เวที TED 2025 ที่ แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI สนทนากับ คริส แอนเดอร์สัน (Chris Anderson) Head of TED ผ่านไลฟ์สตรีมมิงในหัวข้อ 'OpenAI’s Sam Altman Talks ChatGPT, AI Agents and Superintelligence - Live at TED2025' เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 ถือเป็นประเด็นที่ชวนตั้งคำถามถึงยุคปฏิวัติ AI (AI Revolution) ว่า มนุษย์จะสามารถทำอะไรได้แค่ไหน ท่ามกลาง AI ที่ได้รับการพัฒนารวดเร็วอย่างยิ่งยวด ซึ่งทำให้เกิดคำถาม เกิดข้อถกเถียงเรื่องของเขตการใช้งานอย่างสร้างสรรค์และถูกต้อง และนี่คือคอนเทนต์บางส่วนจากคลิปการสนทนาดังกล่าว

คริสเปิดบทสนทนาโดยเกริ่นว่า บริษัท OpenAI ของแซมปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมาทุกสัปดาห์ และเปิดภาพที่ใช้โมเดลสร้างสรรค์ภาพและวิดีโอ Sora เจนภาพแซมกำลังเล่าเรื่องพร้อมท่าทางชวนช็อกให้คริสฟัง บนเวที TED
ระหว่างโชว์ผลงานที่ Generative AI สร้างขึ้น คริสถามแซมว่า "คิดว่ามันจะจินตนาการออกมาเป็นแบบไหน ผมว่าไม่เลวนะ มีห้านิ้วครบทั้งสองมือ ให้คะแนนเท่าไหร่ดี"
แซมหัวเราะแล้วตอบว่า "ใกล้เคียงกับชุดที่ผมใส่มาก คุณก็รู้ว่ามันทำได้ดี แต่ยังไงผมก็ไม่ใช่คนออกแอ็กติงมากขนาดนั้น"
คริสถามต่อถึงการแยกว่าอะไรเป็น Consciousness (ความตระหนักรู้) อะไรเป็น Intelligence (ความฉลาดรู้หรืออัจฉริยะ) และการเชื่อมโยงความอัจฉริยะเหล่านั้นเข้ากับโมเดลต่างๆ ของบริษัท
แซมตอบว่า โมเดลเจนภาพตัวใหม่เป็นส่วนหนึ่งของ GPT-4o มันรวมความฉลาดทั้งหมดไว้ในนั้น และคิดว่านั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่มันสามารถทำสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบได้
คริสยกตัวอย่างขึ้นมาว่า ถ้าเขาเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการและก็ใช้ Gen AI อนาคตของอาชีพนี้จะเป็นอย่างไร
แซมบอกว่า "เรื่องนี้มองได้สองมุม มุมหนึ่ง มันกำลังทำทุกอย่างที่เราทำได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา? หรืออีกมุม มันก็เหมือนกับการปฏิวัติทางเทคโนโลยีอื่นๆ ในอดีต โอเค ตอนนี้เป็นเครื่องมือใหม่ที่เราสามารถทำอะไรได้มากขึ้น แล้วจะใช้ทำอะไรได้บ้างน่ะเหรอ?
จริงอยู่ คนในสายงานนั้นๆ คงคาดหวังว่า จะมีอะไรที่แตกต่างให้ทำเพิ่มขึ้น แต่ความสามารถของคนก็จะเพิ่มขึ้นมากๆ ด้วย จนผมคิดว่ามันน่าจะง่ายในการรับมือสถานการณ์นั้น
คริสเล่าต่อถึงภาพที่เขาประทับใจซึ่งเกิดจากการใช้ Sora จินตนาการให้ ชาลี บราวน์ (Charlie Brown) ตัวการ์ตูนที่คนทั่วโลกรู้จักมานานกว่า 75 ปี เป็น 'AI ที่สร้างตัวเองขึ้น' โดยชาลีสามารถ Input และ Output ข้อมูลตัวเองได้ แต่แล้วก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า ระหว่าง 'การคิด' (Thinking)' และ 'การจำลองความคิด (Simulating Thinking)' มันต่างกันยังไง

แล้วคริสก็ถามแซมว่า คิดยังไงกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าโมเดลมันฉลาดขึ้นอีกระดับเลย แซมตอบว่า "ผมว่าคำตอบที่ได้มันน่าทึ่ง แต่จริงๆ แล้วไม่มีทางที่จะรู้เลยว่า มันกำลังคิด หรือมันแค่เห็นชุดข้อมูลที่ใช้ในการเทรนบ่อยๆ และแน่นอน มันก็เหมือนกับการที่คุณไม่สามารถบอกความแตกต่างได้ คุณสนใจมันมากเลยเหรอ?"
คริสตอบว่า มันน่าสนใจมากจริงๆ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันดูเหมือนการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา (IP theft) ซึ่งคุณก็ไม่ได้มีข้อตกลงกับผู้ถือลิขสิทธิ์การ์ตูน Peanuts ใช่มั้ย?
แซมบอกว่า "ผมคิดว่าพลังความคิดสร้างสรรค์ของมนุษยชาติเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง และเราต้องการสร้างเครื่องมือที่ยกระดับสิ่งนั้นขึ้นมา ทำให้คนใหม่ๆ สามารถสร้างงานศิลปะที่ดีกว่าเดิม ทำคอนเทนต์ได้ดีกว่าเดิม เขียนนวนิยายได้ดีกว่าเดิม แล้วเราทุกคนก็ชื่นชอบมัน ผมจึงเชื่ออย่างสุดๆ ว่า มนุษย์จะยังเป็นศูนย์กลางของความคิดสร้างสรรค์ และเราน่าจะต้องคิดค้นโมเดลใหม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจจากผลงานสร้างสรรค์
ผมคิดว่าผู้คนสร้างสรรค์ผลงานโดยอาศัยความคิดสร้างสรรค์ของคนอื่นมานาน ได้รับแรงบันดาลใจมาก็นานแล้ว แต่เมื่อการเข้าถึงความคิดสร้างสรรค์ทำได้อย่างแพร่หลาย และต่างก็สร้างสรรค์จากแนวคิดของกันและกันตลอดเวลา ผมจึงคิดว่ามีโมเดลธุรกิจใหม่ๆ อันน่าทึ่ง ที่เราและคนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้นที่จะค้นหากันต่อไปว่า มันจะออกมาเป็นยังไง
"ผมก็ไม่มั่นใจนักว่าจะมีอะไรมาตัดแบ่งได้อย่างชัดเจน ว่าคุณไม่สามารถคัดลอกผลงานของคนอื่นได้ ถ้าอย่างนั้น คุณจะได้แรงบันดาลใจจากไหน? หรือถ้าคุณบอกว่า ต้องการเจนผลงานศิลปะรวมสไตล์ของคน 7 คน ซึ่งทุกคนก็ยินยอให้นำไปใช้งานได้ แบบนี้จะแบ่งใช้สไตล์ยังไง แล้วจะแบ่งเงินให้แต่ละคน คนละเท่าไหร่?" แซมชวนคิด
คริสหยิบกรณีที่คนไม่ยินยอมให้นำผลงานไปใช้สร้างสรรค์มาพูดคุย โดยยกตัวอย่างเซสชันเปิดงาน TED ที่ ChatGPT พูดในสไตล์ของนักข่าว คารอล แคดวอลลาดร์ (Carol Cadwalladr) แน่นอน AI พูดได้ไม่ดีเท่าถ้อยคำที่คารอลพูด และคารอลก็บอกว่า "โอเค มันเยี่ยมมาก แต่ฉันไม่ได้ยินยอมให้ทำสิ่งนี้"
คริสยิงคำถามไปที่แซมทันทีว่า เจอแบบนี้จะไปยังไงต่อ? ควรเจนได้แค่คนที่ยินยอมไหม? หรือไม่ควรระบุชื่อบุคคลใดๆ ในคำสั่ง (Prompt) ที่จะนำไปสู่ Output?
แซมบอกว่า “ถ้าคุณเจนภาพจากโมเดลของเรา แล้วบอกมันว่า ต้องการสไตล์บางอย่างของศิลปินที่ยังมีชีวิตอยู่ มันจะไม่ทำให้ แต่ถ้าคุณบอกว่า ให้เจนภาพในสไตล์บรรยากาศแบบนี้ หรือสตูดิโอแห่งนี้ หรือ Art Movement หรืออะไรก็ตาม มันจะทำให้ แต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่า มันจะไม่เจนเพลงที่เหมือนก๊อปปี้เพลงมาให้ คำถามคือ เส้นแบ่งควรอยู่ตรงไหน? ที่บางคนพูดว่า อันนี้มากไป เราแก้เรื่องนี้มาก่อนแล้วด้วยกฎหมายด้านลิขสิทธิ์และเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้งานอย่างเป็นธรรม ผมก็ได้แต่บอกอีกครั้ง ว่าในโลกของ AI เดี๋ยวก็จะมีโมเดลใหม่ๆ ให้เราค้นหาและใช้กันต่อไป”
ขณะที่โลกเต็มไปด้วยครีเอเตอร์ คริสมองว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่โกรธหรือกลัว AI มากที่สุด ทั้งกลัวว่าจะถูกขโมยผลงาน กลัวจะถูกขโมยอนาคต แล้วคริสก็ตั้งคำถามกลับไปที่แซมว่า Gen AI จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีให้มนุษยชาติยอมรับสิ่งนี้มากขึ้นได้อย่างไร และตามหลักการแล้ว สามารถคำนวณได้ใช่ว่าหรือไม่ว่า เปอร์เซนต์รายได้จากการสมัครสมาชิก หรืออะไรก็ตามที่จะนำไปสู่แต่ละ Output สามารถนำมาคำนวณส่วนแบ่งรายได้บางอย่างได้
แซมยกกรณี 'นักดนตรี' ใช้เวลาทั้งชีวิตฟังเพลง แล้วได้ไอเดียไปแต่งเพลงแนวใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งต่างๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังมา มันจึงยากมากที่จะพูดว่า เพลงนี้มาจากเพลงที่ได้ยินตอนอายุ 11 ปี ก็ยากจะคำนวณได้ว่าต้องแบ่งรายได้อย่างไร แต่หาก Prompt โดยการใส่ชื่อคนในคำสั่ง พยายามสร้างภาพในสไตล์ของชื่อที่ระบุนั้น Gen AI ภายใต้ Open AI ก็จะไม่ทำให้
คริสถามแซมเรื่อง DeepSeek โมเดล Open Source จากจีน ว่าทำให้ OpenAI สั่นคลอนไหม แซมตอบว่า "ผมคิดว่า Open Source มีบทบาทสำคัญ เราเองเพิ่งจัดงานคอมมูนิตี้เพื่อเคาะเรื่องพารามิเตอร์โมเดล Open Source ของเรา และวิธีที่จะกำหนดรูปแบบ เนื่องจากเราจะสร้างโมเดล Open Source ที่ทรงพลังมาก เป็นบางอย่างที่ใกล้เคียงกับ Edge ซึ่งผมคิดว่าจะดีกว่าโมเดล Open Source ที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด"
Chris Anderson, Head of TED คริสถามต่อเรื่องการเติบโตทางธุรกิจและสิ่งที่ยังไม่ได้แชร์แก่ชาวโลก แซมบอกว่า เขาไม่เคยเห็นการเติบโตของบริษัทใดที่เคยข้องเกี่ยวด้วย เติบโตได้อย่าง ChatGPT และเท่าที่มีการเปิดเผยล่าสุด ChatGPT มีผู้ใช้งานสัปดาห์ละ 500 ล้านราย เติบโตอย่างมากจากการใช้งานแบบส่วนบุคคล แต่อย่างไรก็ตาม แซมเผยว่า จะมีโมเดลอัจฉริยะมากมายเกิดขึ้นบนโลก และโมเดลที่ฉลาดมากจะกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อมีการใช้งานถึงระดับหนึ่ง
"ผมคิดว่าเราจะมีโมเดลที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานบางอย่าง และคุณจะต้องการสิ่งนั้น แต่ตอนนี้โมเดลฉลาดมากสำหรับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการทำ ซึ่งมันก็ดีพอ แต่ผมหวังว่ามันจะพัฒนาไปตามกาลเวลา เพราะผู้คนจะเพิ่มความคาดหวัง เราจึงต้องสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งไม่ใช่แค่โมเดลที่ยอดเยี่ยม และพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด"
คริสเล่าถึงสิ่งที่ทำให้เขาอ้าปากค้าง นั่นคือการที่คริสใส่พร้อมพ์ใน ChatGPT 'บอกเกี่ยวกับตัวผมจากสิ่งที่คุณรู้' แล้วได้คำตอบที่ชวนตกใจ ขณะเดียวกันก็มองว่ามันน่าทึ่ง เพราะ AI รู้ว่าคริสเป็นใคร สนใจอะไร แต่คำถามคือ รู้แล้วมันจะช่วยเขาในด้านไหน อย่างไร?
แซมตอบว่า การอัปโหลดข้อมูลเข้าไปนั้นเกิดขึ้นทีละนิด จากการพูดคุยกับ ChatGPT ตลอดชีวิต "บางทีถ้าคุณต้องการ มันจะฟังคุณตลอดทั้งวัน สังเกตสิ่งที่คุณกำลังทำ และมันจะรู้จักคุณ มันจะกลายเป็นตัวขยายศักยภาพของคุณ เป็นเพื่อนคุณ เป็นสิ่งที่พยายามจะช่วยให้คุณเป็นคนที่ดีที่สุด และทำสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้"
คริสกล่าวถึงภาพยนตร์เรื่อง Her ในเรื่องมี Samantha ที่เป็น AI บอกว่าเธอได้อ่านอีเมลทั้งหมดของ Theodore และบอกว่า เขาเป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยมจึงส่งข้อความไปจูงใจสำนักพิมพ์ให้ตีพิมพ์งาน แล้วเป็นไปได้ไหมว่าความชาญฉลาดระดับนี้จะเกิดเร็วกว่าที่คิด
แซมแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า "ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนั้นเป๊ะๆ แต่ผมคิดว่าหากเราพูดกับ AI ที่ไม่ใช่แค่ ChatGPT บอกมันว่า 'ผมมีคำถาม ตอบผมหน่อย' สิ่งที่ได้จะออกมาช่วยคุณ ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น และไม่ว่าอะไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นอาจจะมาถึงเร็วๆ นี้"
Sam Altman, CEO OpenAI
แซมเปิดเผยต่อว่า สิ่งตื่นเต้นที่สุดเป็นการส่วนตัวคือ การใช้ AI ในด้านวิทยาศาสตร์ และเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนโลกและทำให้ชีวิตคนดียิ่งขึ้นก็ด้วยการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในประเด็นใหม่ๆ โดยแยกความเป็นไปได้ได้ง่ายขึ้น และจากการพูดคุยกับนักวิทยาศาสตร์ พบว่านักวิทย์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่นำไปสู่การค้นพบสิ่งใหม่ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากการใช้ AI เป็นเครื่องมือ เป็นผู้ช่วย และหลังจาก AI ทรานสฟอร์มการเขียนและพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ตั้งแต่สองปีที่แล้ว แซมเชื่อว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอาจเกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เมื่อวิศวกรรมซอฟต์แวร์แบบ Agentic เกิดขึ้นจริง และนั่นอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า เข้าสู่ช่วงเวลาของ AGI (Artificial General Intelligence) แล้ว
คริสถามถึงสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับความสามารถของ AI ที่แซมเคยประสบพบเจอ อาจเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัว หรืออะไรบางอย่างที่ต้องหันมาใส่ใจมากๆ
แซมตอบในมุม AI ทำให้เกิดช่วงเวลาที่น่าทึ่ง ต้องดูต่อไปว่าสิ่งนี้จะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน และผู้คนก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากว่า ความเสี่ยงที่ AI จะสร้างเรื่องใหญ่ๆ จะเป็นแบบไหน แต่ด้วยความเชื่อของแซมที่ว่า จะมีโมเดลที่ทรงพลังมากและผู้คนก็สามารถนำไปใช้ในทางที่ผิดได้มากเช่นกัน อย่างที่พูดถึงกันมากเกี่ยวกับศักยภาพของ 'โมเดลชีวภาพเพื่อก่อการร้ายรูปแบบใหม่' ที่สามารถป้องกันตัวเองจากระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือโมเดลที่สามารถปรับปรุงตัวเองจนสูญเสียการควบคุมบางอย่างไป
"ตอนนี้เราต้องใส่ใจกับความปลอดภัย แน่นอนว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นและมีความท้าทายมหาศาล แต่วิธีที่เราเรียนรู้วิธีสร้างระบบที่ปลอดภัยคือ กระบวนการทำซ้ำจากการปรับใช้กับโลก แล้วรับข้อเสนอแนะ ในขณะที่ตอนนี้ความเสี่ยงยังค่อนข้างต่ำ เราเรียนรู้ว่านี่คือสิ่งที่ต้องแก้ไข และผมคิดว่าเมื่อเราก้าวเข้าสู่ระบบ Agentic ก็จะมีหมวดหมู่ของสิ่งใหม่ๆ ออกมาให้เรียนรู้เพื่อที่จะแก้ไขต่อไป" แซมกล่าว
ไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีประเด็น AGI ที่คริสคุยกับแซมให้ตามไปรับฟังกันต่อที่ 'OpenAI’s Sam Altman Talks ChatGPT, AI Agents and Superintelligence - Live at TED2025'
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด