จากนี้ไปคน Gen Y และ Gen Z จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงในทุกกลุ่มธุรกิจ รวมถึงการสร้าง impact ให้สังคมโลก เพราะเป็นเจเนอเรชันที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน และเป็นคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ดิจิทัล ที่สำคัญยังเป็น Gen ที่มีจุดยืน กล้าแสดงออกทางความคิด กล้าบอกความต้องการ กล้านำเสนอไอเดียสร้างสรรค์
ธุรกิจด้านการเงิน การธนาคาร เป็นอุตสาหกรรมแรกๆ ที่ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพราะเผชิญทั้ง Digital Disruption วิกฤตโควิด-19 ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ ธนาคารกรุงไทย มีบทบาทสำคัญในชีวิตคนไทยอย่างมากผ่านทางแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ที่ช่วยให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้เร็วขึ้น เพราะแอปเป๋าตังช่วยให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการเงินแบบดิจิทัล ผ่านการใช้จ่ายผ่านโครงการรัฐต่างๆ รวมทั้งมีฟีเจอร์ด้านการลงทุนและสุขภาพที่เข้าถึงได้ผ่านระบบดิจิทัล
แต่การพัฒนาแอปหรือฟีเจอร์ต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่เคยหยุดนิ่งของผู้บริโภค ซึ่งไม่ได้มีเพียงคนไทยเท่านั้น ประเด็นนี้จึงเป็นทั้งความท้าทายของผู้ใช้งานที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และผู้พัฒนาระบบที่ต้องทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ได้ง่าย ใช้งานสะดวก โดยมีระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง
ความต้องการและความท้าทายบางส่วนที่ยกมานี้จึงเป็นคันเร่งให้หลายองค์กรประกาศรับ Talents รุ่นใหม่เข้ามาร่วมขับเคลื่อนสิ่งใหม่ๆ แต่การตัดสินใจของ Gen Y และ Gen Z ว่าจะเลือกทำสิ่งใด ภายใต้หมวกใบไหนนั้น หนีไม่พ้นที่จะต้องพิจารณาเรื่อง ค่าตอบแทน โอกาสในด้านต่างๆ วัฒนธรรมองค์กร ฯลฯ ที่โดนใจหรือตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด
การทำงานในยุคนี้มีสิ่งที่คนทำงานต้องการต่างไปจากเดิม และเห็นความต่างได้ชัดมากจาก Gen ที่ต่างกัน ดังที่ Linkedin Talent Solutions เผยผลวิจัยเรื่อง Global LinkedIn Talent Drivers survey, as of Jan 2023 ในรายงาน The Future of Recruiting 2023 ว่าประเด็นที่ Gen Z กับ Gen X ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ในเรื่องการทำงานนั้นแตกต่างกันพอควร
Source : The Future of Recruiting 2023, Linkedin Talent Solutions
ความต้องการข้างต้นสอดรับกับแนวทางและวัฒนธรรมการทำงานของธนาคารกรุงไทย ที่มอบโอกาสในการเติบโตและเพิ่มทักษะ ตลอดจนสถานที่ทำงานที่พร้อมรองรับคนรุ่นใหม่ ดังนี้
1. โอกาสการได้ทำงานที่ท้าทาย กรุงไทยมีพื้นที่และเครื่องมือให้พนักงานทดลองทำหรือสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ โดยมีพี่เลี้ยง (Coaching) ให้คำแนะนำและมีผู้บริหารที่พร้อมรับฟังการนำเสนอไอเดีย และหากทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อาจได้รับเงินทุนสนับสนุนในอนาคต
2. โอกาสที่จะได้พัฒนาความรู้และทักษะใหม่ กรุงไทยมีคอร์สเพิ่มทักษะให้พนักงานได้เรียนรู้ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะทักษะดิจิทัล ตัวอย่างที่สำคัญคือ โครงการ Krungthai Hackathon ที่มุ่งเน้นให้พนักงานจากทุกสายงานและกลุ่มอายุร่วมกันคิดค้นนวัตกรรมทางการเงินเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัล และยังสนับสนุนทุนการศึกษาให้พนักงานได้เรียนต่อทั้งในและต่างประเทศ
3. โอกาสที่จะได้ทำงานกับบุคลากรชั้นนำหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เนื่องจากธุรกิจธนาคารเติบโตและสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมหลายประเภท พนักงานก็จะได้ทำงานร่วมกับ Top Talents และผู้มีประสบการณ์จากหลากหลายสาขา ซึ่งจะช่วยเพิ่มมุมมอง ประสบการณ์ รวมทั้งโอกาสที่จะได้สร้าง connection กับผู้คนจากหลายวงการ
4. โอกาสในความก้าวหน้า ธนาคารเปิดโอกาสให้พนักงานเติบโตและก้าวหน้าโดยให้ค่าตอบแทนและเลื่อนขั้นตามความสามารถ เพราะยึดการทำงานแบบ Performance-driven ที่สำคัญ หากสร้างผลงานได้มาก ก็มีโอกาสที่จะได้ค่าตอบแทนที่มากขึ้น
5. โอกาสในการทำงานจากที่ไหนก็ได้ กรุงไทยมีนโยบายทางเลือก WFH จึงไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง หรือถ้าเข้าออฟฟิศก็มีห้องต่างๆ ไว้รองรับ ในบรรยากาศการทำงานที่ทันสมัย ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน
6. โอกาสในการได้รับสวัสดิการหรือสิทธิพิเศษ ทางกรุงไทยมีสวัสดิการครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์ มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลให้แก่พนักงานทุกระดับ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับพนักงาน เพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ ฯลฯ
โดยตำแหน่งที่ธนาคารกรุงไทยเปิดรับมีตั้งแต่ระดับนักศึกษาจบใหม่ จนถึงผู้บริหารระดับกลาง อาทิ งานด้าน IT, งานบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดในสายงาน Retail Banking, งานวิเคราะห์ธุรกิจ การเงิน ข้อมูล และเศรษฐกิจ งานบริหารความเสี่ยง งานด้าน Relationship Management และยังเปิดรับนักศึกษาฝึกงาน โดยเฉพาะสาย IT เพื่อโอกาสร่วมงานกับกรุงไทยในอนาคต
โอกาสที่เปิดกว้างและพร้อมซัพพอร์ตความต้องการของคนรุ่นใหม่ รออยู่ที่นี่ https://hr.krungthai.com/Home/JoinUs
#กรุงไทย #กล้าเปลี่ยนเพื่อก้าวนำ #KrungthaiCareer
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด