หลังจากในช่วงที่ผ่านมา KBTG ได้ปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ของกลุ่มธนาคาร KBank อย่าง เทคโนโลยี Contactless แชทบอทขุนทอง และ Eatable ไปแล้ว ล่าสุด KBTG ได้แถลงข่าวเปิดตัวแอปน้องใหม่ที่จะมาปฎิวัติการบริหารจัดการเงินผ่านโมบายแบงกิ้ง ภายใต้ชื่อว่า Make by KBank

‘Make’ เป็นการเล่นคำกับคำภาษาไทยว่า ‘เมฆ’ ด้วยความตั้งใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภาพจำเดิมของการทำธุรกรรมทางการเงินไปอย่างสิ้นเชิง

คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ได้เผยวิสัยทัศน์ของบริษัทว่าต้องการเป็นผู้ผลักดันให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถ transform ตัวเองเข้าสู่ยุค Banking 5.0 พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำธนาคารผู้ให้บริการ FinTech ในระดับภูมิภาค 

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปของธนาคาร

คุณกระทิงเริ่มจากการอธิบายยุคสมัยและวิวัฒนาการของธนาคารตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน เพื่อเตรียมพร้อมสู่ก้าวต่อไป 

Banking 1.0 ธนาคารเกิดจากตระกูลเมดิซิ ซึ่งเป็นผู้ปกครองนครรัฐฟลอเรนซ์ที่มีอำนาจมากที่สุดในยุโรป ช่วงศตวรรษที่ 14-17 ซึ่งได้ก่อตั้งธนาคารเมดิซิ (The Medici Bank) ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป 

Banking 2.0 คือ Electronic Revolution หรือ การปฏิวัติสู่ยุคอิเล็กทรอนิกส์ 

Banking 3.0 คือ Internet Revolution หรือ การปฏิวัติสู่ยุคอินเตอร์เน็ต

Banking 4.0 คือ ยุคของ Open Mobile Banking ในปัจจุบันที่ทุกคนคุ้นเคย โดยยุคนี้ล้อกับคำว่า Industry 4.0 

ขณะที่ COVID-19 เข้ามาเปลี่ยนแกนโลกไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งเร่งการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมผู้บริโภค และเปลี่ยนพื้นฐานการทำธุรกิจในทุกๆ อุตสาหกรรมแบบมหาศาล ดังนั้น ธนาคารจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเข้าสู่ยุค Banking 5.0 Revolution 

อนาคตอยู่ตรงหน้า

คือประโยคที่คุณกระทิงเน้นย้ำ หลังจากที่ยกตัวอย่างของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่กำลังถูก ‘Reimagined’ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจรถยนต์ เช่น Tesla ซึ่งกำลังพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบเร็วกว่าที่คาดว่าจะสำเร็จในปี 2030 แต่ด้วยการเข้ามาของสถานการณ์โควิด ทำให้ทุกอย่างถูกเร่งให้เร็วขึ้นเป็น 10 ปี 

อีกหนึ่งข่าวลือ คือข่าวของ Apple ที่เตรียมปล่อย Apple Glass ที่จะใช้ร่วมกับอุปกรณ์ AR/VR เพื่อเข้าสู่ยุคของ Extended Reality ในอนาคตอันใกล้ ตามมาด้วยข่าวการพัฒนานวัตกรรม Deep Tech อื่นๆ เช่น 5G, IoT, AI, Big data 

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์มูลค่าทางเศรษฐกิจของธุรกิจ E-Commerce ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าจะขยายแตะ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 ซึ่งคิดเป็นเกือบเทียบเท่า GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศเลยทีเดียว ซึ่งนี่จะกลายเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ธุรกิจด้าน FinTech จะถูกเร่งให้เติบโตขึ้นอย่างมหาศาลตามไปด้วย 

KBTG ซึ่งมีหน้าที่ผลักดัน KBank ให้กลายเป็น FinTech Regional Bank จึงมีการตั้ง Kasikorn Vision Information Technology (KTech China) ขึ้นในประเทศจีนตั้งแต่เมื่อต้นปี เพื่อนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้าน FinTech และ Ecosystem ของจีนมาใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ ปีที่แล้ว KBTG ยังประกาศแผน Innovation Runway เพื่อเปลี่ยนธนาคารให้เข้าสู่ยุค Banking 5.0 ไม่ว่าจะเป็นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นขบวน อย่าง Contactless Technology, Eatable, ขุนทอง, Data wallet และอื่นๆ อีกมากมาย 

โดยนอกจากตัวผลิตภัณฑ์ที่ออกมาตอบโจทย์ลูกค้าของธนาคารแล้ว ภายใต้นั้นก็คือ โรงงานผลิต AI และ Deep Technology ที่ KBTG กำลังพัฒนาเพื่อนำไปสู่การสร้างภาวะล้อมรอบอัจฉริยะให้กับธนาคาร 

“ธนาคารจะอยู่แค่ในที่ที่เคยอยู่ไม่ได้อีกต่อไป ธนาคารจะต้องไปอยู่ที่ ทุกเวลา และต้องเป็น Cognitive Banking ที่รู้จัก รู้ใจลูกค้ายิ่งกว่าตัวเขาเอง” คุณกระทิงกล่าว

ลืมภาพจำธนาคารให้หมด

ในการเริ่มต้น Reimagine ธนาคารใหม่ ทุกคนต้องลืมภาพจำการทำธุรกรรมแบบดั้งเดิมทั้งหมดไป และเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นั่งฟังลูกค้าอย่างจริงจัง ว่าปัญหาของเขาคืออะไร และ Financial Service จะตอบโจทย์ชีวิตลูกค้าอย่างไร จะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นอย่างไร ไม่ใช่เพียงแค่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่คิดมาตั้งแต่ร้อยปีที่แล้วเท่านั้น

หลังจากที่ KBTG ใช้เวลารับฟังปัญหาและ pain point ของลูกค้า ในที่สุดก็ได้ตกผลึกและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดออกมาเป็น Make by KBank ที่ธนาคารกล้าพูดว่าจะเป็นเปลี่ยนโฉมการทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงกิ้งไปอย่างสิ้นเชิง 

Make by KBank

แอปพลิเคชัน Make by KBank ในปัจจุบันยังอยู่ในขั้นทดลอง และสร้างประสบการณ์ด้วยการทดสอบกับพนักงานของธนาคารกสิกรไทยและ KBTG กว่า 20,000 คน หรือที่คุณกระทิงเรียกว่าเป็นขั้นของ Dogfooding 

“เราเชื่อเสมอว่าบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เมื่อสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา ก็ต้องทดลองใช้เองก่อน และเมื่อผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งาน จึงจะเปิดให้มีการใช้ใน public ซึ่งคาดว่า Make จะปล่อยได้เต็มตัวช่วงปลายปี 2563”

ด้วยโจทย์ว่า Make by KBank จะเป็นโมบายแบงกิ้งสำหรับคนรุ่นใหม่ KBTG จึงตั้งต้นด้วยการทำความเข้าใจพฤติกรรมของคนยุค Millennial ไม่ว่าจะเป็น การใช้ social media การท่องเที่ยวร่วมกับกลุ่มเพื่อน ดังนั้นการทำธุรกรรมแบบฉบับใหม่นี้ จึงต้องทำให้มันตอบสนองความเป็น Social ที่รวดเร็วและสนุกด้วย

Reimagine 3 ข้อหลักของ Make ได้แก่

1. Reimagine Payment

ขั้นตอนการโอนเงินแบบปกติจะต้องใช้เลขที่บัญชีในการโอน แต่ปัญหาคือบางครั้งลูกค้าไม่สามารถจำเลขที่บัญชีได้ และมีความลำบากในการส่งเลขบัญชีให้เพื่อนและการกรอกตัวเลขเพื่อที่จะโอนเงินในแต่ละครั้ง

จะเป็นไปได้ไหม ถ้าจะทำให้การโอนเงินนั้นสะดวกและง่ายเหมือนกับการยื่นเงินสดให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆ กัน? ด้วยคำถามนี้ KBTG จึงได้พัฒนาฟีเจอร์ Pop Pay ซึ่งเป็นการโอนเงินรูปแบบใหม่ โดยไม่ต้องขอเลขบัญชีหรือ QR Code ให้ยุ่งยาก เพียงแค่เปิด Pop Pay ขึ้นมา ระบบก็จะทำการค้นหาเพื่อนรอบๆ ตัวในระยะ 10 เมตร หน้าของเพื่อนจะ pop ขึ้นมาบนหน้าจอ ให้คลิกที่หน้าของเพื่อนก็จะสามารถใส่รายละเอียด จำนวนเงิน ก่อนตรวจสอบชื่อจริง และยืนยันการโอนเงินด้วยการ swipe up ง่ายๆ หลังจากนั้น เพื่อนก็จะได้รับทั้งข้อความและเงินในเวลาเดียวกัน 

แม้จะฟังดูเหมือนง่ายมาก แต่ KBTG ก็เน้นย้ำเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยว่าจะต้องทำการโอนผ่านระบบของธนาคารเช่นเดิม จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการ swipe ผิดหรือส่งไปให้คนไม่รู้จัก

หลังจากนี้ เราอาจมีคำติดปากใหม่เวลาเรียกเก็บเงินจากเพื่อนว่า ‘Pop pay มาเลย!’ ก็ได้ 

2. Reimagine Interface

เมื่อพูดถึง interface ของธนาคาร คนมักจะนึกถึงสมุดบัญชีที่แสดง statement เงินเข้า-ออก แต่หากคิดดูแล้ว การเก็บประวัติแบบนี้จริงๆ ไม่ค่อยตอบโจทย์ลูกค้าสักเท่าไหร่ 

สิ่งที่เกิดขึ้นจริงทุกวันนี้ หลังจากโอนเงินเสร็จ ลูกค้าจะต้องส่งสลิปโอนเงินเข้าไปในแอปแชท ซึ่งทำให้เกิดปัญหาเรื่องการบันทึกประวัติ เช่น เพื่อนอาจจำไม่ได้ว่าเราได้โอนเงินไปให้แล้วหรือยัง

ฟีเจอร์ Chat Banking จึงเกิดมาเพื่อแก้ pain point นี้ โดยสามารถทำประสบการณ์นี้ให้จบได้ในที่เดียว ซึ่งไม่เพียงเปลี่ยนแค่โฉมหน้าของ interface แต่เปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานทั้งหมด

ห้องแชทส่วนตัวกับเพื่อน จะบันทึกทั้งข้อความ ประวัติย้อนหลัง และแจ้งเตือนให้โอนเงินได้ด้วย การดูประวัติจึงไม่ต้องสับเปลี่ยนระหว่างแอปแชทกับแอปธนาคารอีกต่อไป โดยสามารถเลื่อนย้อนกลับไปดูข้อความ รูปภาพในแชทได้ รวมถึงยังสามารถออกสลิปใหม่ได้ทันที

นอกจากนี้ยังมีการใช้สีมาแทนประเภทการใช้เงิน ให้ดูออกได้ง่ายๆ ว่าในเดือนนี้เราใช้จ่ายไปกับอะไรมากที่สุด เช่น สีเขียวแทนการเดินทาง สีเหลืองแทนค่าอาหาร สีชมพูแทนค่าช้อปปิ้ง และจะโชว์บนหน้า home ด้วยสีที่เราใช้จ่ายไปมากที่สุด

3. Reimagine Saving 

คนไทยปัจจุบันมีบัญชีมากกว่า 1 บัญชี ไม่ว่าจะเป็น บัญชีเก็บเงิน บัญชีใช้จ่าย และ บัญชีที่เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน 

ฟีเจอร์ Cloud pocket จะช่วยจัดสรรเงินเป็นสัดส่วนในบัญชีเดียว โดยสามารถลากเงินจากกระเป๋าหนึ่ง ไปอีกกระเป๋าหนึ่ง ด้วยวิธี drag and drop และสามารถตั้งเป้าตัวเลขในการเก็บเงินของแต่ละกระเป๋าได้ด้วย

นอกจากนี้ เมื่อพูดถึงการเก็บเงิน สิ่งที่หลายคนทำเป็นประจำคือการเก็บเงินกองกลางเพื่อไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน จึงเป็นที่มาของ ฟีเจอร์ Shared Cloud pocket ซึ่งจะช่วยจัดการเงินกลุ่มร่วมกับเพื่อน โดยสามารถตั้ง Cloud pocket ขึ้นมา ชวนเพื่อนเข้ากลุ่มที่หน้าตาเหมือนแอปแชท และสามารถเรียกเก็บเงินทุกคนได้ทีเดียว โดยจะมีการโชว์ว่าใครที่จ่ายเงินเข้ามาแล้วบ้าง และเมื่อมีการถอนเงินจากกระเป๋านี้ ก็จะมีการแจ้งเตือนให้ทุกคนเห็นพร้อมๆ กัน 

แน่นอนว่านี้เป็นครั้งแรกของวงการธนาคารที่มีการเปลี่ยนรูปโฉมของโมบายแบงกิ้งให้มีความเข้าถึง social และคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง และถือเป็นก้าวแรกของ KBTG ที่จะผลักดันสังคมให้ก้าวเข้าสู่ยุค Banking 5.0 อย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับน้องๆ อายุ 15 ปีขึ้นไป Make by KBank ยังมีการจัดการแข่งขันการสร้างฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่อยากเห็นในแอป Make by KBank สามารถสมัครและนำเสนอแนวคิดกับโครงการ “Let’s MAKE it Together” ภายใต้ Concept “The Future of Banking Is Yours” ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 60,000 บาท โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนสมัครได้ที่ https://bit.ly/30KY9on ตั้งแต่วันนี้ – 23 สิงหาคม 2563

บทความนี้เป็น Advertorial