'สมใจ' ร้านเครื่องเขียนอายุ 60 ปี ชุบชีวิตแบรนด์ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ | Techsauce

'สมใจ' ร้านเครื่องเขียนอายุ 60 ปี ชุบชีวิตแบรนด์ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์

หากพูดถึงร้านเครื่องเขียนที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากที่สุดร้านหนึ่งของประเทศไทย โดยเฉพาะเด็กนักเรียน คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก ‘ร้านสมใจ’ ถ้าย้อนกลับไปจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 60 ปีแล้วที่ร้านสมใจได้เปิดให้บริการครั้งแรกในกรุงเทพมหานคร ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการครั้งแรกก็ได้รับกระแสตอบรับด้วยดีมาตลอด จึงได้มีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 8 สาขาทั่วประเทศ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายๆ สิ่งในชีวิตประจำวันของเรา ธุรกิจแทบจะทุกธุรกิจก็มีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า ไม่เว้นแม้แต่ ‘ร้านสมใจ’ ธุรกิจร้านเครื่องเขียนขวัญใจเด็กนักเรียน ก็ยังมีการปรับตัวเพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีและพฤติกรรมของลูกค้า

จากจุดเริ่มต้นของร้านสมใจเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ได้กลายมาเป็นร้านสมใจซึ่งถือว่าเป็นผู้เชียวชาญด้านเครื่องเขียน ตอนนี้บริหารโดย คุณวิธวินทร์ วิทยานนท์  คุณวิภวานี วิทยานนท์ และหุ้นส่วนคนสำคัญ คุณนพนารี พัวรัตนอรุณกร ทั้งสามตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงจากร้านเครื่องเขียนที่มีเพียงแค่หน้าร้านไปสู่ร้านค้าออนไลน์ เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคทุกวันนี้

ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง? คำตอบง่ายๆ คือเพียงแค่มันถึงเวลาที่จะเติบโต

คุณวิภวานี Co-founder ของร้านสมใจได้ให้สัมภาษณ์กับ eIQ ว่า “ในระหว่างเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ฉันเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ Amazon ในชีวิตประจำวัน การเพิ่มความสะดวกสบายและการพึ่งพากันทำให้ฉันรู้สึกว่าอีคอมเมิร์ซเป็นความก้าวหน้าที่ถือว่าเรียบง่ายสำหรับร้านสมใจ”

ทุกวันนี้บริษัทส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีประวัติอันยาวนานและมีหน้าร้านโดยการขยายสาขาไปยังพื้นที่ต่างๆ อย่างกว้างขวาง เข้าใจว่าการมีช่องทางที่หลากหลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทุกวันนี้คาดหวัง ดังนั้นเมื่อบริษัทที่ไม่มีประสบการณ์ด้านออนไลน์มาก่อนเลย จะเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงจากการแนวคิดแบบดั้งเดิมไปสู่แบบดิจิทัลได้อย่างไร

เริ่มต้นด้วยการประเมินตลาดร้านเครื่องเขียนออนไลน์

ตลาดเครื่องเขียนในปัจจุบันของไทย ส่วนใหญ่ครองตลาดโดย OfficeMate และ B2S ทั้งคู่เป็นเจ้าของและดำเนินการโดย Central Online ซึ่งเป็นบริษัทย่อยออนไลน์ของกลุ่ม Central Group บริษัทในเครือในประเทศไทย

ถึงแม้ว่า OfficeMate จะครองส่วนแบ่งทางการตลาด 13% ในปี 2558 ( ปี 2015) และบริษัทได้ปรับให้เป็น B2B มากขึ้น แต่ทว่าร้านสมใจได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่เฉพาะกลุ่ม ในแบบออฟไลน์กับกลุ่มวัยรุ่นและช่างฝีมือ โดยขายสินค้าทำมือ DIY ยางลบหลากหลายสีสันและดินสอวาดรูป ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีร้านค้าออนไลน์อื่นๆ เช่น Lazada และ B2S ของ Central Online มีอุปกรณ์เกี่ยวกับศิลปะแบบออนไลน์ แต่บริษัทก็มองว่าไม่เป็นปัญหา เพราะได้สร้างลูกค้าที่จงรักภักดีมานานกว่า 60 ปี

เริ่มต้นจากการศูนย์

ก่อนที่จะเปิดตัวเว็บไซต์ eCommerce อย่างเป็นทางการ ร้านสมใจได้เริ่มทดสอบความต้องการโดยใช้ Facebook และเริ่มสร้างเครือข่ายโซเชียลมีเดียบน Facebook เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งานเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ประมาณ 37 ล้านคน พวกเขาตระหนักเสมอว่าผู้บริโภคทุกวันนี้ชื่นชอบความสะดวกสบาย สามารดูเครื่องเขียนทางออนไลน์ผ่านข่าวสารต่างๆ ของร้านและสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าบน Facebook Page ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าถึงบริการและสั่งซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับแบรนด์ที่ต้องการขยายการเข้าถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำโดยไม่มีโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้ social platforms เช่น LINE และ Facebook ทำให้ผู้ซื้อออนไลน์ประมาณ 50% ซื้อสินค้าผ่านช่องทางเหล่านี้

คุณนพนารี กล่าวว่า "คนไทยชอบการแชทหรือการพูดคุยกันมาก" และยังกล่าวอีกว่า "เราพบว่าแม้เราไม่เสนอโปรโมชั่นใน LINE @ แบบเดียวกับที่ทำในเว็บไซต์ แต่ก็ยังมีบางคนที่ชอบซื้อจากแพลตฟอร์มที่สามารถแชทได้ เพียงเพราะพวกเขาได้พูดคุยกับเรา" อย่างไรก็ตาม 50% ของคำสั่งซื้อทางออนไลน์ก็ยังคงมาจาก Facebook Page ของ ‘ร้านสมใจ’

เว็บไซต์ของบริษัท เปิดตัวเมื่อสี่เดือนก่อนหลังจากที่ร้านสมใจได้จ้างนักพัฒนาเว็บแบบเต็มเวลาเพื่อสร้างแพลตฟอร์ม ซึ่งคุณวิภวานี ให้ความสำคัญในเรื่องของการควบคุมกระบวนการต่างๆ เนื่องจากถือเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทจะต้องคงภาพลักษณ์แบบดั้งเดิมเอาไว้และการสื่อถึงความไว้ใจได้แม้กระทั่งบนระบบออนไลน์ก็ตาม การเปิดตัวและการตั้งธุรกิจออนไลน์ใช้เวลาเพียงหกเดือนในขณะที่ร้านสมใจได้มี SKUs และความคุ้นเคยกับลูกค้าหลักแล้ว

เริ่มแรกบริษัทแชร์พื้นที่คลังสินค้าสำหรับทั้งคำสั่งซื้อจากออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งในช่วงสองสามสัปดาห์แรก ผู้ช่วยฝ่ายจัดเก็บสินค้าได้รับและรวบรวมคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าออนไลน์ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเกือบจะทันทีเนื่องจากลูกค้าต้องการสินค้าในร้าน

คุณนพนารีกล่าวว่า “เราพบว่ากระบวนการนี้ไม่สามารถปรับได้อย่างรวดเร็ว พนักงานของเรารู้สึกท่วมท้นและสับสนกับระบบใหม่ " นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมอีกว่า “เราตระหนักว่าต้องสร้างระบบแยกต่างหากสำหรับการดำเนินงานด้านออนไลน์ของบริษัท”

การจัดการกับความท้าทาย

เพื่อหลีกเลี่ยงกับความขัดแย้งเกี่ยวกับสินค้าคงคลังและกระบวนการต่างๆ ระหว่างด้านออนไลน์และออฟไลน์ ดังนั้นทีมงานจึงได้ตัดสินใจสร้างระบบการจัดการสินค้าคงคลังออนไลน์แยกต่างหากเพื่อทำงานที่คลังสินค้าซึ่งได้รับมาใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการสั่งซื้อทางออนไลน์

เทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับทั้งคู่ ก่อนหน้านี้ร้านสมใจมีเครื่องติดตามแบบรวมศูนย์ SKU ซึ่งสามารถดูได้ว่าผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่มีอยู่ในร้านแบบออฟไลน์

คุณนพนารีกล่าวว่า “เรากำลังวางแผนที่จะยกระดับ tech platform ของเรา” โดยเป้าหมายคือการมีระบบอัตโนมัติมากขึ้นและให้ความสำคัญกับกำลังคนน้อยลง”

หลังจากการลงทุนที่สำคัญ ปัจจุบันระบบสามารถกำหนดรายการที่จัดว่าสำคัญได้ในร้านค้าแต่ละแห่ง รวมถึงการตรวจสอบดูว่ารายการใดที่ต้องสต็อคของใหม่สำหรับการพยากรณ์ความต้องการ  ซึ่งเทคโนโลยีแพลตฟอร์มตัวใหม่นี้จะอยู่ในคลังสินค้าแห่งใหม่ โดยสามารถให้บริการทั้งแบบออฟไลน์และแบบออนไลน์ได้ เนื่องจากทั้งสองมีผลิตภัณฑ์ที่เหมือนกันและเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน ทั้งคู่ได้กล่าวถึง 7-Eleven ซึ่งถือเป็นแรงบันดาลใจของพวกเขา ในแง่ของประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

แพลตฟอร์มสามารถติดตามได้แบบเรียลไทม์สำหรับคำสั่งซื้อออนไลน์ ซึ่งทำให้มีกระบวนการคัดแยกแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่แปลกใจเลยที่การที่เราจะค้นหาความสามารถทั้งในด้านการจัดการทั้งเทคโนโลยีและการบริหารจัดการคลังสินค้าเป็นสิ่งที่ยากที่สุดสิ่งหนึ่งสำหรับตำแหน่ง CEOs

คุณนพนารี กล่าวว่า “ปัจจุบันเรามีทีมงานทั้งหมด 10 คนที่ดูแลการดำเนินงานด้านออนไลน์ในส่วนของคลังสินค้า ที่ร้านสมใจเราตระหนักดีว่าถ้าคุณเป็นคนมีทักษะ ก็ไม่จำเป็นที่ต้องใช้เวลาเป็นสิบปี แม้แต่ในช่วงสองสามปีคุณก็สามารถเป็นผู้จัดการได้”  “เพราะเราเองก็ไม่เคยทำมาก่อน การค้นหาและการฝึกอบรมผู้ที่มีความสามารถก็ยังเป็นเรื่องยากเพราะในประเทศไทยยังขาดแคลนอยู่ในเรื่องนี้”

เดินหน้าสร้างฐานลูกค้าทั่วประเทศ

การลงทุนทั้งในด้านเทคโนโลยีและการจ่ายเงินเดือนตามความสามารถ ในปัจจุบันร้านสมใจกำลังประสบความสำเร็จโดยการเติบโต 5% ในแต่ละเดือนนับตั้งแต่เปิดตัวร้านค้าออนไลน์และทีมงานยังคงประหลาดใจเกี่ยวกับบริษัท

คุณวิภวานี กล่าวว่า “ตั้งแต่เปิดตัวช่องทางด้านออนไลน์ ส่วนใหญ่ได้รับความสนใจมาจากกรุงเทพฯ แต่เราก็เห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย และวางแผนที่จะแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ” โดยในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่นี้ บริษัทจึงได้ตัดสินใจที่จะเป็นพันธมิตรกับไปรษณีย์ไทย ซึ่งคุณนพนารี กล่าวว่า “ไปรษณีย์ไทยมีความรู้และความชำนาญในการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ทำให้ง่ายขึ้นเมื่อเราได้ส่งมอบไปยังลูกค้า ซึ่งบางพื้นที่มีที่อยู่และทิศทางที่ไม่ถูกต้อง”

เพื่อเพิ่มการรับรู้ของลูกค้าทั่วประเทศเกี่ยวกับแบรนด์ ร้านสมใจจึงต้องจัดลำดับและความสำคัญทางการตลาดด้านออฟไลน์มากกว่าด้านออนไลน์ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่อยู่นอกเขตกรุงเทพฯไม่มีความคุ้นเคยกับแบรนด์ ซึ่งจะต้องมีการกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ และการทำ workshop เกี่ยวกับงานฝีมือ จะทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจเกี่ยวกับแบรนด์มากขึ้น

“ประเทศไทยไม่เหมือนคนอเมริกันในอเมริกา ซึ่งคนไม่ไว้วางใจบริษัทมากนัก ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีการเชื่อมโยงทางกายภาพเพื่อให้พวกเขาไว้วางใจเรา” คุณนพนารี กล่าว แม้ว่าชาวไทยกว่า 70% เลือกเงินสดเป็นวิธีการชำระเงินเมื่อมีการจัดส่ง แต่บริษัทก็ไม่ได้เสนอ COD และเสนอเฉพาะวิธีการโอนเงินผ่านธนาคารและบัตรเครดิตเป็นตัวเลือกการการชำระเงินแบบเงินสดแทน

“กับลูกค้าที่อายุน้อยกว่าเราพบว่าไม่ได้เป็นอุปสรรค” คุณนพนารี กล่าว “การโอนเงินผ่านธนาคารทำให้เกิดการทำธุรกรรม 80%” บางทีนี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีที่จะเกิดขึ้นสำหรับการชำระเงินในประเทศไทย

ร้านสมใจในอนาคตจะเป็นอย่างไร?

“เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสร้างรายได้จากการขายสินค้าผ่านออนไลน์เท่านั้น เพียงแต่เราต้องการให้ลูกค้าใช้อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มของเราเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการซื้อสินค้า เราคิดว่าทั้งด้านออฟไลน์และออนไลน์ควรเติบโตควบคู่กันไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น”

 ที่มาของภาพและข่าว eIQ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เปิดกลยุทธ์ธุรกิจยุคใหม่ พลิกข้อมูล สู่ขุมทรัพย์ด้วย analyticX ด้วยพลัง Telco Data Insights และ GenAI

ยุคนี้ใคร ๆ ก็พูดถึง Data แต่จะใช้ Data อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหากคือกุญแจสำคัญ! ในสัมมนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "Unlocking Data-Driven Decisions with Telecom Data Insights" ที่จั...

Responsive image

‘UOB Sustainability Compass’ เครื่องมือออนไลน์ด้านความยั่งยืน หนุน SMEs เปลี่ยน Vision เป็น Action

บทสัมภาษณ์ คุณอัมพร ทรัพย์จินดาวงศ์ และคุณพณิตตรา เวชชาชีวะ เกี่ยวกับ ‘UOB Sustainability Compass’ เครื่องมือออนไลน์ที่เข้ามาช่วย SMEs เริ่มดำเนินการด้านความยั่งยืนอย่างเข้าใจและไม...

Responsive image

Intel พลาดอะไรไป ? ทำไมถึงต้องเปลี่ยน CEO กะทันหัน ? ถอดบทเรียนราคาแพงจากยุค Pat Gensinger

การ ‘เกษียณ’ อย่างกะทันหันของ Pat Gelsinger อดีตซีอีโอ Intel ในต้นเดือนธันวาคม สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการเทคโนโลยี หลายฝ่ายมองว่าเป็นการบีบให้ออกจากบอร์ดบริหาร อันเนื่องมาจากผล...