บทความโดย คุณซีซาร์ เซงกุปตา (Caesar Sengupta) General Manager of Next Billion Users and Payments ของ Google
เมื่อ 12 ปีก่อน คุณนรชัย ลาภเปี่ยม เป็นเพียงแค่มนุษย์เงินเดือนทั่วไปในบริษัทแห่งหนึ่งที่รับทำป้ายและจดหมายแจ้งข่าว ปัจจุบันเขาสามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยการเปิดบริษัทของตัวเองที่มีชื่อว่า 'แอ็ด เอ็คซไซท์ ' (Ad X-Zyte) ซึ่งเป็นธุรกิจออนไลน์ที่รับผลิตป้ายทุกประเภท ปัจจุบันเขามีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยไม่ต้องมีบริการหน้าร้านเลย
สิ่งที่คุณนรชัยทำเป็นสิ่งที่ผู้ที่ทำอาชีพค้าขายและนักธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ผู้ประกอบการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รู้ดีว่าหากพวกเข้าต้องแข่งขันกับธุรกิจที่มาจากต่างประเทศ เช่น จีนและอินเดีย พวกเขาต้องมองไปไกลกว่าตลาดในประเทศของตัวเอง
โดยสัญชาตญาณแล้ว พวกเขาเข้าใจดีว่าหากต้องการให้ธุรกิจเติบโตก็ต้องขยายตลาดไปยังระดับภูมิภาค
ความสำเร็จของผู้ประกอบการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นอยู่กับการบูรณาการอย่างต่อเนื่องของภูมิภาค นับตั้งแต่สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ สมาคมอาเซียน (ก่อตั้งขึ้นในปี 2510) สมาชิกอาเซียนได้พยายามอย่างหนักเพื่อลดภาษีศุลกากรและปรับปรุงการเชื่อมโยงในภูมิภาค
ความพยายามเหล่านี้ทำให้อาเซียนเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลกในปัจจุบัน
เพื่อที่จะรักษาตำแหน่งเขตเศรษฐกิจชั้นนำของโลก อาเซียนจะต้องใช้ประโยชน์จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตกำลังสร้างโมเดลทางธุรกิจใหม่ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มีราคาที่ถูกลง และเกิดไอเดียใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น หากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้คลื่นพลังแห่งเทคโนโลยีนี้และสมาชิกในภูมิภาคร่วมมือกัน ก็จะนำมาซึ่งโอกาสสำหรับ SME และเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
จากผลการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยบริษัทที่ปรึกษาการจัดการธุรกิจ Bain & Company ระบุว่าการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลของอาเซียนสามารถช่วยกระตุ้นให้ GDP ของภูมิภาคเติบโตขึ้น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568
ปัจจุบัน เศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนคิดเป็นสัดส่วน 7% ของ GDP ของภูมิภาค เมื่อเทียบกับจีน (16% ของ GDP) กลุ่มประเทศยุโรป EU-5 (27% ของ GDP) และสหรัฐอเมริกา (35% ของ GDP) นี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ในยุคดิจิทัลสำหรับอาเซียน ธุรกิจท้องถิ่นและ SME อาจขาดหนทางในการขยายธุรกิจ
แต่หากมีการร่วมมือกันในระดับภูมิภาค พวกเขาก็จะสามารถเข้าถึงตลาดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 และประชากรเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในชนชั้นกลางที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ธุรกิจ SME ในภูมิภาคอาเซียนคิดเป็นสัดส่วน 50% ของ GDP ของภูมิภาค และทำให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 80% ในตลาดแรงงานของภูมิภาคนี้ ธุรกิจ SME จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการเติบโตหากต้องการให้เศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนเป็นประโยชน์ต่อทุกคน
ทั้งนี้ มี 3 มาตรการที่เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อคโอกาสสำหรับ SME ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัทต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถทำการค้าขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศได้และใช้เวลาน้อยลงในการศึกษากฎหมายที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ
นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องสนับสนุนรัฐบาลในการสร้างชุมชนดิจิทัลแบบบูรณาการมากขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทต่างๆ ก็มีความรับผิดชอบในการลงทุนในชุมชนที่ดำเนินการอยู่
Google เราเชื่อว่า SME เป็นกระดูกสันหลังของชุมชนท้องถิ่นและเป็นอนาคตของเศรษฐกิจ หาก SME ในอาเซียนดำเนินธุรกิจไปได้สวย ชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนในภูมิภาคก็จะได้รับการยกระดับด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ Google จึงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุน SME ในอาเซียน เราตั้งเป้าจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับทักษะดิจิทัลให้กับผู้ที่ทำงานในธุรกิจ SME จำนวน 3 ล้านคนในประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ภายในปี 2563
ก่อนหน้านี้ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่สิงคโปร์ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้จัดทำกรอบการดำเนินการเพื่อส่งเสริมการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะช่วยให้ SME ของอาเซียนสามารถกระตุ้นการเติบโตของ GDP ให้เพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568 ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมมือกันเพื่ออนาคตที่สดใสในยุคดิจิทัลสำหรับทุกคนในอาเซียน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด