กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับงาน OneKBTG ซึ่งเป็น Townhall ประจำปีของ KBTG หรือ บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หลังจากที่ปีที่แล้วได้ประกาศตอกหมุดหมาย ตั้งเป้าสู่ความเป็นหนึ่งและเป็นองค์กรด้านเทคโนโลยีชั้นนำแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ภายในปี 2022
การจัดงานครั้งที่สองนี้ มาพร้อมกับคอนเซป The New Chapter Of One บทใหม่ของการก้าวต่อไปสู่การเป็นหนึ่ง โดยได้นำสิ่งที่ทุกคนได้เรียนรู้ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มาขยายความให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทั้งองค์กรเดินก้าวไปสู่เป้าหมายเดียวกันอย่างมั่นคง
โดยสิ่งที่เน้นย้ำตลอดงานที่เกิดขึ้น คือเรื่องของความสำคัญในการ ‘Transform’ ตั้งแต่เรื่องของ บุคลากร (People), กระบวนการทำงาน (Process) และ เครื่องมือ (Tools) ให้สามารถพัฒนาสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยมาตรฐานระดับสากล
ด้านหน้าของงาน KBTG ได้จัดกิจกรรมภายในร่วมกับพนักงานด้วยเกมสนุกๆ ที่ช่วยเอาแนวคิดการทำงานแบบ Agile มาใช้ งานเริ่มขึ้นด้วยการแถลงวิสัยทัศน์ (Vision) และแนวทางของธนาคารหลังยุค COVID-19 โดย คุณเปิ้ล-ขัตติยา อินทรวิชัย CEO ธนาคารกสิกรไทย ต่อด้วย คุณกระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล Chairman บริษัท KBTG ที่ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้กลายเป็นหนึ่ง
หลังจากนี้ ยังมี session พิเศษโดยตัวแทนจากแผนกต่างๆ ในการกล่าวถึงเรื่องพันธกิจ (Mission) ของทุกฝ่ายในการร่วมสร้าง KBTG Culture ให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการเชิญชวนทุกคนมาเริ่มต้นลงมือทำในทันที (Execution is Now!)
คุณขัตติยา ได้กล่าวถึง ช่วงก่อนโควิดที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับภัยแล้ง ค่าเงินแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดสภาพเศรษฐกิจตกต่ำมาระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะโดยซ้ำเติมโดยโรคระบาด ดังนั้นทุกภาคส่วนของประเทศต่างตกอยู่ในภาวะวิกฤต โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กอย่าง SME ที่เป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลับมีความแข็งแกร่ง จากตัวเลขชี้วัดทั้งตัวเลขเงินกองทุนประเทศไทยและสภาพคล่อง (cash flow) ดังนั้น ภารกิจหลักของธนาคารจึงต้องเป็นการช่วยเหลือและนำพาทุกคนในประเทศให้รอดไปด้วยกันให้ได้
โดยคุณขัตติยา ได้เปรียบเทียบภารกิจนี้เป็นดั่ง Infinite Game เพราะเป็นเกมที่ไม่มีวันจบ โดยจุดมุ่งหมายหลักของทั้งเครือคือ การเพิ่มอำนาจให้กับทุกชีวิตและทุกธุรกิจของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายบุคคล หรือลูกค้าธุรกิจ
บริการหลักที่ธนาคารตั้งเป้าให้เป็น New growth คือ บริการด้านสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ประกันต่างๆ ที่จะต้องทำให้เข้าถึงลูกค้า SME ทุกราย นอกจากนี้ ยังต้องการขยับสู่การเป็นธนาคารระดับภูมิภาคให้ได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก KBTG
‘เป้าหมาย’ หรือ Purpose ขององค์กรของสิ่งที่ คุณขัตติยา เน้นย้ำเป็นพิเศษ โดยได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1903 ช่วงนั้นมีความพยายามในการสร้างเครื่องบินให้มนุษยชาติบินได้เป็นครั้งแรก ซึ่งหลายๆ คนน่าจะรู้จัก พี่น้องตระกูลไรท์ ผู้คิดค้นเครื่องบินกันเป็นอย่างดี แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีอีกหนึ่งบุคคลที่ต้องการสร้างเครื่องบินให้สำเร็จเป็นคนแรกของโลก นั่นก็คือ Samuel Langley ซึ่งมีทั้งทุนและทรัพยากรในการคิดค้น แต่หลังจากที่พี่น้องตระกูลไรท์ ทำได้สำเร็จแล้ว Samuel กลับปิดแลปในทันที ล้มเลิกความตั้งใจในการสร้างเครื่องบินอีกต่อไป
นี่คือตัวอย่างของ เป้าหมาย ที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณขัตติยา กล่าวว่า KBank ไม่จำเป็นต้องเป็นคนแรกในตลาดเสมอไป เพราะสุดท้ายโลกจะจำคนที่ทำของที่ดีที่สุด และตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ซึ่งแม้จะมีบางครั้งที่เรานำหน้าหรือตามหลังบ้าง แต่ขอให้ทุกคนไม่หยุดจนกว่าจะไปถึงเป้าหมายนั้น
“นวัตกรรมเกิดจากความพยายามทำหลายๆ ครั้ง การเป็นที่หนึ่งได้นั้นโอเค แต่สิ่งที่ดีกว่าคือการ sustain ให้อยู่ในใจของลูกค้า”
ทั้งนี้ KBTG จึงกลายเป็นหัวหอกสำคัญในการสร้างสิ่งเหล่านี้ ทั้งในมุมของนวัตกรรมและวัฒนธรรมองค์กร
คุณกระทิง เผยว่า การทำธุรกรรมทางการเงินกว่า 40% ของประเทศ คือการทำผ่านธนาคารกสิกรไทย รวมถึงธุรกิจ SME ต่างๆ ที่คิดเป็นกว่า 30% ของ GDP ประเทศไทย เท่ากับว่า KBank คือหัวใจสองห้องและเส้นเลือดเกือบครึ่งตัวของประเทศไทย ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างดำเนินต่อไปได้ และเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด
หัวใจกับสมองจะหยุดทำงานไม่ได้ ดังนั้น ธนาคารจึงมีพันธะสัญญากับประเทศ ในการช่วยเหลือคนตัวเล็ก หรือธุรกิจ SME ให้ไปต่อไปได้ในช่วงวิกฤตครั้งนี้
‘หวย’
สิ่งที่คนในประเทศเลือกลงทุนง่ายๆ 2 ครั้งต่อเดือน สะท้อนให้เห็นว่าประเทศที่คนยังต้องพึ่งพิงหวย เพราะว่าคนไม่มีความหวัง และไม่มีความเข้าใจถึงการลงทุนและการออมเงินที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องทำให้คนมีทางเลือกในการออมเงิน ลงทุน และซื้อประกันที่ดี ในการสร้างสมดุลให้กับทุกชีวิต
บริษัทระดับ Unicorn Startup ในภูมิภาคที่หลายคนรู้จักกัน อย่างเช่น Gojek แห่งอินโดนีเซีย หรือ Grab จากมาเลเซีย ถือเป็นเป้าที่ KBTG ตั้งว่าจะไปเทียบเคียงให้ได้
โดยคุณกระทิง เผยว่า KBTG ได้มีแผนระยะยาวสู่การขยายในระดับภูมิภาค ซึ่งตอนนี้ได้เปิดออฟฟิศที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีนแล้ว โดยในชุดแรกจะมีพนักงาน 30 คน และตั้งเป้าขยายเป็น 400 คนในปีหน้า
ทั้งนี้ KBTG ตั้งเป้าสร้างสรรค์นวัตกรรมระดับโลกให้เป็นที่ประจักษ์ กระทั่งหากมีคนพูดถึงบริษัทเทคโนโลยีในประเทศไทย ทุกคนจะต้องคิดถึง KBTG
คุณกระทิงกล่าวปิดท้ายว่า เป้าหมายทั้งหมดนั้นจะเป็นไปได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคนในองค์กรในการทำงานกันเป็นทีม พร้อมสู้ในทุกสถานการณ์ โดยไม่เกรงกลัว และนำพาประเทศให้กลับไปเป็นผู้นำในภูมิภาคได้อีกครั้ง ด้วยพลังของ OneKBTG
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด