ทำไมอนาคตเศรษฐกิจโลกอาจอยู่ในมือเอเชีย ? เจาะลึกคำตอบจากงาน Forbes Global CEO Conference | Techsauce

ทำไมอนาคตเศรษฐกิจโลกอาจอยู่ในมือเอเชีย ? เจาะลึกคำตอบจากงาน Forbes Global CEO Conference

โลกกำลังก้าวสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่เพียงแต่ในด้านสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภูมิทัศน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่กำลังถูกเขียนใหม่ แกนของอารยธรรมโลกกำลังหมุนเปลี่ยน โดยมีเอเชียเป็นศูนย์กลางแห่งการเติบโตและนวัตกรรม 

ในการประชุม Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ภายใต้ธีม “New Paradigms” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเจาะลึกถึงอนาคตของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปี 2567 การเสวนาในหัวข้อ “Reframing The Global Economy” ได้นำเสนอมุมมองเชิงลึกจากผู้นำทางความคิดระดับโลก 

ประกอบด้วย Ho Kwon Ping ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร Banyan Tree Holdings, V Shankar CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Gateway Partners, John Studzinski รองประธานและกรรมการผู้จัดการ PIMCO, และ H. Roger Wang ประธาน Golden Eagle International Group โดยมี Rich Karlgaard นักอนาคตศาสตร์และบรรณาธิการอาวุโส Forbes Media เป็นผู้ดำเนินรายการ

ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก: จุดเปลี่ยนกระบวนทัศน์ การค้า และการเพิ่มขึ้นของเอเชีย

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือผลกระทบจากการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนกระบวนทัศน์ครั้งสำคัญ เป็นการรีเซ็ตอารยธรรมที่มีผลกระทบต่อตลาดโลก

เริ่มต้นด้วย Ho Kwon Ping ได้วิเคราะห์สถานการณ์โลกในปัจจุบัน โดยเชื่อมโยงกับการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก Ping มองว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ครั้งใหญ่ 

โดยคาดการณ์ว่าจีนอาจตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบในระยะสั้น เนื่องจากนโยบาย "America First" ของทรัมป์ที่ให้ความสำคัญกับสหรัฐฯ เป็นศูนย์กลาง อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว จีนมีศักยภาพในการกลับมาเป็นผู้ชนะ ด้วยความสามารถในการปรับตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ อาจดูเหมือนเป็นผู้ได้เปรียบในช่วงแรกจากนโยบายดังกล่าว แต่ในระยะยาวก็อาจต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ส่วนยุโรปถูกมองว่าจะเสียเปรียบในระยะยาว เนื่องจากความไม่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังเกิดขึ้น

Ping เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์นี้เป็นสิ่งที่ชัดเจน และถือเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับเอเชียในการกำหนดวิธีตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอารยธรรมของตะวันตก เขาเสนอว่า เอเชียควรมองเห็นโอกาสในความเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อ "รีเซ็ต" อารยธรรมของตนเอง ลดการพึ่งพาตะวันตก และหลุดพ้นจากกรอบคิดแบบเดิม

Ping ได้อธิบายเพิ่มเติมโดยใช้การเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่อง Back to the Future ซึ่งเป็นการย้อนยุคไปสู่ช่วงเวลาที่โลกมีอารยธรรมที่หลากหลาย ต่างจากปัจจุบันที่อารยธรรมตะวันตกมีอิทธิพลครอบงำ ซึ่ง Ping เเชื่อว่าสถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางดังกล่าว และเอเชียควรเตรียมพร้อมรับมือ ด้วยการพิจารณาวิธีใช้ทรัพยากรของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ต้องพึ่งพาอเมริกามากเกินไป ซึ่งในอนาคตอาจไม่ได้มีอำนาจหรืออิทธิพลเช่นเดิม นี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เอเชียสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำบนเวทีโลกได้อย่างแท้จริง

H. Roger Wang ได้อธิบายถึงสถานการณ์ในจีนที่กำลังเผชิญความท้าทายในระยะสั้น โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่เส้นทางการเติบโตอีกครั้ง เมื่อถูกถามว่าสัญญาณใดที่บ่งบอกว่าจีนผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้กว่าครึ่งทางแล้ว Wang ชี้ว่าเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่และหลากหลาย ทำให้หลายภาคส่วนยังคงสามารถเติบโตได้ แม้ว่าจะเผชิญปัญหาในบางจุดก็ตาม

Wang เชื่อว่าผู้ที่สามารถปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในจีน โดยเขาเน้นถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทตัวเองที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งเตรียมแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โดยคำนึงถึงปัจจัยรอบด้านและสร้างความยืดหยุ่นเพื่อความอยู่รอดในระยะยาว

ในมุมมองส่วนตัว Wang แนะนำตัวเองในอดีตว่า ควรให้ความสำคัญกับความสามารถในการปรับตัว ความยืดหยุ่น และวิสัยทัศน์ระยะยาว พร้อมทั้งใช้ทรัพยากรและเครื่องมืออย่างชาญฉลาด เพราะเขาเองมองว่าการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในปัจจุบันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายมิติ เช่น

  • การสิ้นสุดของโลกาภิวัตน์ ซึ่งสะท้อนผ่านการกลับมาของแนวคิดอนุรักษ์นิยม เช่น การขึ้นสู่อำนาจของโดนัลด์ ทรัมป์
  • การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลง จากการค้าเสรีไปสู่การค้าแบบแยกส่วนมากขึ้น
  • การแบ่งขั้วทางอำนาจที่ชัดเจนขึ้น ทำให้เกิดการจัดระเบียบโลกใหม่ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม

เขาเน้นว่าทุกฝ่ายจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและอยู่ร่วมกันในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อความอยู่รอดและการเติบโตในอนาคต

สัญญาณอะไรบ้างที่บ่งบอกถึงทิศทางของเศรษฐกิจในปี 2025 และมีอะไรที่น่าจับตามองในตลาด ?

John Studzinski ผู้ที่คลุกคลีในแวดวงการเงินมานานกว่า 35 ปี เผยว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจที่สุด ไม่เพียงแต่ผลการเลือกตั้งที่พลิกความคาดหมาย แต่ยังสะท้อนการแบ่งขั้วทางความคิดอย่างชัดเจนในสังคม ซึ่งส่งผลต่อทั้งนโยบายและสภาวะตลาด โดยแนวโน้มที่เห็นได้ชัดคือการหวนกลับสู่แนวคิดอนุรักษ์นิยม และการปรับเข้าสู่ความสมดุลสายกลางมากขึ้น

ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้ง ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในมุมมองของนักลงทุน ด้วยบุคลิกและนโยบายที่สร้างความผันผวนในตลาด นักวิเคราะห์มองว่าความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนฐานเสียงที่แข็งแกร่งและกระบวนทัศน์ใหม่ที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การเลือกตั้งของทรัมป์จึงไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ระยะสั้น แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระดับโลก

Studzinski ยังเน้นถึงความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง โดยโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนในมิติใหม่ ทั้งในด้านเงินทุน ความมั่นคง และพันธมิตรทางเศรษฐกิจหรือการทหาร แนวทางที่อังกฤษใช้สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างมีประสิทธิภาพอาจกลายเป็นต้นแบบสำหรับหลายประเทศ

เทคโนโลยียังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการใช้และแบ่งปันข้อมูล ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการจัดสรรทรัพยากรและการลงทุน นักวิเคราะห์ควรจับตาสามแกนสำคัญ ได้แก่ ความมั่นคง ธุรกิจ และเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้นำการตัดสินใจด้านการลงทุนในอนาคต

อนาคตของการค้าในอีกสองปีข้างหน้า จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ?

  • Ho Kwon Ping มองว่า เอเชียกำลังรวมตัวทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยมีจีนเป็นแกนกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์การค้ากับทั่วโลก ขณะที่อาเซียนก้าวขึ้นมาเป็นตลาดสำคัญที่เติบโตจากภายใน แม้จะไม่มีสกุลเงินร่วม แต่การค้าระหว่างประเทศสมาชิกกลับขยายตัวขึ้น ลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทลดลงในฐานะผู้นำเข้าหลัก
  • V Shankar เชื่อว่าการลดการพึ่งพาผู้บริโภคชาวอเมริกันจะเป็นผลดีต่ออาเซียนในระยะยาว การเติบโตของการค้าภายในภูมิภาคและตลาดใหม่ๆ ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง โดยแม้การตั้งกำแพงภาษีจะสร้างผลกระทบบ้าง แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปรับตัวเชิงบวก นอกจากนี้ เขาคาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะทวีความเข้มข้น พร้อมชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงเทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโต
  • John Studzinski วิเคราะห์ว่า นโยบายของสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้น "การค้าที่เป็นธรรม" อาจสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดโลก ทรัมป์ชูแนวทางชาตินิยมและการเจรจาต่อรองเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐฯ ขณะที่จีนยังคงให้ความสำคัญกับการส่งออกและการผลิต โดยเน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลางและประเทศกำลังพัฒนา
  • H. Roger Wang กล่าวถึงการปรับตัวของธุรกิจ ด้วยการใช้เทคโนโลยีและการเอาท์ซอร์สเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมชี้ถึงโอกาสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เช่น การปรับเปลี่ยนอาคารเพื่อเพิ่มมูลค่า และแนะให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงในตลาดเกิดใหม่

ซึ่งชี้ว่าในอีกสองปีข้างหน้า แนวโน้มการค้าโลกอาจจะเปลี่ยนโฟกัสจากการพึ่งพาตลาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ สู่การสร้างเครือข่ายการค้าในระดับภูมิภาคและการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ นักลงทุนควรจับตาการเติบโตของอาเซียน บทบาทของจีนในตลาดโลก และโอกาสในตลาดเกิดใหม่

ข้อมูลจากงาน Forbes Global CEO Conference

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก Jurassic World ตำนานแฟรนไชส์ภาพยนตร์ยอดนิยม สู่ประสบการณ์จริงสุดอิมเมอร์ซีฟในกรุงเทพฯ

บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับโลกของ Jurassic World โลกภาพยนตร์ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล ก่อนสัมผัสประสบการณ์จริงอันน่าเหลือเชื่อในไตรมาสที่สองของปี 2025...

Responsive image

KBTG เผย ‘Horizontal Core Banking’ บิ๊กโปรเจกต์ขยายระบบหลังบ้าน KBank รองรับการเติบโตได้ถึงปี 2031

เจาะอินไซด์การขยายระบบหลักของธนาคารกสิกรไทย เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้ายาวถึงปี 2031 ใน ‘Core Banking Horizontal Scale Project’ โดยทีม KBTG และทีม KBank รวมแล้วพันคน มาร่วมแรงร่ว...

Responsive image

DeepSeek และ Qwen: เมื่อ AI ราคาถูกเปลี่ยนโฉมโลก

DeepSeek และ Qwen จาก Alibaba กำลังเปลี่ยนแปลงวงการ AI ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจ และระบบนิเวศ AI ทั่วโลก สุภาวดี ตันติยานนท์ วิเคราะห์ผลกระทบและแนวทางที่ประเทศไทยค...