เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ สำหรับรายงาน Gartner Top 10 Strategic Technology Trends for 2026 เอกสารที่ CEO, CIO, และนักกลยุทธ์ทั่วโลกตั้งตารอทุกปี เพราะในรายงานฉบับนี้ Gartner ไม่ได้บอกว่าเทคโนโลยีไหนกำลังมาเท่านั้น แต่บอกด้วยว่าองค์กรต้องปรับตัวอย่างไรในโลกที่ AI ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่เป็นหัวใจของการแข่งขัน
ปี 2026 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่โลกธุรกิจต้องตอบคำถามใหญ่ข้อเดียว เราพร้อมหรือยัง…กับยุคที่ AI กลายเป็นระบบประสาทขององค์กร ?

รายงานปีนี้มองว่าโลกกำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุค AI-powered, hyperconnected world หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ทุกสิ่งเชื่อมถึงกันด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา การผลิต หรือการบริหารข้อมูล
ดังนั้น ต่อไปองค์กรที่จะอยู่รอดไม่ใช่องค์กรที่มีเทคโนโลยีมากที่สุด แต่คือองค์กรที่เข้าใจและใช้ AI อย่างมีกลยุทธ์
โดยทาง Gartner ได้แบ่งแนวโน้มเทคโนโลยีปี 2026 ออกเป็น 3 หมวดใหญ่ และแต่ละหมวดก็จะแทนสิ่งที่องค์กรยุคใหม่จำเป็นต้องมี อาทิ

เทรนด์กลุ่มนี้คือเรื่องของการสร้างระบบที่พร้อมให้ AI เติบโต เพราะต่อให้มีโมเดลดีแค่ไหน ถ้าโครงสร้างพื้นฐานไม่ยืดหยุ่น ธุรกิจก็ไปไม่ถึงอยู่ดี โดยจะประกอบด้วย
ยุคที่นักพัฒนาไม่ต้องเริ่มเขียนโค้ดจากศูนย์อีกต่อไป แพลตฟอร์มแบบ AI-native จะช่วยเขียนโค้ดให้จากเพียงการพิมพ์คำสั่งเดียว
Gartner คาดว่าในปี 2030 กว่า 40% ของแอปพลิเคชันองค์กรจะถูกสร้างด้วย AI โดยตรง สิ่งนี้จะเปลี่ยนโครงสร้างทีม IT จากทีมใหญ่เป็นทีมเล็กที่มี AI เป็นแรงเสริม แต่สามารถทำงานได้เทียบเท่าบริษัทใหญ่
องค์กรจะต้องพึ่งพาซูเปอร์คอมพิวเตอร์เฉพาะทางสำหรับ AI มากขึ้น ไม่ใช่แค่เพื่อเทรนโมเดล แต่เพื่อจำลองการตัดสินใจเชิงซับซ้อน เช่น การคาดการณ์ตลาดหรือพัฒนาโมเลกุลยาใหม่ นี่คือการเปลี่ยนจาก Data Center เป็น Intelligence Center
เมื่อข้อมูลสำคัญอยู่บนคลาวด์มากขึ้น Gartner คาดว่า 75% ของการประมวลผลในโครงสร้างที่ไม่ปลอดภัยจะต้องเริ่มใช้ Confidential Computing ภายในปี 2029 เทคโนโลยีนี้ช่วยให้แม้แต่ผู้ให้บริการคลาวด์เองก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้
องค์กรที่โตได้เร็วในยุคนี้คือองค์กรที่ไม่รอเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง แต่รู้จักผสานหลายสิ่งเข้าด้วยกัน อาทิ
จากเดิมที่เราใช้ AI ตัวเดียวทำงานหนึ่งอย่าง ตอนนี้องค์กรจะเริ่มเห็นทีม AI ที่มีหลายโมเดลทำงานร่วมกันเหมือนมนุษย์ในทีมจริงๆ ตัวหนึ่งวิเคราะห์ข้อมูล อีกตัวสรุป อีกตัวเขียนรายงาน นี่คือก้าวต่อไปของระบบอัตโนมัติแบบอัจฉริยะ
องค์กรไม่จำเป็นต้องใช้โมเดลใหญ่ระดับโลกอย่างเดียวอีกต่อไป แต่สามารถเทรนโมเดลเฉพาะด้านสำหรับอุตสาหกรรมตนเอง เช่น การเงิน การแพทย์ หรือ HR สิ่งนี้จะทำให้ผลลัพธ์ของ AI แม่นยำขึ้น ปลอดภัยขึ้น และคุ้มค่าการลงทุนมากขึ้น
จากโลกดิจิทัลสู่โรงงาน สนามบิน และเมืองอัจฉริยะ Gartner คาดว่า 80% ของคลังสินค้าทั่วโลกจะใช้หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติภายในปี 2028 โดย AI จะไม่อยู่แค่ในคอมพิวเตอร์อีกต่อไป แต่มันจะเดินได้ ยกของได้ และคิดได้เอง
เมื่อทุกอย่างกลายเป็นดิจิทัล สิ่งที่องค์กรต้องสร้างไม่ใช่แค่ระบบ แต่คือความไว้วางใจและความปลอดภัย
ภัยไซเบอร์ในยุค AI มาเร็วเกินกว่ามนุษย์จะตอบสนองได้ทัน องค์กรจึงต้องยกระดับสู่ Preemptive Cybersecurity คือ การใช้ AI วิเคราะห์ล่วงหน้า ทำนายรูปแบบการโจมตี และหยุดมันก่อนเกิดเหตุจริง
Gartner เตือนว่า ภายในปี 2030 ครึ่งหนึ่งของงบความปลอดภัยองค์กรจะถูกใช้ในเทคโนโลยีเชิงรุกประเภทนี้
ในยุคที่ข่าวปลอมและคอนเทนต์ AI ระบาด เทคโนโลยีอย่าง Digital Provenance จะเข้ามาเป็นมาตรฐานใหม่ของความน่าเชื่อถือ ตั้งแต่การใส่ลายน้ำในรูปภาพ ไปจนถึงการยืนยันที่มาของซอฟต์แวร์และข้อมูลทุกชิ้น
AI กำลังกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตี เช่น prompt injection หรือการแอบใช้ข้อมูลภายใน ดังนั้น องค์กรจึงต้องมี AI Security Platform ที่ออกแบบมาเพื่อดูแล AI โดยเฉพาะ ทั้งการตรวจสอบความเสี่ยง การจำกัดสิทธิ์ และการตรวจจับโมเดลหลอก
เมื่อโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางการเมือง หลายองค์กรเริ่มย้ายข้อมูลจากคลาวด์ระดับโลกกลับมาเก็บในประเทศ หรือใช้ sovereign cloud เพื่อคงอำนาจควบคุมข้อมูลไว้ในมือ ด้าน Gartner คาดว่า 75% ขององค์กรทั่วโลกจะทำเช่นนี้ภายในปี 2030
_____________________
เตรียมความพร้อมให้ธุรกิจของคุณก้าวสู่ยุค AI อย่างมั่นใจ ด้วยการพัฒนา people, process และ technology อย่างครบวงจรไปกับ Techsauce
ร่วมสำรวจแนวทางและโอกาสในการเปลี่ยนผ่านสู่ AI-first organization ไปกับเรา techsauce
เพื่อนร่วมทางในการพัฒนา AI journey ของคุณ ได้ที่: https://services.techsauce.co/contact-us
หรืออีเมล [email protected]
Sign in to read unlimited free articles