จากโพสเดิมที่ผม (ธนาวัฒน์) เคยเขียนไว้เมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้วว่าด้วย “ดิจิตอลอีโคโนมี” สำคัญกับประเทศไทยอย่างไร? ผมพูดถึงหนึ่งในสามปัจจัยที่สำคัญในการสร้างดิจิตอลอีโคโนมี นั่นคือ การส่งเสริมให้เกิดการสร้างเทค สตาร์ตอัพ ในไทยให้เติบโตมากขึ้น โพสนี้ผมอยากลงลึกในหัวข้อนี้มากขึ้นว่า “เทค สตาร์ตอัพ” (Tech Startup) มีสำคัญกับระบบเศรษฐกิจอย่างไร? ทำไมต้องสนใจ? ทำไมถึงสำคัญ?
นี่คือบทความจาก คุณธนาวัฒน์ มาลาบุปผา (ไว) CEO และ Co-founder Priceza ที่ให้เกียรติมาเขียนใน Guest Post พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้คนที่อยากจะเขียนหรืออยากถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ได้บอกเล่าอย่างเต็มที่ ข้อความทั้งหมดเป็นสิทธิของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว หากต้องการนำบทความหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของบทความ รบกวนแจ้งกลับมาที่ techsauce ด้วยนะครับ
ผมไปเจอรายงานฉบับนึงชื่อว่า The Global Startup Ecosystem Ranking 2015 ที่จัดทำโดยหน่วยงาน Compass.co ทำการสรุปสาระใจความไว้ได้อย่างดีมากๆ มีข้อมูลมาสนับสนุน ผมจึงขอสรุปและเรียบเรียงใจความสำคัญจากรายงานฉบับนี้มาเพื่อตอบคำถามดังกล่าวครับ
โลกเราในศตวรรษที่ 21 นี้เป็นโลกที่ปัจจุบันทันด่วนเอามากๆ การเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นรวดเร็ว ผู้คนเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างง่ายดายด้วยเทคโนโลยีมากมายทั้งโทรศัพท์มือถือและสังคมออนไลน์ ในโลกธุรกิจ คู่แข่งเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมาจากทุกทิศทุกทางทั้งจากในประเทศเองและจากต่างชาติที่เหาะมาแข่งกับเราได้ง่ายๆจากทั่วโลก อินเทอร์เน็ตช่วยทำให้โลกเราทั้งใบใกล้กันมากขึ้น และก่อให้เกิดบริษัทไฮเทคโนโลยีที่เข้ามาก่อให้เกิดการปฏิวัติในตลาดต่างๆอย่างกว้างขวาง ทั้งในตลาดหนังสือพิมพ์ บันเทิง พลังงาน การสาธารณสุข การศึกษา ก่อสร้าง การคมนาคม ค้าปลีก การเงิน หรือแม้กระทั่งหน่วยงานรัฐบาลเองก็ตาม และการปฏิวัติครั้งใหญ่ในหลายๆวงการเหล่านี้ล้วนเกิดจากผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ไม่กลัวที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง (Disruption) ในทุกวงการที่เค้าอยากท้าทายความเชื่อเดิมๆหรือสิ่งเดิมๆที่ทำต่อๆกันมา
ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมานี้ การจ้างงานและการเติบโตของเศรษฐกิจปริมาณมหาศาลของ USA ล้วนเกิดจากธุรกิจไฮเทค เช่น Apple, Amazon, Google, Salesforce, VMware, Facebook, Twitter, Groupon, Zynga ลองนึกดูว่า GDP ของ USA เท่ากับ $15 trillion ถ้าลองนับเฉพาะเก้าบริษัทนี้ที่เพิ่งเกิดมาในช่วงไม่ถึง 15 ปีที่ผ่านมา แต่กลับสามารถสร้าง GDP ให้เกือบ $1 trillion! โลกเราเกิดอะไรขึ้น? ทำไมบริษัทที่เพิ่งแจ้งเกิดมาได้ไม่นานกลับเป็นตัวขับเคลื่นเศรษฐกิจของ USA ได้เยอะถึงขนาดนี้? คำตอบคือโลกเราตอนนี้กำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาสู่การปฏิวัติของข้อมูลสารสนเทศ โลกเราตอนนี้มีผู้ใช้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจำนวนมากกว่า 2,000 ล้านคน และมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนอีกหลายพันล้านคนและมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ก่อให้เกิดการมาของยุคข้อมูลสารสนเทศอย่างแท้จริง
เพราะฉะนั้น ผู้ประกอบการเทคโนโลยีจึงมีความสำคัญในยุคนี้เป็นอย่างมาก เพราะคนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่สร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาเพื่อเข้าไปช่วยแก้ปัญหาหลายๆอย่าง และนำมาซึ่งการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในหลายๆภาคธุรกิจ
ทีนี้เราจะมาดูกันครับว่าทำไมบรรลังของบริษัทมหาอำนาจทั้งหลายถึงสั่นคลอน? ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1965 เทียบกับปี 2010 ประสิทธิภาพของแรงงานเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 100% แต่กลับกลายเป็นว่าผลตอบแทนจากสินทรัพย์ของธุรกิจ หรือก็คือ Return on Assets (ROA) ของบริษัทต่างๆกลับลดลง 75% และอายุเฉลี่ยของกิจการที่ได้การจัดอันดับอยู่ใน S&P 500 ลดลงถึง 80% เหลืออายุเฉลี่ยที่ 15 ปี
คำถามคือทำไมประสิทธิภาพของแรงงานดีขึ้นแต่กลับกลายเป็นว่าบริษัทใหญ่ๆเหล่านี้เจอปัญหาเข้าอย่างจัง?
ลองมาดูปัจจัยต่างๆที่ส่งผลให้เกิดเรื่องนี้กัน
จาก 3 ปัจจัยหลักที่กล่าวมานี้ ทำให้บริษัทมหาอำนาจที่เชื่องช้าต้องพยายามรัดเข็มขัดโดยการลดต้นทุนมากขึ้น พยายามขึ้นราคาสินค้ามากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็ทำได้มากสุดระดับหนึ่งที่สูงที่สุดที่ผู้บริโภคจะรับได้ แล้วคำถามคือจะพัฒนาต่อไปอย่างไรล่ะถ้าถึงทางตันแล้ว? คำตอบคือต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดเดิมๆไปเลย และในยุคของการปฏิวัติข้อมูลสารสนเทศนี้เอง ผู้ที่จะสร้างนวัตกรรมได้คือผู้ที่ต้องใช้กรอบแนวคิดใหม่ วิธีการทำงานใหม่ เครื่องมือใหม่ เพื่อสร้างนวัตกรรมชั้นยอดได้
บริษัทไฮเทคโนโลยีล้วนเข้าไปแทรกแซงและแผ่กระจายแทบจะในทุกสังคมในยุคนี้ และถ้ามองให้ดีแล้วล่ะก็บริษัทที่ตกต่ำย่างแรงในยุคนี้ล้วนแล้วแต่มีบริษัทไฮเทคโลยีที่ประสบความสำเร็จเข้ามามดแทน เพราะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภคได้อย่างยอดเยี่ยม เช่น
คุณ Steve Blank ซึ่งเป็นผู้ประกอบการมาแล้วด้วยตัวเอง และยังเป็นนักคิดและอาจารย์ที่ Stanford และ Berkeley ได้เสนอ 4 ปัจจัยที่ทำให้สตาร์ตอัพดังเป็นพลุแตกในยุคนี้
สตาร์ตอัพมีบทบามต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงานอย่างไร?
โดยสรุปแล้ว ในทศวรรษที่กำลังมาถึงนี้ ประเทศใดๆก็ตามที่สามารถสร้างสตาร์ตอัพให้เกิดขึ้นได้สำเร็จจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่เจริญก้าวหน้าอย่างมาก
คำถามสำคัญคือถ้าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกขึ้นอยู่กับการเติบโตของสตาร์ตอัพ แล้วเราจะสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ตอัพได้อย่างไร? คำตอบก็คือด้วยการสร้างสตาร์ตอัพอีโคซีสเตมที่เป็นแหล่งกำเนิดของมันนั่นเอง
สตาร์ตอัพอีโคซีสเตม ประกอบไปด้วยหลายๆส่วนที่สำคัญ เช่น
โดยสรุปแล้ว จากหลายๆปัจจัยที่กล่งถึงนี้ ทำให้มีบางที่ในบางประเทศที่เป็นแหล่งเหมาะสมอย่างยิ่งในการสร้างสตาร์ตอัพ และมีการรวมตัวกันของสตาร์ตอัพอย่างเข้มข้น เช่น Silicon Valley ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดว่าการสร้างอีโคซีสเตมที่ประสบความสำเร็จจะเป็นการการันตีการขับเคลื่นของเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่แน่นอนคืออีโคซีสเตมเป็นโรงงานปั๊มสตาร์ตอัพออกมาปริมาณเยอะมากๆและช่วยเป็นเบ้าหล่อหลอมให้สตาร์ตอัพเหล่านั้นมีโอกาสประสบความสำเร็จมาก หรือแม้กระทั่งประสบความสำเร็จอย่างบ้าคลั่ง!
บทความนี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกที่ waiwaiworld blog
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด