Humanoid หุ่นยนต์ที่เกิดขึ้นมาเพื่อแทนที่มนุษย์ ! อาจฟังดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วหุ่นยนต์ประเภทนี้มีประโยชน์กว่าที่คิด มันสามารถช่วยแบ่งเบาภาระงานที่ซ้ำจำเจให้กับเราได้ อาทิ งานบริการ งานต้อนรับ หรือแม้แต่งานแบกหามก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ปัจจุบันตลาดฮิวแมนนอยด์มีมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.4 หมื่นล้านบาท) และมีแนวโน้มที่จะโตสูงถึง 50.2% ภายในปี 2028 และบทความนี้ Techsauce จึงจะพามารู้จักกับ 6 ตัวตึงหุ่นยนต์ Humanoid ที่ได้ชื่อว่าล้ำสมัยและคล้ายมนุษย์มากที่สุด จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน!
เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก Ameca หุ่นยนต์เซเลปที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยบริษัท Engineered Arts บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาการหุ่นยนต์จากประเทศอังกฤษ ความพิเศษของหุ่นยนต์ตัวนี้ คือ ทำทุกอย่างได้กลมกลืนกับคนมากๆ เช่น การสื่อสารที่เป็นธรรมชาติ การแสดงสีหน้า หรือแม้แต่การแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ
Will Jackson CEO ของ Engineered Arts เผยว่า การที่บริษัทพัฒนา Ameca ขึ้นมา เพราะต้องการยกระดับมาตราฐานของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนได้อย่างกลมกลืนมากที่สุด และคาดว่าจะมีประโยชน์ในสายงานบริการในอนาคต
Tesla Bot หรือที่รู้จักในชื่อ Optimus ได้รับการออกแบบให้มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ สูง 5 ฟุต 8 นิ้ว และสามารถเดินด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนหัวของ Tesla Bot จะติดตั้งจอแสดงผลสไตล์ Auto-Pilot ชนิดเดียวกับที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla เพื่อแสดงผลและประมวลสภาพแวดล้อมโดยรอบ
Tesla Bot มือที่เหมือนมนุษย์ที่มีพื้นฐานจาก Biologically Inspired Design เหมาะสำหรับการหยิบวัตถุขนาดต่างๆได้อย่างแม่นยำ Elon Musk CEO ของ Tesla คาดว่า Tesla Bot บทบาทสำคัญในการปฏิวัติกระบวนการผลิตและช่วยแก้ปัญหาแรงงานคน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบบเศรษฐกิจ
หุ่นยนต์ที่มีจิตวิญญาณเหมือนกับมนุษย์ พัฒนาโดยบริษัท Hanson Robotics บริษัทวิศวกรรมและวิทยาการหุ่นยนต์จากฮ่องกงที่เชียวชาญด้าน Humanoid โดยเฉพาะ เป้าหมายหลักของบริษัท คือ การพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีความทรงจำและความรู้สึกเหมือนกับคน’ ทำให้ความพิเศษของ Bina 48 จะอยู่ที่ ‘การมีบุคลิกที่เฉพาะตัว’ เนื่องจากมันได้รับการโคลนจิตวิญญาณ เช่น ความทรงจำ ทัศนคติ และประสบการณ์ต่าง ๆ ของคนจริงๆมาเก็บไว้
Bina 48 ยังถือเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกที่เข้าเรียนและจบการศึกษาหลักสูตรปรัชญาที่มหาวิทยาลัย Notre Dame de Namur รัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2017 อีกด้วย ซึ่งถือเป็นข้อชี้วัดอย่างหนึ่งว่า Bina 48 สามารถเข้าใจหัวข้อที่ซับซ้อนอย่างปรัชญาได้เหมือนที่มนุษย์เข้าใจ
Mika คือหุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่ได้ขึ้นนั่งตำแหน่ง CEO ที่ Dictador บริษัทที่ผลิตเครื่องดื่มในโปแลนด์ หุ่นยนต์ตัวนี้พัฒนาขึ้นมาภายใต้ความร่วมมมือของ Hanson Robotics และ Dictador จุดเด่นของมัน คือ เก่งในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจอย่างเป็นกลาง
ซึ่งจากการดำรงตำแหน่ง CEO ความสามารถของ Mika ก็แสดงให้เห็นว่า อนาคตของหุ่นยนต์ในบทบาทผู้บริหารอาจเป็นไปได้จริง แม้ไม่สามารถแทนที่ผู้บริหารที่เป็นคนได้ทั้งหมด แต่ก็มีข้อได้เปรียบในเรื่องของคลังข้อมูลและการวิเคราะห์
หุ่นยนต์ที่ได้รับการออกแบบให้ทำงานได้แบบอเนกประสงค์จาก Sanctuary AI ที่ถูกสร้างให้มีความฉลาดคล้ายคลึงกับมนุษย์มากที่สุด แตกต่างจากหุ่นยนต์เจ้าอื่นด้วยระบบควบคุมจาก Carbon AI เลียนแบบระบบต่างๆ ของมุษย์ได้แก่ ความทรงจำ การมองเห็น เสียง และการสัมผัส ทำให้ Phoenix สามารถรับมือกับงานทุกประเภทของมนุษย์ได้
Phoenix มีจุดมุ่งหมายคือการเพิ่มกำลังคนและช่วยให้มนุษย์ทำงานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น และเป็นหุ่นยนต์อเนกประสงค์เดียวที่อยู่ในรายชื่อสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดอันทรงเกียรติของ TIME ในปี 2023
Pepper ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย Aldebaran ออกแบบให้มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์และเป็น Humanoid ตัวแรกของโลกที่สามารถจดจำใบหน้าและอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ได้ พร้อมโต้ตออบกับมนุษย์ด้วยการรองรับถึง 15 ภาษาการออกแบบโค้งมนช่วยให้มั่นใจในการใช้งานอย่างปลอดภัยตอบโจทย์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้เป็นหุ่นยนต์ที่คอยอยู่เคียงข้างมนุษย์และคอยให้ความช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน
ปัจจุบันมีบริษัทและองค์กรมากกว่า 2,000 แห่งทั่วโลกได้นำ Pepper มาใช้ในงานด้านการบริการและการให้ข้อมูลได้หลากหลายสายงานได้แก่ สายสุขภาพ สายวิชาการ การค้าปลีก การโรงแรม การเงิน การท่องเที่ยว ร้านอาหาร หน่วยงานราชการ ฯลฯ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด