที่มีความปลอดภัยขั้นสูง (High Assurance)

เมื่อเลือกผู้ให้บริการคุณควรมั่นใจว่าผู้ให้บริการสามารถส่งมอบระบบ PKI ที่สอดคล้องตามมาตรฐานและมีข้อปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม ง่ายต่อการตรวจสอบ รวมถึงมีข้อกำหนด วิธีการทำงาน และกระบวนการทำงานที่ชัดเจน และอยู่ภายใต้ความปลอดภัยขั้นสูง 

นอกจากนี้ Entrust ยังมีบริการเสริม Entrust Cryptographic Center of Excellence (CryptoCoE) อีกด้วยซึ่งบริการเสริมนี้ Entrust จะช่วยผู้ดูแลระบบในการตรวจสอบ และพัฒนาปรับปรุงระบบ PKI ที่มีใช้อยู่ในองค์กรของอยู่ให้ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพและความปลอดภัยตามความมาตรฐานของเทคโนโลยี PKI ผ่านบริการเสริม 2 แบบได้แก่

PKI Governance Health Check

การที่ระบบ PKI จะสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพนั้นจำเป็นจะต้องมีการตั้งข้อกำหนดในด้านต่างๆ เช่น บทบาท นโยบาย และ กระบวนการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งหากขาดสิ่งใดไปก็จะทำให้ไม่สามารถรับรองได้ว่าระบบ PKI นั้นๆ มีความปลอดภัยเพียงพอ สามารถผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานที่จำเป็นต่างๆ ได้ ซึ่ง Entrust PKI Governance health check จะเข้ามาช่วยประเมินข้อกำหนดของระบบ PKI ในด้านต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญ ตามมาตรฐานและโจทย์ของธุรกิจขององค์กร และทำการส่งมอบคำแนะนำที่สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติได้เพื่อปิดช่องว่างและลดความเสี่ยงของปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น  

PKI System Health Check

โดยปกติองค์กรส่วนใหญ่มักมีระบบ PKI อยู่แล้ว แต่หลายองค์กรก็มีการใช้งานระบบแบบเดิมมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ซึ่งปัจจุบันหลายองค์กรเริ่มอยากขยับการใช้งานขึ้นสู่ cloud หรือ อยากพัฒนาปรับปรุงระบบให้ทันสมัยยิ่งขึ้น PKI System Health Check จะเป็นบริการที่เข้ามาช่วยปรับระบบในด้านต่างๆ เช่น สถาปัตยกรรม เครื่องมือ และ อัลกอริธึม ของระบบที่ใช้งานอยู่ให้มีความพร้อมสามารถใช้งานได้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันทั้งด้านความต้องการฝั่งเทคโนโลยี ด้านภัยความเสี่ยงต่างๆ และรองรับข้อกำหนดทางธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตขององค์กรคุณ 

สำหรับองค์กรที่มีการใช้เทคโนโลยี PKI ต้องคำนึงอยู่เสมอว่าระบบ PKI นั้นจะต้องคอยตรวจสอบและดูแลจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งควรมีผู้เชี่ยวชาญในการเข้ามาช่วย ตรวจสอบ แก้ไขปัญหา และซ่อมแซมช่องว่างต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะนั่นหมายถึงความปลอดภัยของข้อมูลของผู้ใช้บริการและข้อมูลขององค์กรของคุณด้วย 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปโหลด e-book ได้ที่  www.entrust.com/go/APACPKI


บทความนี้เป็น advertorial


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Microsoft ชี้ทักษะ "บริหาร AI Agent" คือตั๋วรอดสู่ยุค Frontier Firm ที่ AI คือเพื่อนร่วมงาน

โลกการทำงานกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่กำลังก้าวสู่การเป็น "ผู้ช่วยอัจฉริยะ" และ "เพื่อนร่วมงานดิจิทัล" รายงานล่าสุด Work ...

Responsive image

‘RepliBench’ เครื่องมือใหม่จากสหราชอาณาจักร ทดสอบทักษะ AI ผลิตซ้ำโมเดลตัวเอง

RepliBench จาก UK AI Safety Institute เปิดเผยผลทดสอบ AI โคลนตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ จุดประเด็นความเสี่ยงใหม่ต่อความปลอดภัยไซเบอร์ทั่วโลก...

Responsive image

รู้จัก Bettr และ Embedded Lending เปลี่ยนการเข้าถึงเงินทุนเป็นจุดแข็งธุรกิจคุณ และเพิ่มโอกาสแก่ MSMEs

MSMEs ไทยกว่า 3.2 ล้านรายเผชิญปัญหาเงินทุน ขัดขวางการเติบโตของธุรกิจ รู้จัก Bettr และ Embedded Lending นวัตกรรมการเงินที่ช่วยปลดล็อกทางออกให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งทุนใหม่ได้ง่ายขึ้น...