การแข่งขันของตลาด Food Delivery เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น หลังจาก Now ได้ปิดตัวไปไม่นานนี้ ก็มีอีกหนึ่งผู้เล่นหน้าใหม่แต่รายใหญ่อย่าง GET เข้ามาบุกตลาดในประเทศแล้ว ในชื่อ GET Food
GET คือผู้ให้บริการ Ride Hailing ซึ่งเป็น Startup ยูนิคอร์น (Startup ที่มีมูลค่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์) ในอินโดนีเซียที่เรารู้จักในอีกชื่ออย่าง Go-Jek ผู้ที่ Grab พยายามไปบุกตลาด แต่ก็ยังไม่อาจเอาชนะได้ โดยล่าสุด GET ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากรุกตลาดแบบเงียบๆระยะหนึ่ง โดยปัจจุบันได้ขยายพื้นที่การให้บริการไปกว่า 37 พื้นที่แล้ว ครอบคลุมหลายจุดในกรุงเทพฯ
ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมืองที่เปลี่ยนไป คนส่วนใหญ่หันมาใช้บริการแอปฯ ส่งอาหารหรือ Food Delivery กันมากขึ้น โดยในประเทศไทยนั้น ผู้เล่นรายแรกที่เข้ามาก็คือ Foodpanda แต่ผู้เล่นที่รายใหญ่ที่มาสร้างสีสันให้ตลาดแอปส่งอาหารคึกคักก็คือ LINEMAN ที่มีการร่วมมือกับ Wongnai แอปฯรีวิวอาหาร ในการส่งอาหารจากร้านเด็ดร้านดัง และแทบทุกร้านในกรุงเทพฯ เรียกได้ว่า Wongnai มีรีวิวร้านไหน LINEMAN ก็สามารถส่งอาหารจากร้านดังกล่าวได้
ผู้เล่นรายใหญ่รายที่ 2 ก็คือ Grab Food (Uber Eat เดิม) ที่เข้ามาให้บริการหลังจาก Uber ถอยทัพออกจากตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีราคาที่เชิญชวนให้คนใช้ ด้วยค่าส่ง 10 บาท 1-5 กิโลเมตรแรก พร้อม โปรโมชั่นส่งฟรี ลดราคา ที่ยังคงมีให้อย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้โมเดลราคาและโปรโมชั่นแบบนี้จะยังอยู่อีกนานมั้ย ก็ต้องรอดูต่อไป
ผู้เล่นรายถัดมา ก็คือ GET Food บริการที่เกิดจากการต่อยอดของแอปพลิเคชัน GET ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งที่สูสีที่กล้าต่อกรกับผู้ให้บริการที่มีอยู่แล้วอย่าง Grab food และ LINE MAN แต่ GET จะมีจุดเด่นอะไรบ้างในการสร้างฐานลูกค้า?
จุดเด่นของ GET FOOD ที่เห็นในเวลานี้คือ ส่งฟรีในระยะ 8 กิโลเมตร (ซึ่งเรื่องของราคาและโปรโมชั่นจะมีอยู่อีกนานแค่ไหน ก็ต้องติดตามกันต่อไป) โดย GET มีจุดเด่นในการจัดหมวดหมูอาหาร และเลือกร้านที่คนชอบสั่ง Delivery เช่น การจัดหมวดหมู่ของชานมไข่มุก , ข้าวมันไก่ , ข้าวขาหมู , เมนูเนื้อ หรือเมนูเส้น โดยมีการเขียนภาษาที่เป็นกันเอง ทำให้ผู้สั่งอาหารสะดวกในการเลือกร้าน (ในเวลานี้ Grab ก็มีการจัดหมวดหมู่เช่นกัน) นอกจากนี้ยังมีร้านดังที่ไม่มีใน Grab ให้เราสามารถเลือกสั่งได้ ซึ่งหากคำนวณราคาค่าส่ง ก็ยังมีราคาที่ถูกกว่า LINE MAN ในเวลานี้ ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค
ทั้งนี้ GET ยั่งสามารถสั่ง Order จากร้านอาหารได้หลายร้าน ไม่ต้องรอให้คนขับมาส่งก่อนถึงจะสั่งรายการต่อไปได้ ส่วนหน้าต่างแอปพลิเคชั่นมีการจัดอาหารเป็นหมวดหมู่ให้ผู้ใช้ค้นหาได้ง่ายใกล้เคียงกับ Grab และยังมีรูปแบบการติดต่อคล้ายกันคือ มีช่องแชทเพื่อให้สามารถพิมพ์สนทนา สะดวกต่อการติดต่อกับคนขับ
เนื่องจาก GET นั้นเพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นานทำให้ยังมีบริการไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ หรือยังส่งข้ามแต่ละเขตที่ไกลเกินกว่า 15 กม. ไม่ได้ ซึ่งอาจต้องรอให้บริการของ GET ขยายตัวมากกว่านี้ก่อนจึงจะสามารถเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกับผู้ให้บริการรายอื่นๆได้ ในด้านของราคาและโปรโมชั่น โดยตอนนี้นั้น GET FOOD ยังมีโปรโมชั่นส่งอาหารฟรีระยะทาง 8 กม. ในพื้นที่ให้บริการ
บริการส่งอาหารเป็นที่นิยมมากในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ทำทุกอย่างผ่านการกดมือถือ ผนวกกับกรุงเทพที่มีร้าน Street Food มีร้านดังอาหารอร่อย ซึ่งการแข่งขันของตลาดนี้เรียกได้ว่าบรรดา Super App ต่างเข้ามาแข่งขันแย่งชิงพื้นผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น LINE , Grab หรือ Go-Jek (GET) ซึ่ง GET FOOD อาจจะเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบสนองความต้องการแก่ผู้บริโภคได้หรือไม่ ใครจะเป็นแอปฯครองใจผู้บริโภคเบอร์หนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไปในอนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด