KKP Research เผยโปรตีนทางเลือกคือ future food สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่สำหรับอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์

KEY TAKEAWAYS

  • KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร วิเคราะห์ โปรตีนทางเลือกได้รับความสนใจจากผู้บริโภคและธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเหตุผลทั้งทางด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

  • การทำเกษตรและกระบวนการผลิตอาหารเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งข้อจำกัดทางทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้การทำปศุสัตว์แบบดั้งเดิมอาจจะไม่ใช่วิธีที่จะสามารถผลิตอาหารให้เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงประชากรโลกที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

  • พัฒนาการด้านเทคโลยีโดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพด้านอาหาร ทำให้การคิดค้นอาหารทางเลือกเพื่อมาทดแทนกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิมเป็นจริงได้มากขึ้น ในขณะที่ต้นทุนการผลิตจะมีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกจะได้รับความสนใจและเข้าถึงในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น

KKP Research เผยโปรตีนทางเลือกคือ future food

โปรตีนทางเลือก ... อาหารแห่งอนาคต?

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร เผยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีกระแสข่าวเกี่ยวกับเนื้อเทียม (meat analogue)หรือโปรตีนทางเลือก (alternative protein) หลากหลายชนิดที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆโดยเฉพาะในประเทศตะวันตกที่เริ่มมีการใช้เนื้อเทียมในเครือร้านอาหารขนาดใหญ่อย่าง McDonald’s, Burger King, Starbucks,และ KFC สำหรับคนไทย การงดรับประทานเนื้อสัตว์หรือการรับประทานมังสวิรัติเป็นที่นิยมทำกันในคนบางกลุ่มอยู่บ้างแล้ว

ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพและความเชื่อทางศาสนา สำหรับกลุ่มคนทั่วไปการที่มีสินค้าโปรตีนทางเลือกออกมาเพิ่มขึ้นนอกจากจะช่วยเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภคแล้วยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจอีกด้วย

ทำไมโปรตีนทางเลือกจึงเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรง

แหล่งโปรตีนที่ไม่ได้มาจากเนื้อสัตว์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น มีความตระหนักรู้ในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความตื่นตัวด้านความยั่งยืนมากขึ้นประกอบกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรที่ใช้ในกระบวนการผลิตอาหารภายใต้การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก

อีกทั้งวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องอันจะส่งผลต่อความมั่นคงทางโภชนาการจึงทำให้โปรตีนทางเลือกไม่ใช่เป็นเพียงแค่กระแสในสื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น แต่อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นอาหารแห่งอนาคต (futurefood) ที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารในอนาคตอันใกล้

เหตุผล 3 ด้านหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมอาหารทางเลือกมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมต่อเนื่องและอาจขยายตัวได้อย่างก้าวกระโดดในระยะต่อไป 

1. สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน 

อุตสาหกรรมเกษตรปศุสัตว์เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยกว่า 1 ใน 4 ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกมาจากการผลิตอาหารและเกษตรกรรม โดยเฉพาะในการทำปศุสัตว์โคเนื้อที่มีการปล่อยก๊าซมีเทนจำนวนมากจากกระบวนการย่อยอาหารของวัว ซึ่งเป็นก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกได้รุนแรงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า นอกจากนี้ การทำปศุสัตว์และการปลูกพืชเพื่อใช้ในการเลี้ยงสัตว์ยังต้องใช้ทรัพยากรน้ำและผืนดินอย่างมหาศาล และเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมของสภาพดิน

KKP Research เผยโปรตีนทางเลือกคือ future food

จากคาดการณ์ว่าจำนวนประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากประมาณ 7,800 ล้านคนในปัจจุบัน ไปเป็นราว 10,000 ล้านคนภายในปี 2050 อีกทั้งการยกระดับรายได้ของประชากรโลกจากการเติบโตทางเศรษฐกิจจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคโปรตีนและเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นตามมาด้วย การเกษตรปศุสัตว์แบบที่ทำกันมาจึงอาจไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืนที่จะผลิตอาหารให้เพียงพอสำหรับการหล่อเลี้ยงประชากรโลกในอนาคต การหาทางเลือกใหม่ที่จะผลิตอาหารให้ได้เพียงพอกับความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นและเพื่อสร้างอุตสาหกรรมอาหารที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสภาพแวดล้อม จึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในนานาประเทศและในเวทีโลก

ขณะเดียวกัน ข้อมูลและการสื่อสารเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมที่มีมากขึ้น ประกอบกับการเคลื่อนไหวเพื่อรณรงค์ด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและประเด็นด้านการทารุณกรรมสัตว์ ยังสร้างความตระหนักรู้และความตื่นตัวในกลุ่มผู้บริโภคใน
วงกว้างโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ยิ่งทำให้พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วยิ่งขึ้น การลดการบริโภคเนื้อสัตว์และหันไปหาโปรตีนทางเลือกทดแทนเนื้อสัตว์จึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะหลัง

2. สุขภาพและวิถีชีวิตยุคใหม่

การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารประกอบกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้สร้างความตื่นตัวและทำให้คนจำนวนมากเริ่มหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ภายใต้เทรนด์ที่เน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา ข้อมูลจาก Institute for Health Metrics and Evaluation พบว่า 1 ใน 5 ของการเสียชีวิตที่สามารถป้องกันได้ มีสาเหตุมาจากปัญหาด้านโภชนาการ เช่น การบริโภคอาหารที่ทำให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคลำไส้ เป็นต้น นอกจากนี้ การรับประทานเนื้อสัตว์ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจุลินทรีย์ ประกอบกับการทำปศุสัตว์ที่หนาแน่นขึ้นยังสร้างปัญหาการกลายพันธุ์และการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย 

ปัญหาด้านสุขภาพที่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคและกระบวนการผลิตอาหารที่เป็นที่รับรู้ในวงกว้างขึ้น ทำให้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มหันมาให้คุณค่ากับการดูแลด้านโภชนาการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพสูง เช่น กลุ่มคนที่เข้าสู่วัยสูงอายุ รวมทั้งกลุ่มคนในเมืองและคนที่มีรายได้สูงที่พร้อมจะจ่ายในราคาที่แพงขึ้นเพื่อบริโภคอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น อาหารที่เน้นผักและลดการปรุงแต่ง ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ซึ่งทำให้โปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์มีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจมากขึ้นในอนาค

KKP Research เผยโปรตีนทางเลือกคือ future food

3. เทคโนโลยี

พัฒนาการด้านเทคโลยีโดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพด้านอาหาร (food biotechnology) นวัตกรรมอาหาร (food innovation) รวมถึงเทคโนโลยีด้านการเกษตรสมัยใหม่ (smart farming) ทำให้การคิดค้นอาหารทางเลือกเพื่อมาทดแทนกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิมเป็นจริงได้มากขึ้น เช่น การสร้างโปรตีนทดแทนในรูปแบบของเนื้อสัตว์เทียมที่มีความใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริง ทั้งในด้านรสชาติและเนื้อสัมผัส ทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดีในการรับประทานเนื้อสัตว์เทียม และไม่ต้องปรับตัวมากนักในการเปลี่ยนมาลดและเลิกการบริโภคเนื้อสัตว์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในระยะต่อไปจะนำไปสู่การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ถูกปากผู้บริโภค ในขณะที่ต้นทุนของการผลิตจะมีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกจะได้รับความสนใจและเข้าถึงได้ในวงกว้างยิ่งขึ้น

โปรตีนทางเลือกมีอะไรบ้าง

ปัจจุบันมีโปรตีนทางเลือกที่ออกสู่ตลาดแล้วอยู่หลากหลายชนิด ส่วนใหญ่ยังคงเป็นประเภทโปรตีนที่ทำมาจากพืช หรือ plant-based protein ซึ่งนอกเหนือจากอาหารประเภทเต้าหู้ที่คนไทยนิยมรับประทานกันอยู่แล้วนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์โปรตีนและเนื้อเทียมที่ทำมาจากพืชชนิดอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ทำจากถั่วชนิดต่าง ๆ โดยจุดขายหลักที่ทำให้เนื้อเทียมที่ทำจากพืชเหล่านี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคในต่างประเทศ ก็คือรสชาติและเนื้อสัมผัสที่คล้ายกับเนื้อสัตว์จริง ๆ ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ยังต้องการรับประทานเนื้อสัตว์แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการบริโภคในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

ในปัจจุบัน เนื้อเทียมที่ทำมาจากพืชที่เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศตะวันตกมาจาก 2 บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทนี้โดยเฉพาะ ได้แก่ Beyond Meat และ Impossible Foods ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ทั้งสองบริษัทมีการกระจายสินค้าออกสู่ตลาดอย่างค่อนข้างรวดเร็ว ทั้งผ่านทางซูเปอร์มาร์เก็ตหรือเครือร้านอาหารต่าง ๆ ความสำเร็จของบริษัท start-up ทั้งสองรายนี้ทำให้บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Nestle และ Cargill เริ่มเข้ามาทำตลาดเนื้อสัตว์เทียมอย่างจริงจัง สำหรับในประเทศไทย เริ่มเห็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารต่าง ๆ เข้ามาทำตลาดกันอย่างจริงจังมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง CP Foods และ Thai Union หรือบริษัทขนาดกลางอย่าง NR Instant Produce รวมไปถึงบริษัท start-up อย่าง Let’s Plant Meat และ More Meat

เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นทำให้เริ่มมีการพัฒนาเนื้อสัตว์เทียมอีกชนิดหนึ่งที่เหมือนกับเนื้อสัตว์จริงมากขึ้น คือเนื้อที่ถูกพัฒนาขึ้นจากเซลล์ของสัตว์จริง ๆ หรือที่เรียกกันว่า lab-grown หรือ cultured meat ด้วยกระบวนการผลิตจากการเพาะเซลล์ให้โตขึ้นมาภายในห้องปฏิบัติการ กลายมาเป็นเนื้อที่ประกอบไปด้วยไขมัน กล้ามเนื้อ และเนื้อแดงของสัตว์ที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่สามารถนำมาปรุงอาหารรับประทานได้ ผลลัพธ์คือเนื้อสัตว์ที่เหมือนเนื้อสัตว์จริงแต่ไม่ได้มาจากการเลี้ยงและฆ่าสัตว์  ในปัจจุบันต้นทุนการผลิต cultured meat ยังสูงมาก แต่ก็มีแนวโน้มลดลงมาอย่างรวดเร็ว และในอนาคตอีกไม่ไกลต้นทุนการผลิตน่าจะลดลงมาอยู่ในระดับที่จะทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเข้าถึงได้

อีกทางเลือกหนึ่งที่อยู่ระหว่างการพัฒนา คือ โปรตีนที่มาจากแมลง (insect protein) สำหรับหลายๆ คน การรับประทานแมลงอาจฟังดูไม่น่าเจริญอาหารมากนัก แต่หากพิจารณาในแง่คุณสมบัติทางโภชนการ โปรตีนที่มาจากแมลงตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนได้เป็นอย่างดี ผลิตภัณฑ์จากแมลงที่เริ่มออกสู่ตลาดแล้ว คือโปรตีนชนิดผงที่สกัดมาจากแมลงซึ่งผู้บริโภคสามารถนำไปผสมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อเพิ่มโปรตีนได้ แม้ว่าโปรตีนที่มาจากแมลงอาจจะยังต้องใช้เวลากว่าจะได้รับการยอมรับในวงกว้าง แต่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังมีโปรตีนทางเลือกที่เรียกว่า Mycoprotein ที่ได้จากการหมักบ่มจุลินทรีย์กินได้ และนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ ทดแทนเนื้อสัตว์ โดยสามารถทำผลิตภัณฑ์เนื้อขึ้นรูปได้เสมือนเนื้อสัตว์จริงเป็นชิ้นๆ ที่มีกล้ามเนื้อ (whole muscle meat) ที่น่าสนใจ คือ mycoprotein ยังมีส่วนช่วยลด ‘ปัญหาขยะอาหาร’ (food waste) อีกด้วย เพราะส่วนเกินจากการผลิตอาหาร เช่น ขอบหรือเศษขนมปังจากโรงงานที่ถูกตัดทิ้ง แป้งที่เหลือจากการทำเบเกอรี่ต่าง ๆ หรือของเหลือจากฟาร์มผักก็สามารถนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นของกระบวนการหมักเพื่อสร้างโปรตีนเนื้อสัตว์เทียมได้ทั้งสิ้น  อย่างไรก็ดี ความรู้สึกที่ว่าของที่ทำมาจากการหมักเชื้อราอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาจทำให้โปรตีนทดแทนประเภทนี้ยังต้องใช้เวลากว่าที่จะเปลี่ยนความรับรู้และสร้างการยอมรับจากผู้บริโภค

โอกาสทางธุรกิจใหม่สำหรับอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ?

หากในอนาคตผู้บริโภคหันมาบริโภคโปรตีนทางเลือกกันในวงกว้างมากขึ้น คำถามที่ตามมาคืออุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ที่มีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในตลาดโลกจะได้รับผลกระทบอย่างไร 

โปรตีนทางเลือกที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอนาคต จะสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ในปัจจุบัน ในระยะสั้นถึงระยะกลาง ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเนื้อสัตว์อาจยังไม่มากนักในแง่ยอดขายและรายได้ที่ลดลง เนื่องจากตลาดการบริโภคโปรตีนทางเลือกยังมีขนาดเล็ก โดยปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 2.5% เมื่อเทียบกับขนาดของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ อย่างไรก็ดี จากการคาดการณ์ว่าโปรตีนทางเลือกทดแทนเนื้อสัตว์จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์จำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกเพื่อลดผลกระทบและสร้างโอกาสทางธุรกิจจากเทรนด์อาหารแห่งอนาคตที่จะมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

ถึงแม้โปรตีนทางเลือกจะยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ในปัจจุบัน แต่ควรจับตาดูพัฒนาการในธุรกิจนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด มีการประเมินว่าปัจจุบันตลาดโปรตีนทางเลือกมีขนาดอยู่ที่ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตขึ้นเกือบเท่าตัวภายในเวลา 5 ปีจากนี้ ไปอยู่ที่กว่า 68,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2025 และมีการประเมินว่าขนาดของตลาดโปรตีนทางเลือกจะโตขึ้นจนกลายเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของการบริโภคโปรตีนทั้งหมดในตลาดโลกภายในปี 2050 ซึ่งคิดเป็นโอกาสทางธุรกิจมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับอุตสาหกรรมโปรตีนรูปแบบใหม่นี้

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร พบว่า การที่ธุรกิจเนื้อสัตว์หลายรายได้หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าโปรตีนทางเลือกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการของไทยเองก็ได้เล็งเห็นความสำคัญของสินค้าโปรตีนจากพืชมากขึ้น โดยมีบริษัท start-up อย่าง More Meat ที่ใช้วัตถุดิบที่สามารถปลูกขึ้นได้เองอย่างเห็ดแครง และ Let’s Plant Meat ที่ใช้ส่วนผสมจากพืชหลายชนิด ทั้งถั่วเหลือง ข้าว มะพร้าว และบีทรูท มาแปรรูปเป็นโปรตีนทางเลือกและเนื้อสัตว์เทียม ขณะที่บริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของไทยก็ได้เร่งศึกษาและวิจัยพัฒนา และทยอยเปิดตัวสินค้าประเภทนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงต้องจับตาดูพัฒนาการของธุรกิจใหม่นี้ที่กำลังจะปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารโลก และสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจการเกษตรและอาหารของไทยที่พร้อมปรับตัวเพื่อก้าวไปให้ทันกับโลกแห่งอนาคตที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ส่องเทรนด์ AI ปี 2026 เมื่อเทคโนโลยีเป็น 'คู่คิด' แต่ความเร็วอาจเป็น 'กับดัก'

ปี 2025 AI ได้กลายเป็นเครื่องมือของคนทำงานไปแล้ว และในปี 2026 กำลังจะเป็นอีกก้าวสำคัญ เพราะ AI จะไม่ได้แค่ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น แต่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจมากขึ้นเรื่อย ๆ...

Responsive image

Nvidia ทุ่ม 2 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าซื้อเทคและทีม Groq สตาร์ทอัพชิป LPU หวังตัดคู่แข่งและเดินเกมคุมโครงสร้างพื้นฐานโลก AI

Nvidia เดินหมากใหญ่ด้วยดีลมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ กับ Groq สตาร์ทอัพชิป LPU โดยไม่ซื้อกิจการ แต่เลือกถือสิทธิเทคโนโลยีและดึงทีมแกนหลักเข้าร่วมทัพ เพื่อเร่งครองเกม AI Inference แล...

Responsive image

เทรนด์หุ่นยนต์ Humanoid ปี 2025 เมื่อหุ่นยนต์เริ่มทำงานบ้านได้จริง และโลกกำลังเปลี่ยน

ปี 2025 คือจุดเปลี่ยนของหุ่นยนต์ Humanoid จากแล็บสู่ชีวิตจริง ตั้งแต่พ่อบ้าน AI จนถึงแรงงานในโรงงาน และความเสี่ยงฟองสบู่ที่ต้องจับตา...