โควิด-19 ได้ทำให้เทรนด์การทำงานภายในองค์กรเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นรูปแบบการทำงานใหม่ที่เรียกว่า “Remote Working” ทุกคนสามารถทำงานจากที่ไหน เวลาใดก็ได้ ติดต่อกับเพื่อนร่วมงานและลูกค้าได้สะดวกสบาย เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีก็สามารถมอนิเตอร์ภาพรวมของงานออนไลน์ และให้ฟีดแบ็กได้ในทันที
แต่สิ่งที่ตามมาควบคู่กันคือ ความท้าทายรูปแบบใหม่และปัญหายิบย่อยที่บริษัทต้องเผชิญ การทำงานจากที่ไหนก็ได้ ทำให้ทีมงานโดยเฉพาะแผนก IT ไม่สามารถดูแลระบบเครือข่ายได้ทั่วถึง ต้องใช้เวลาในการเคลื่อนย้ายข้อมูลไว้ในใน Cloud อีกทั้งแก้ไขปัญหาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของพนักงานแต่ละคนได้ยากขึ้น อีกทั้งเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์จากภายนอกระบบ ดังนั้น ต่อให้องค์กรจะประหยัดค่าใช้จ่ายจากค่าเช่าออฟฟิศ หรือค่าไฟ ก็อาจจะต้องมาทุ่มเงินอย่างมหาศาลเพื่อมาดูแลระบบเครือข่ายภายในองค์กร
เพื่อบรรเทาภาระอันหนักอึ้ง แพลตฟอร์ม Intel vPro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ 11th Gen Intel Core vPro เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะตอบโจทย์องค์กรในทุกมิติ ทำให้การจัดการและซ่อมแซมระบบทางไกลเป็นเรื่องง่าย ธุรกิจดำเนินได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย โดยที่ลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยปกติแล้ว คนทั่วไปจะคุ้นชินกับเทคโนโลยีโปรเซสเซอร์ Intel ที่ติดตั้งมาพร้อมกับซีพียูคอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปส่วนตัว ซึ่งมีคุณภาพรองรับการใช้งานตั้งแต่ในชีวิตประจำวัน พิมพ์งานทั่วไป จนไปถึงการทำงานที่อาศัยโปรแกรมที่ประมวลผลหนัก ๆ อาทิ การตัดต่อวีดิโอ กราฟิก หรือ ทำเซิฟเวอร์ แบรนด์ซีพียูที่ยอดนิยมสำหรับผู้ใช้กลุ่มนี้จะเป็น Intel Core รุ่นที่ i3, i5, หรือ i7
แต่สำหรับธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็ก หรือบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องดูแลเครือข่าย และอุปกรณ์เทคโนโลยีพนักงานในองค์กรทั้งหมดนั้น เทคโนโลยี Intel vPro® จะเข้ามาเติมเต็มการทำงานส่วนนี้ให้มีประสิทธิภาพและลดการเกิดอุปสรรคระหว่างการดำเนินงาน เพราะ vPro เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีโปรเซสเซอร์และการดูแลฮาร์ดแวร์ในระบบ ช่วยให้องค์กรเข้าถึงความผิดพลาดในพีซีของพนักงานแต่ละคนได้ และยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา อุดรอยรั่วจากการใช้งาน เรียกได้ว่าเป็นโซลูชันเพื่อธุรกิจอย่างครบวงจรเลยทีเดียว
1. เป็นมิตรกับพนักงาน Work from Home ด้วยบริการการจัดการระยะไกล
เมื่อพนักงานต้องทำงานจากทางไกลแล้วอุปกรณ์เทคโนโลยีนั้นเกิดปัญหาขึ้นระหว่างการใช้งาน วิธีการแก้ไขของพนักงานย่อมไม่พ้นกับการรอเรียกช่างจากศูนย์บริการมาซ่อม ยอมใช้อุปกรณ์ดังกล่าวต่อไป หรือต้องเสียเงินซื้อใหม่อีกครั้ง ซึ่งนอกจากทำให้ต้องเสียเวลาโดยที่ไม่จำเป็นแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานยังลดลงอีกด้วย
แพลตฟอร์ม Intel vPro® จะมาแก้ pain-point ดังกล่าว ด้วยฟีเจอร์ Intel® Active Management Technology ซึ่งมีความสามารถในการจัดการ ซ่อมแซมพีซี คีออส ป้ายดิจิทัลจากระยะไกล ซึ่งภายในเทคโนโลยีการจัดการนั้นจะใช้เครื่องมือเสริมที่เรียกว่า Intel® Endpoint Management Assistant (Intel® EMA) เพื่อคอยจัดการตรวจสอบ บำรุงรักษา ซ่อมแซม รีบูต และกู้คืนอุปกรณ์เทคโนโลยีของคนในองค์กรทั้งภายใน และภายนอก ไม่ต้องให้พนักงานเดินทางไปถึงออฟฟิศ หรือเข้าร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ ก็สามารถได้รับบริการการดูแลพีซีได้ถึงที่ แม้ว่าอุปกรณ์จะปิดอยู่ก็ตาม ลดทั้งค่าใช้จ่าย และเพิ่มความลื่นไหลให้กับการทำงานในระยะยาว
2. ลดข้อจำกัดการทำงานร่วมกันออนไลน์ ด้วยเทคโนโลยีเหนือชั้น
พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านอาจประสบข้อจำกัดการทำงานแตกต่างกัน ซึ่งในส่วนของอุปกรณ์การใช้งาน บางคนอาจพบว่าพีซีของตนเองนั้นเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ไม่เสถียรเท่าที่ควร มีปัญหาในการใช้งานโปรแกรมบางตัว รวมไปถึงไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามที่ต้องการ เนื่องจากเกิดปัญหาคอมช้า เครื่องหน่วง หรือ เครื่องดับระหว่างการใช้งาน เป็นอุปสรรคที่สำคัญสำหรับการทำงานร่วมกัน (collaboration) ภายในบริษัท และส่งผลต่อผลลัพธ์การทำงานได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
แพลตฟอร์ม Intel vPro® ได้ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ OEM (Original Equipment Manufacturer) ในการควบคุมคุณภาพของพีซีที่จะใช้ร่วมกับโปรเซสเซอร์ 11th Gen Intel® Core™ vPro® เพื่อที่มั่นใจในเสถียรภาพและประสิทธิภาพของพีซีพนักงานในองค์กรว่าทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น เป็นระบบ ลดภาระด้านไอที โดยประกอบด้วยคุณลักษณะขั้นสูงที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
ใช้ AI ปัญญาประดิษฐ์ในการประมวลผลบนพีซี เร่งประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชัน และเติมเต็มโฟลว์งานให้ลื่นไหล
Intel® Iris® Xe graphics การ์ดจอกราฟิกแบบ GPU ที่ให้ประสบการณ์หน้าจอแสดงผลคมชัดทุกรายละเอียดเหมาะสำหรับการใช้รับชมภาพ การสร้างคอนเทนต์ที่มีไฟล์ซับซ้อน ขนาดใหญ่ รวมไปถึงการส่งมอบไฟล์ที่มีความละเอียดต่อไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้ทำขึ้นโดยสถาปัตยกรรมที่ใช้พลังงานต่ำ
เทคโนโลยี Intel Thunderbolt™ 4 ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ และการแบ่งปันหน้าจอหลายครั้งในเวลาเดียวกันทำได้ง่ายภายในครั้งเดียว ผลิตเนื้อหาขึ้นหน้าจอใหญ่ได้อย่างสะดวก และทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมได้ไร้ที่ติ
Intel® Optane™ memory H20 with SSD อุปกรณ์ไฮบริดที่ผสมผสานทั้งหน่วยความจำและอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้ในหนึ่งเดียว ช่วยให้การอ่าน และเขียนข้อมูลในพีซีด้วยความเร็วสูง และมีพื้นที่จัดเก็บสำหรับงานได้หลากหลายประเภท
Intel® Wi-Fi 6/6E (Gig+) เพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยีไร้สาย เชื่อมต่อได้เร็ว อำนวยความสะดวกการประชุมทางไกลให้เป็นเรื่องง่าย
3. หมดห่วงปัญหาภัยคุกคามไซเบอร์ ด้วยโซลูชัน Intel® Hardware Shield
โควิด-19 ได้สร้างปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์ไว้หลายประเภท เนื่องจากอุปกรณ์เทคโนโลยีของพนักงานในองค์กรต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตภายนอกมากขึ้น จึงเป็นโอกาสสำหรับเหล่าแฮกเกอร์ที่จะเข้าถึงข้อมูลภายในบริษัทได้ผ่านการเจาะข้อมูลของพนักงานจากการใช้งาน Web Browser หรือ E-mail ส่วนนี้เองทำให้บริษัทอาจต้องสูญข้อมูลภายในที่มีค่า อีกทั้งมีความเสี่ยงที่จะโดนเรียกค่าไถ่ด้วยจำนวนเงินมหาศาลด้วย
แพลตฟอร์ม Intel vPro® ได้ติดตั้ง Intel® Hardware Shield เพื่อปิดกั้นการโจมตีทุกระดับ ครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์จนถึงโซลูชัน ในเครื่องมือของ Intel® Hardware Shield ได้ประกอบไปด้วยคุณลักษณะ 2 ประการ ได้แก่ Intel® Control-Flow Enforcement Technology (Intel® CET) โซลูชันช่วยปกป้องการโจมตีที่อาศัยช่องโหว่จากหน่วยความจำ และ Intel® Threat Detection Technology (Intel® TDT) ที่ตรวจจับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI การตรวจเชิงรุกเช่นนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการป้องกันภัยโจมตีทางไซเบอร์ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะแรนซัมแวร์ และการลักลอบทำเหมือง Cryptocurrency
ดังนั้น จากฟีเจอร์ต่างๆ จึงทำให้ Intel vPro เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดที่ตอบโจทย์ และ เพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจและองค์กรของคุณ
สำหรับองค์กรใดที่สนใจใช้งานในแพลตฟอร์ม 11th Gen Intel® Core™ vPro®
ศึกษาข้อมูล Intel vPro เพิ่มเติมได้ที่ https://intel.ly/39JVvEc
สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่ายได้ดังนี้
Ingram
SiS
Synnex
VST ECS
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด