Startup และ SMB (Small Medium Business) มีทุนที่ไม่สูงมาก การทำตลาดก็ต้องใช้เงินให้คุ้มค่ามากที่สุด วันนี้เราเลยรวบรวมเครื่องมือ 8 เครื่องมือที่จะช่วยการทำตลาดแบบ Growth Hacking ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. Close.io
ด้วยแนวคิด "Close more Deals, Make More Sales" Close.io เปรียบเสมือนแพลตฟอร์มครบวงจรที่ทีม sales ควรจะมีไว้ใช้ แพลตฟอร์มตัวนี้จะช่วยทำให้คุณสามารถติดต่อกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น โดยมีระบบโทรศัพท์แบบ VolP calling และรับส่งอีเมลกับข้อความได้แบบทันที ซึ่งผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลใดๆ ในการเริ่มใช้ครั้งแรก
2. ProfitWell
ProfitWell คือ เครื่องมือสำหรับ SaaS (Software as a service) metric โดยเฉพาะ เมื่อคุณเปิดตัวแอปฯ ของคุณไปสักพัก ก็ต้องการวัดว่ามีคนกลับเข้ามาใช้เท่าไหร่ ต้องการดู Cohort Report เครื่องมือนี้สามารถช่วยให้คุณวิเคราะห์และดูข้อมูลได้ง่ายขึ้น ว่ามี ARR (Accounting rate of return) เท่าไหร่ ผูกไปถึง MRR (Monthly Recurring Revenue) เท่าไหร่ เรียกว่าแปลงข้อมูลที่ซับซ้อนอันเกิดจากการใช้งานของผู้ใช้ให้การเป็นข้อมูลที่โยงไปถึงว่าเราควรต้องปรับปรุงในเดือนไหนให้เกิดเป็นลูกค้าประจำมากกว่าเกณฑ์ที่เราตั้งไว้ได้
3. SumoMe
SumoMe เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มจำนวนเว็บไซต์ traffic ให้กับคุณ โดยมี 3 ฟีเจอร์หลักคือ การเพิ่มรายชื่ออีเมลของผู้ใช้งาน, วิเคราะห์ด้วย Heat Maps ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าตรงไหนของเว็บไซต์ ที่ผู้คนชอบคลิ้กเข้าไปดู และเพิ่มจำนวนยอดแชร์ในเว็บไซต์ จาก Testimonial ของเขาระบุว่า Startup อย่าง Fedora สามารถเพิ่มจำนวน conversions ได้ถึง 70% หลังจากทดลองใช้ SumoMe เพียง 5 วันเท่านั้น อันนี้จริงไหม คงต้องลองพิสูจน์กันดูแล้ว
4. Customer.io
เป็นหนึ่งในเครื่องมือด้าน Automation แบบย่อยๆ ตัวหนึ่ง สำหรับอีเมลยังคงเป็นช่องทางที่หลายคนใช้ในการสื่อสารกับลูกค้า หัวใจสำคัญของการส่งเมลก็คือ ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ Customer.io จะช่วยคุณเรื่องการตั้งการ segment คนด้วยหลากหลาย condition ได้ เช่น login เข้ามาใช้บริการมากกว่า 10 ครั้งต่อเดือน ก็ให้ทำการส่งอีเมลหาคนกลุ่มนี้ด้วยข้อความว่าอะไร ซึ่ง condition มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก
5. Unbounce
หากใครกำลังอยากสร้าง landing pages เพื่อทดสอบการทำ A/B Testing แบบง่ายๆ ไม่ง้อ IT - Unbounce ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง จุดเด่นคือความรวดเร็วและง่ายในการสร้าง landing pages เพียงแค่จับแล้วลากลงไป ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้าน HTML หรือไม่ต้องพึ่งฝ่าย IT มากนัก นอกจากนี้ ระบบยังมีในส่วนของการทดสอบเพื่อให้เราเช็คความพอใจ ก่อนที่จะ publish จริงอีกด้วย
6. JustReachOut.io (เหมาะกับ Product ที่ต้องการทำตลาดต่างประเทศ)
การทำการตลาดก็เหมือนการเล่าเรื่องราวของตัวเอง ซึ่งก็คงไม่มีใครสามารถเล่าเรื่องราวได้ดีไปกว่าตัวของเรา ยกตัวอย่างการนำเสนอข่าวเป็นต้น เราคงไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักธุรกิจของเราดี แล้วไปรายงานข่าวแบบมั่วๆ JustReachOut เป็นโปรเจค ที่จะแนะนำให้คุณเลือกนักข่าวหรือบุคคลที่เหมาะสม ในการที่จะกระจายข้อมูลของเราออกไป เครื่องมือนี้เหมาะกับคนที่กำลังต้องการทำตลาดในต่างประเทศได้ดี แต่ยังไม่เหมาะในการโปรโมตในไทยเพราะนักข่าวไทยยังไม่ค่อยมีคนไปใช้เครื่องมือนี้
7. LeadzGen
เราคงคุ้นเคยการใช้ Google Analytics กันเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เหมาะมากสำหรับนักการตลาดเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของคนบนเว็บฯ แต่ไม่ได้เน้นเรื่องการเพิ่ม Lead เพื่อนำไปสู่การขายต่อโดยตรง แต่ LeadzGen จะเน้นหนักในด้านนี้ ว่าใครที่เข้ามาที่เว็บฯ แต่ไม่ได้สอบถามข้อมูลใดๆ เข้ามาดูหน้าไหนเป็นพิเศษ ใช้เวลาแต่ละหน้าเท่าไหร่ และพยายาม fill-in ข้อมูลส่วนบุคคลให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสให้บริษัทได้ Lead ไปนำเสนอการขายต่อให้ได้ แม้ทางบริการไม่ได้เปิดเผยข้อมูลว่าใช้เทคนิคอะไรในการดีงข้อมูลคนที่เข้ามาดูเว็บฯ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของการนำ Cookie และ Data Management Platform มาใช้ อย่างไรก็ตามข้อมูลเหล่านี้อาจพอใช้ได้ในการทำตลาดในต่างประเทศ แต่สำหรับตลาดไทยนั้นคงต้องมาลองดูกันว่ามันจะ Work หรือไม่
8. AdEspresso
Facebook กลายเป็นหนึ่งในช่องทางหลักที่ Startup และ SMBs ใช้ในการโปรโมต Product เพราะนอกจากมีผู้ใช้อยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ยังสามารถตั้ง Target (กลุ่มเป้าหมาย) ได้ อย่างไรก็ตามหลายคนก็ยังรู้สึกว่า Facebook Ads Manager ยังใช้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะการทำ A/B Testing และการดู Report ดังนั้น AdEspresso เลยเป็นเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเหล่าธุรกิจขนาดเล็กด้วยกันได้ดี AdEspresso เป็นหนึ่งใน Startup ของ 500 Startups อีกด้วยนะ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด