ไม่นานมานี้ก็มีข่าวหนึ่งที่โด่งดังและกลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก เมื่อ บริษัท Sidus Studio X ของเกาหลีใต้ได้พัฒนา Influencer ที่เป็น AI คนแรกของเกาหลีที่มีชื่อว่า Rozy โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 1 พันล้านวอน (ประมาณ 854,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งไม่เพียงแต่เกาหลีใต้เท่านั้นที่เริ่มขยับตัวตามเทรนด์ Influencer ในโลกเสมือนจริง ล่าสุดในประเทศไทยเอง SIA Bangkok เอเจนซี่ไทย ได้เปิดตัว Virtual Influencer ที่เป็น AI คนแรก ชื่อ “ไอ-ไอรีน” เช่นเดียวกัน
ภายหลังจากการเปิดตัวก็ได้เกิดคำถามและข้อสงสัยมากมายว่า วงการโฆษณาและกลุ่ม Influencer ทั่วไปจะทำอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้น ถ้า Influencer สามารถสร้างได้จากคอมพิวเตอร์ และทำได้ทุกอย่างเสมือนคนจริง
ไอ-ไอรีน (Ai Ailynn) เป็น Virtual Influencer คนแรกของประเทศไทย จากค่ายเอเจนซี่ SIA Bangkok โดยภาพลักษณ์และลักษณะนิสัยที่ถูกวางไว้คือ เธอเป็นคนมั่นใจในตัวเอง กล้าหาญ ฉลาด ทันสมัย และน่าค้นหา และเธอมีอายุเพียง 21 ปี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 1 ตุลาคม ปี 2000 สูง 165 ซม. หนัก 52 กก. กรุ๊ปเลือด AB และมีอาชีพเป็น Influencer / Creative / Freelance และเธอยังสามารถเล่นดนตรี เต้น และเป็นนางแบบได้อีกด้วย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ทำให้ ไอ-ไอรีน ยิ่งมีความคล้ายมนุษย์ที่มากยิ่งขึ้นไปอีก และ AI Influencer คนนี้ยังรับงานโฆษณาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรีวิวสินค้า ถ่ายเอ็มวี รวมถึงเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์ต่าง ๆ และยังสามารถตอบแชทกับผู้ติดตาม และโพสต์ภาพในสถานที่ต่าง ๆ ได้ เหมือนกันกับที่ Influencer ทั่วไปทำได้
การมาของ AI Influencer และ Metaverse Human กำลังสร้างทางเลือกใหม่ให้กับแบรนด์ อย่างเช่น Rozy ที่เป็น AI Influencer ของประเทศเกาหลีใต้ ก็กลายเป็นตัวเลือก Influencer ใหม่ ของแบรนด์ต่างมากมาย ที่ตอนนี้มีการยื่นข้อเสนอมากกว่า 100 สัญญา เนื่องด้วยจากโดยปกติ เมื่อแบรนด์ต่างๆ นัดหมายถ่ายงานรีวิวสินค้าใหม่ หรือถ่ายมิวสิควิดีโอใหม่ กับ Influencer ที่เป็นมนุษย์ทั่วไป อาจจะมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
โดย Influencer คนนั้นอาจจะป่วยกะทันหัน หรือมีเหตุการณ์สำคัญเข้ามาแทนที่ ทำให้แบรนด์ต้องเสียเวลาและเลื่อนการเปิดตัวสินค้านั้นให้ล่าช้าไปอีก ซึ่งต่างกับ AI InfluAncer ที่สามารถทำงานตามที่สั่งได้ทุกอย่างและตลอดเวลา โดยที่มีโดยไม่บ่น ไม่มีเหนื่อย หรือป่วยแน่นอน ไม่ว่าจะมีงานมากสักแค่ไหนก็ตาม
และยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งแบรนด์สามารถวางใจได้ในเรื่องของภาพลักษณ์เนื่องจาก AI Influencer ไม่มีข่าวเรื่องอื้อฉาว หรือข้อครหาที่ไม่ดีอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้การที่แบรนด์เลือกใช้ AI Influnecer สามารถสร้างงาน และผลลัพธ์ได้ดีกว่า Influencer ที่เป็นมนุษย์ และแบรนด์ก็มั่นใจได้มากกว่าว่า AI Influencer จะไม่มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นที่จะเป็นผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างแน่นอน
ในเมื่อ AI Influencer สามารถทดแทนคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ Influencer มีได้ครบถ้วนเช่นนี้ แล้ว Influencer จะปรับตัวอย่างไรให้อยู่รอดในสังคมดิจิทัล
ด้านคุณคุณสุวิตา จรัญวงศ์ CEO & Co-Founder ของ Tellscore ซึ่งเป็น Influencer Marketing Automation Platform ที่เชื่อมต่อนักการตลาดกับเหล่า Influencer บนโซเชียลมีเดียเข้าด้วยกัน ได้ให้ความเห็นกับ Techsauce ว่า ยุคนี้ผู้บริโภคต้องการบริโภคและเสพสื่อที่เป็นความจริง โดยไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ดังนั้นการเข้ามาของ AI Influencer จึงทำให้เหล่า Influencer ที่เป็นมนุษย์ปรับตัวอย่างรวดเร็ว
ด้วยการสร้างเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่เป็นความจริง มีความ Real สูง ไม่มี Fake และที่ต้องสร้างความโดดเด่นและความเป็นเอกลักษณ์ (Uniqueness) ของตัวเองให้ได้ เพื่อรักษาฐานกลุ่มผู้ใช้งานที่ยังติดตาม Influencer เหล่านั้นให้ยังคงอยู่ได้ และสิ่งสำคัญคือที่เป็นแต้มต่อที่ AI Influencer ไม่มี นั่นคือ Influencer ที่เป็นมนุษย์มีความเป็นมนุษย์และความเข้าใจเพื่อนมนุษย์ (Humanity) ด้วยกันมากกว่า ดังนั้นการสร้างความอบอุ่น ความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเหล่าผู้บริโภคจะเป็นตัวแปรสำคัญในการแข่งขันของเหล่า Influencer ที่เป็นมนุษย์
ขณะที่ด้านคุณ บี สโรจ เลาหศิริ Head of Marketing Transformation and Marketing Strategy ของ Bluebik ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ได้ให้ความเห็นว่า การที่ AI Influencer กลายเป็นที่โดดเด่นในสายตาผู้คนให้จดจำได้ ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป เพราะหาก AI Influencer ไม่สามารถสร้างเอกลักษณ์หรือเรื่องราวให้ผู้คนจดจำได้ นี่ก็อาจจะเป็นแค่เพียงกระแสใหม่ที่เกิดขึ้นชั่วคราว และสุดท้ายก็หายไปเหมือน Influncer อื่น ๆ ทั่วไปเช่นกัน
อ้างอิง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด