เครือข่าย NB-IoT องค์ประกอบสำคัญของ Smart City ที่พร้อมให้คนไทยสัมผัสจาก AIS | Techsauce

เครือข่าย NB-IoT องค์ประกอบสำคัญของ Smart City ที่พร้อมให้คนไทยสัมผัสจาก AIS

เป้าหมายของการพัฒนาเมืองทุกเมืองทั่วโลกนั้นคือการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชาวเมือง ไม่ว่าจะเป็นด้านความสะอาด สิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตร ปลอดภัย และมีคมนาคมที่ดี ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายนั้นต้องอาศัยระบบการจัดการที่ดี โดยปัจจุบัน มีการนำเทคโนโลยี Internet of Things มาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการจัดการเมือง ทำให้เกิดเป็น Smart City หรือเมืองอัจฉริยะนั่นเอง แต่ Internet of Things ใน Smart City ถือเป็น Infrastructure ขนาดใหญ่ที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เรามีอยู่อาจไม่ตอบโจทย์ จึงเกิดการพัฒนาเครือข่ายที่เรียกว่า NB-IoT ซึ่งกำลังเป็นเครือข่ายรองรับ IoT ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยก็เริ่มมีการใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไร มาติดตามกันได้เลยครับ

NB-IoT คืออะไร

NB-IoT ย่อมาจาก Narrow Band Internet of Thing เป็นหนึ่งในรูปแบบเครือข่ายโทรคมนาคมที่ 3GPP (3rd Party Partnership Project) องค์กรความร่วมมือดูแลมาตรฐานโทรคมนาคมกำหนดเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีมาตรฐานสำหรับใช้งานกับ Internet of Thing ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2016

เทคโนโลยี NB-IoT เป็นหนึ่งในระบบที่เรียกว่า Mobile IoT มีพื้นฐานมาจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่เราใช้กัน แต่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะกับการใช้งานกับ IoT มากกว่า เน้นที่การประหยัดพลังงาน มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถส่งสัญญาณได้ไกล รองรับการใช้งานเครื่องมือจำนวนมาก เพื่อเป็นพื้นฐานให้กับระบบของเมือง โดยไม่เน้นที่จำนวนข้อมูลที่สามารถรับส่งได้ เหมือนอย่างใน Smartphone ซึ่งกินพลังงานมากกว่าและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

เหตุที่ NB-IoT ได้รับความสนใจมากกว่าเทคโนโลยี Mobile IoT อื่น สรุปได้ว่ามาจากคุณสมบัติเฉพาะดังต่อไปนี้

  1. ใช้พลังงานไฟฟ้าต่ำ รับส่งข้อมูลในขนาดที่เหมาะสม อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของอุปกรณ์จึงอยู่ได้นานถึง 10 ปี ประหยัดเวลาและค่าบำรุงรักษา
  2. รองรับปริมาณอุปกรณ์ IoT ได้สูงสุดหลักแสนตัวต่อสถานีฐาน รองรับโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอันซับซ้อนในแต่ละพื้นที่
  3. กระจายสัญญาณได้มากกว่า 10 กิโลเมตร และรับสัญญาณภายในอาคารได้มีประสิทธิภาพ
  4. ใช้งานกับเครือข่าย 4G LTE ในปัจจุบันได้ สามารถใช้งานในประเทศไทยได้ทันที

ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ NB-IoT สามารถใช้งานกับเครื่องมือต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อระบบของเมืองและชุมชนได้อย่างดี ยิ่งปัจจุบันมีเครือข่าย 4G ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สามารถนำระบบนี้ไปใช้งานในที่ห่างไกลได้ นอกจากนี้ NB-IoT ยังเป็นมาตรฐานที่คิดมารองรับระบบโทรคมนาคมยุคถัดไปหรือที่เรียกว่า 5G ด้วย จึงสามารถใช้งานได้ยาวนานและจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นแน่นอนในอนาคต

องค์ประกอบของ IoT ที่เต็มประสิทธิภาพ

NB-IoT เป็นเหมือนถนนเตรียมให้ข้อมูลจาก IoT วิ่งเท่านั้น ดังนั้น หากเราต้องการใช้ IoT อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็จำเป็นต้องสร้าง Ecosystem ของ NB-IoT ให้ครบพร้อม ซึ่งหลักๆ แล้วประกอบด้วย

  • Device เป็นเครื่องมือที่มีหน้าที่เฉพาะ คอยส่งและรับข้อมูลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เช่น เซนเซอร์ตรวจจับสภาพแวดล้อมซึ่งสามารถรับส่งข้อมูลได้ หรือระบบไฟส่องสว่างที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมและรับคำสั่งเปิดปิดจากระยะไกล
  • Network เครือข่ายรองรับการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลเดินทางไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ยิ่งเครือข่ายมีประสิทธิภาพสูงเท่าไร การทำงานของ IoT ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น
  • Platform เป็นอีกส่วนสำคัญโดยเฉพาะกับ NB-IoT ซึ่งไม่มีการจัดเก็บข้อมูลจึงต้องพึ่งพา Platform มากเป็นพิเศษ โดยเป็นจุดที่ทำหน้าที่รับและส่งข้อมูลระหว่าง Device กับ User รวมถึงรองรับการทำงานอื่นๆ เช่น ระบบ Payment บน IoT ซึ่งต้องออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน Platform ที่นิยมใช้กันคือ Cloud Computing ซึ่งมีข้อดีที่สามารถเชื่อมต่อได้ตลอดเวลา มีความเสถียรสูง และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการสร้าง Platform เอง
  • Application ทำหน้าที่เชื่อมโยง Device เข้ากับ User ทั้งส่วนที่เป็นหน้าจอแสดงผลหรือ Interface และระบบภายใน สามารถแสดงข้อมูลและถ่ายทอดคำสั่งไปยัง Device ได้ รวมถึงมีคุณสมบัติดูแลความปลอดภัยของข้อมูลด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบของ Ecosystem ที่ทำให้ IoT Solution ดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่ง AIS ผู้ให้บริการเครือข่าย NB-IoT ในประเทศไทยได้รับรางวัล Thailand IoT Solutions Provider of the Year และ Thailand Cloud Services Innovative Company of the Year จาก Frost & Sullivan Thailand Excellence Awards ประจำปี 2018 ทำให้มั่นใจว่าโครงข่าย IoT ในประเทศไทยนั้นดีพอสำหรับทุกนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

NB-IoT จาก AIS กับการใช้งานจริงในประเทศไทย

หลังจากได้รับทราบคุณสมบัติของ NB-IoT และรายละเอียดของ IoT กันไปแล้ว หลายคนคงมองว่าเทคโนโลยีนี้อาจจะต้องใช้เวลาสักพักถึงจะอยู่ในมือเรา แต่อันที่จริงแล้ว เทคโนโลยี NB-IoT ได้รับการพัฒนาใช้งานจริงในประเทศไทยแล้ว โดย AIS ได้ร่วมกับภาครัฐฯ และเอกชนนำร่องการใช้งาน NB-IoT ในส่วนต่างๆ ซึ่งมีตัวอย่างการใช้งานจริงให้เห็นกันแล้วดังนี้

  • มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำ Smart Environment Monitoring and Water Management สร้างระบบตรวจสภาพแวดล้อมและบริหารจัดการน้ำ โดยนำอุปกรณ์ NB-IoT Board และ NB IoT Sim ติดเข้ากับเซ็นเซอร์ตรวจวัดสภาพอากาศ สามารถเรียกดูข้อมูลได้แบบ Real Time ผ่าน Application ซึ่งปัจจุบันได้ใช้งานจริงแล้ว บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่ และ จ. ภูเก็ต ข้อมูลที่ได้จะส่งไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เพื่อคอยติดตามสภาพแวดล้อมและระดับน้ำในพื้นที่เพื่อวางแผนป้องกันน้ำท่วมด้วย

  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พัฒนา Solution การดูแลคุณภาพยาและเวชภัณฑ์ภายในคลังยาด้วยเทคโนโลยี NB-IoT สามารถตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสุรนารีนำระบบนี้ไปใช้งานจริงแล้ว พร้อมกับพัฒนา Application เพิ่มเติมให้สามารถส่งข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ของโรงพยาบาล เภสัชกรจึงสามารถเรียกดูได้ผ่าน Chat Application ได้ตลอดเวลา
  • มหาวิทยาลัยขอนแก่น พัฒนา Solution Smart Trash Bin มาแก้ไขปัญหาขยะล้นถังก่อนถึงรอบเวลาจัดเก็บ เนื่องจากจุดต่างๆ ของมหาวิทยาลัยมีปริมาณขยะที่แตกต่างกันตามสถานที่และช่วงเวลา Solution บนพื้นฐานของ NB-IoT สามารถตรวจสอบปริมาณขยะและกลิ่นขยะภายในถังได้ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปจัดเก็บในเวลาที่เหมาะสมได้ทันที ช่วยบริหารจัดการการจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดต้นทุนการจัดการ รวมถึงช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำ Solution Smart City มาใช้ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เช่น Smart Locker ล็อคเกอร์อัจฉริยะที่รวมเทคโนโลยี IoT เพื่อให้บริการแก่อาคารหรือที่อยู่อาศัย, ระบบอ่านป้ายทะเบียน ควบคุมบุคคลเข้าออกสถานที่ และระบบควบคุมแสงสว่างภายใน ซึ่งไม่เพียงแต่ดูแลความปลอดภัยของนักศึกษาและบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น ระบบยังช่วยเราลดค่าใช้จ่ายด้วย
  • ปตท. นำเทคโนโลยี IoT ช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบระบบ Cathodic Protection สำหรับงานบำรุงรักษาท่อส่งก๊าซธรรมชาติเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด จากเซนเซอร์ที่สามารถตรวจสอบสภาพความสมบูรณ์ของท่อส่งก๊าซได้ตลอดเวลา หากเกิดปัญหาก็พร้อมส่งข้อมูลตรงจากท่อส่งก๊าซผ่าน Application ถึงมือวิศวกรที่ดูแลได้ทันที

[embed]https://www.youtube.com/watch?v=N2H8KRpCk1k&feature=youtu.be[/embed]

  • พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นำเครือข่าย NB-IoT จาก AIS เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการสร้าง IoT Smart City ในโครงการ ‘Perfect Smart City’ เมืองอัจฉริยะที่ยกระดับคุณภาพชีวิตแก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการ เช่น Mobike จักรยานเชื่อมระบบ IoT, Smart Lighting ระบบจัดการแสงสว่างภายในโครงการ, Smart Tracking ระบบติดตามตัวบุคคลภายในโครงการเพื่อการดูแลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมถึงการนำ Smart Home และ Security Platform มาต่อยอดพัฒนา Home Application อีกด้วย โดยเริ่มให้บริการแล้วใน 15 โครงการที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

  • โครตรอนกรุ๊ป ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องหยอดเหรียญประเภทต่างๆ พัฒนา Smart Coin Kiosk Machine เซ็นเซอร์วัดปริมาณเหรียญภายในเครื่อง เชื่อมต่อเครือข่าย NB-IoT ส่งข้อมูลแจ้งเตือนทันทีเมื่อเหรียญเต็มจากจุดต่างๆ ทั่วประเทศ แสดงผลผ่านแอปพลิเคชั่น ผู้ดูแลสามารถวางแผนการจัดเก็บเหรียญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มโอกาสการบริการและสร้างกำไร โดยได้ใช้งานจริงแล้วกับเครื่องของโครตรอนทั่วประเทศ

จากทั้งหมดนี้ ทำให้เห็นว่า NB-IoT จะเป็นโครงข่ายที่ช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยผ่านการเชื่อมโยง Internet of Things ได้ ในอนาคตยังมีนวัตตกรรมอีกมากที่พร้อมจะต่อยอดบน Internet of Thing ซึ่งหากทั้งหมดนี้อยุ่บนโครงข่ายที่แข็งแรง เป้าหมายที่จะมี Smart City เกิดขึ้นในประเทศไทยก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก internet-of-things-innovation

บทความนี้เป็น Advertorial

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...