
KBTG กำลังมอง AI เป็นมากกว่าเครื่องมือเสริม แต่กำลังเดินหน้าสู่การเป็น AI-Infused Tech Powerhouse องค์กรที่มี AI ฝังลึกอยู่ใน DNA ของทุกกระบวนการทำงาน โดยใช้ความสามารถของ Agentic AI ที่เปรียบเสมือนการสร้างกองทัพผู้ช่วยอัจฉริยะขึ้นมาพลิกโฉมองค์กร
ล่าสุด KBTG ได้เปิดเผยกลยุทธ์ AI 5+1 และเบื้องหลังนวัตกรรมที่น่าจับตามองที่สุดอย่าง ไฉไล และ ใส่ใจ คู่หู AI Agent ที่จะเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนองค์กรให้ทะยานไปข้างหน้า ทั้งในด้านความเร็ว และที่สำคัญคือ ความรับผิดชอบ

ต่อไปองค์กรจะเป็น K-shape คนที่ปรับตัวและใช้ AI ทำ Transformation ได้สำเร็จ จะเก่งกว่าคนที่ทำไม่สำเร็จ 2-3 เท่า
คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KBTG ยอมรับว่า Agentic AI กำลังอยู่บนยอดดอยแห่งความคาดหวัง หมายความว่า AI ถูกคนมองว่ามันจะทำได้ทุกอย่าง แต่ความเป็นจริงคือการทำ AI ให้สำเร็จนั้นซับซ้อนกว่าที่คิดมาก ดังที่คุณเรืองโรจน์ ให้ข้อมูลไว้ว่า 92% ของบริษัทต่าง ๆ มีการวางแผนลงทุนใน AI เพิ่ม แต่มีเพียง 1% เท่านั้นที่บอกว่าการลงทุนนั้นสร้างผลกระทบทางธุรกิจได้จริง
ด้วยเหตุนี้ KBTG จึงไม่ได้มองแค่การนำ AI มาเป็นเครื่องมือเสริม (+AI) แต่กำลังผลักดันให้ทั้งองค์กรมี AI+ Mindset คือการนำ AI มาเป็นตัวตั้งในการคิดและออกแบบกระบวนการใหม่ทั้งหมด คุณเรืองโรจน์ได้เปิดเผยสูตรสำเร็จของการทรานส์ฟอร์มครั้งนี้ว่าต้องประกอบด้วย 6 องค์ประกอบหลักคือ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเดินหน้าเต็มกำลัง KBTG ยังคงยึดมั่นในแนวทาง Human-First โดยเฉพาะกับการนำ AI ไปใช้กับลูกค้าโดยตรง ซึ่ง KBTG บอกว่า
เราจะยอมช้า แต่เมื่อไหร่ที่ของออกมาจาก KBTG ลูกค้าต้องได้ของที่ดีจริง
ปัจจุบัน KBTG จึงเน้นทดลองใน Sandbox กับกลุ่มผู้ใช้หลักหมื่นคนก่อน เพราะเชื่อว่า AI ที่ดีที่สุดคือ AI ที่ทำงานเบื้องหลังได้อย่างราบรื่นเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า โดยที่ลูกค้าอาจไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ
วิสัยทัศน์ของ KBTG ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในระดับภูมิภาคอีกต่อไป แต่ตั้งเป้าที่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มาจากประเทศไทย เพื่อสร้างพื้นที่ให้คนไทยที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีได้ทัดเทียมกับนานาชาติ และเป็นหนึ่งในข่าวดีและความหวังให้กับประเทศ

คุณจิรัฏฐ์ ศรีสวัสดิ์, Assistant Managing Director - Software Development Excellence ได้ลงรายละเอียดต่อว่า KBTG ได้นำวิสัยทัศน์นี้มาลงมือปฏิบัติจริง โดยสร้างกองทัพ AI Agent ขึ้นมาฝังในทุกขั้นตอนของกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDLC) เพื่อเปลี่ยนบทบาทของมนุษย์จากผู้ลงมือทำ ไปเป็น Orchestrator หรือผู้ควบคุมกองทัพ AI อีกทีหนึ่ง ซึ่งผลลัพธ์ที่จับต้องได้คือการลดเวลาทำงานบางส่วนจาก 1 วันเหลือเพียง 15 นาที

และเบื้องหลังการสร้างกองทัพ Agent นี้คือ AI and Data Playground ที่คุณวรรณลภย์ วิสิฐธรรมคุณ Assistant Managing Director - Intelligence Engineering and Data Technology อธิบายต่อว่า เป็นเหมือนสนามเด็กเล็กที่ช่วยลดเวลาทดลองสร้าง AI จาก 30 วัน เหลือเพียง 1 วัน และยังเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนเข้ามาสร้างนวัตกรรมได้ ซึ่งหมายความว่า
‘การสร้าง AI เป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่แค่ทีมวิศวกรอีกต่อไป’

ไม่ว่าเราจะเร่งส่งมอบงานแค่ไหน แต่คุณภาพต้องมาก่อนเสมอ
คุณเมสินี นาคมณี Deputy Managing Director - Software Quality Management ได้เจาะลึกถึงหัวใจของการทรานส์ฟอร์มครั้งนี้ ซึ่งก็คือคู่หู AI Agent ที่ทีมของเธอพัฒนาขึ้นในชื่อ ไฉไล และ ใส่ใจ

ไฉไล คือ AI Agent ที่เข้ามาเร่งสปีด และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมทดสอบซอฟต์แวร์ โดย ไฉไล สามารถช่วยงานได้หลากหลาย ตั้งแต่การบริหารจัดการทดสอบ, การสร้างสคริปต์ทดสอบอัตโนมัติ ไปจนถึงการทดสอบประสิทธิภาพของระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่ส่งมอบให้แก่ลูกค้ากว่า 20 ล้านคนทำงานได้อย่างไร้ที่ติ
เบื้องหลังการทำงานของ ไฉไล ไม่ใช่ AI Agent เดี่ยว ๆ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ประกอบด้วย AI Agent ย่อย ๆ ที่ทำงานประสานกันภายใต้สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า GEDI โดยมี Agent ที่น่าสนใจ เช่น Test Management Agent, Test Quality Assurance Agent, Performance Test Agent, Test Tech & Tools Agent และ Test Operations Mgmt. Agent
Agent เหล่านี้จะทำงานร่วมกับ Knowledge Base เช่น Confluence, Jira และเชื่อมต่อกับ SDLC AI Agents ตัวอื่น ๆ เพื่อให้กระบวนการพัฒนา และทดสอบซอฟต์แวร์เป็นไปอย่างราบรื่น และอัตโนมัติมากที่สุด

หาก ไฉไล คือตัวแทนของความเร็ว และประสิทธิภาพ ใส่ใจ ก็คือ ตัวแทนของความเชื่อมั่น และความรับผิดชอบ ใส่ใจ ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่ Testing for AI ซึ่งหมายถึงกาเป็นเฟรมเวิร์กกำกับดูแล AI ที่ KBTG สร้างขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่า AI ที่จะส่งมอบให้กับผู้ใช้งานกว่า 20 ล้านคนนั้นมีคุณภาพ และมาตรฐาน
เราอยากจะมั่นใจให้ได้ว่า AI ทุก ๆ ตัวที่ออกไปจาก KBTG แตกต่างในเรื่องของคุณภาพ
ใส่ใจ ถูกออกแบบมาอย่างเป็นระบบ โดยอ้างอิงมาตรฐานระดับโลก เพื่อให้การกำกับดูแล AI มีความครอบคลุม และน่าเชื่อถือ เช่น EU AI ACt, ISO 42001, UNESCO, World Economic Forum
ส่วนในทางปฏิบัติ ใส่ใจ จะครอบคลุมกระบวนการทดสอบทั้งหมด ตั้งแต่ การวางกลยุทธ์, วิธีการทดสอบ ไปจนถึงแพลตฟอร์ม และเครื่องมือที่ใช้ รวมถึงการกำกับดูแล
ความใส่ใจในคุณภาพ และความรับผิดชอบนี้ ไม่ได้หยุดแค่ภายในองค์กร KBTG ยังเป็นบริษัทไทยแห่งแรก ๆ ที่เข้าไปบทบาาทในเวทีกำกับดูแล AI ระดับโลก เช่น การเป็น 1 ใน 250 บริษัททั่วโลกที่เป็นสมาชิกของ World Economic Forum’s AI Governance Alliance และการเป็นส่วนหนึ่งของ AI Alliance ที่ก่อตั้งโดย Meta และ IBM เพื่อร่วมสร้างมาตรฐาน และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการพัฒนา AI อย่างรับผิดชอบ

สำหรับ KBTG แล้ว เทคโนโลยีและ AI Agent เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลยุทธ์บริษัท แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการ ยกระดับคนให้พร้อมสำหรับอนาคต KBTG ได้วางเส้นทางการพัฒนาบุคลากรไว้อย่างชัดเจน 3 ระยะ คือ AI Literacy (รู้พื้นฐาน), AI Mastery (สร้างเป็น) และเป้าหมายสูงสุดคือ AI Excellence
คำว่า AI Excellence ในนิยามของ KBTG ไม่ได้หมายถึงแค่การใช้ AI ได้อย่างเชี่ยวชาญ แต่คือการออกแบบขีดความสามารถหลักขององค์กรใหม่ทั้งหมด เป็นจุดที่เกิดการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง คุณค่าของมนุษย์ เช่น ความเห็นอกเห็นใจ , ความคิดสร้างสรรค์ และ คุณค่าของ AI เพื่อสร้างบุคลากรและองค์กรที่สอดรับกับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ซึ่งวิสัยทัศน์ในการสร้างองค์กรระดับ AI Excellence นี้ ได้สะท้อนอยู่ในเป้าหมายของ KBTG ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ที่จะมุ่งเน้นการวางรากฐานทางเทคโนโลยี และกระบวนการเพื่อส่งเสริมให้คนไปถึงจุดนั้น ได้แก่
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด