PFS กับ 30 ปีแห่งนวัตกรรมอาหาร และก้าวต่อไปในยุค Future Food

PFS's 30 Years: SYNERGY OF SUCCESS งานฉลองครบรอบ 30 ปีของบริษัท พรีเซิร์ฟ ฟู๊ด สเปเชียลตี้ จำกัด ผู้นำด้านการผลิตอาหารแปรรูปแบบแห้งแบบครบวงจรของประเทศไทย ได้เปิดมุมมองใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมอาหาร ด้วยการนำเสนอวิสัยทัศน์และนวัตกรรม ที่จะมาตอบโจทย์ความท้าทายด้าน Food Insecurity และสร้าง 'อาหารแห่งอนาคต' ที่ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป

รู้จัก PFS ผู้อยู่เบื้องหลัง Food Tech เมืองไทย

จุดเริ่มต้นของ PFS ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2537 คุณวรภาส มหัทธโนบล ก่อตั้งบริษัทฯ ด้วยแนวคิดนำความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรไทยมาแปรรูป สร้างรายได้ให้คนไทย พร้อมนำเข้าเทคโนโลยี Freeze Drying (การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง) ผลิตอาหารแปรรูปคุณภาพส่งออกทั่วโลก หนึ่งใน Product เด่นที่หลายคนอาจไม่รู้ คือ PFS เป็นผู้ผลิตสินค้า Freeze Dry ให้ Instant Noodle แบรนด์ดัง

นอกจาก Freeze Drying แล้ว PFS ยังมีความเชี่ยวชาญในด้าน Spray Drying สำหรับทำครีมเทียม, Drum Drying สำหรับทำผักผง ธัญพืชผง, Air Drying สำหรับทำผักผลไม้อบแห้ง ไปจนถึงการทำ Frozen ทำให้ในปัจจุบัน PFS สามารถผลิตอาหารแปรรูปแบบแห้งได้ครบวงจร

เป้าหมาย 7,000 ล้านบาท กับเทรนด์ ‘อาหารแห่งอนาคต’

แน่นอนว่า PFS จะไม่หยุดเพียงเท่านี้ คุณภาณุ มหัทธโนบล ผู้จัดการทั่วไป วางภาพในปี 2030 ไว้ว่า PFS จะสามารถทำยอดขายได้แตะตัวเลข 7,000 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญกับเทรนด์อาหารแห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน Health และ Well-being 

โดยวางแผนลงทุนในสายการผลิตสินค้าข้าว รวมถึงการสร้าง R&D Technical Center เพื่อพัฒนาสินค้านวัตกรรม ผ่านการใช้องค์ความรู้ และเทคโนโลยีเพื่อสร้างอาหารที่มีอายุการเก็บรักษาที่นาน (Shelf Life) ในขณะที่ยังสามารถรักษาคุณค่าทางอาหารได้อย่างครบถ้วน ซึ่งหนึ่งในอาหาร Super Food น่าจับตามอง และทาง PFS ได้เข้าไปร่วมมือในด้านเทคโนโลยี Freeze Drying แล้วก็คือ ‘ไข่ผำ’ 

ทำไมต้องมี ‘อาหารแห่งอนาคต’ ?

ภายในงาน PFS's 30 Years: SYNERGY OF SUCCESS  มีการเสวนาในหัวข้อ ‘Food Insecurity and the Next Chapter’ ซึ่งมี คุณเชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ และ ผศ. ดร. วิษุวัต สงนวล เป็นผู้ร่วมเสวนา ได้เปิดประเด็นสำคัญเกี่ยวกับความท้าทายด้านอาหารที่โลกกำลังเผชิญ โดยชี้ให้เห็นว่าภาวะโลกร้อน ภัยธรรมชาติ และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกำลังส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหาร และความมั่นคงทางอาหารอย่างรุนแรง นับว่าเป็นโจทย์ใหญ่อย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ในฐานะนักแสดง และผู้ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน คุณเชอรี่เสนอว่า เราควรเริ่มต้นจากการเลือกอาหารที่มาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ที่เกิดจากกระบวนการเลี้ยงที่ปล่อยมลพิษ พยายามลด Food Waste ให้เหลือน้อยที่สุด เลือกบริโภคอาหารตามฤดูกาล (Local & Seasonal) และให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ คุณเชอรี่ยังเน้นถึงความสำคัญของ Regenerative Agriculture หรือการเกษตรเชิงฟื้นฟู ที่ไม่ใช่แค่การปลูกพืช แต่รวมถึงการดูแลระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพด้วย

อีกหนึ่งสิ่งที่อาจเป็นตัวช่วยคือ ‘อาหารแห่งอนาคต’ (Future Food) ผศ. ดร. วิษุวัต สงนวล อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่า อาหารแห่งอนาคต อาจไม่ใช่อาหารที่ดูล้ำเหมือนกับที่นักบินอวกาศรับประทาน แต่หมายถึงระบบอาหารที่มีความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากลองจำแนกออกมาจะมีทั้งหมด 4 หมวดหมู่ที่อาหารแห่งอนาคตสามารถตอบโจทย์ได้ คือ

  • Functional Food (อาหารที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ)
  • Organic Food (อาหารที่ผลิตโดยไม่ใช้สารเคมี)
  • Specialized Food (อาหารเฉพาะกลุ่ม เช่น ผู้ป่วย, เด็ก)
  • Plant-based Protein (โปรตีนทางเลือกจากพืช)

นอกจาก Future Food ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ควรจับตาแล้ว ผศ. ดร. วิษุวัต สงนวล ให้ความคิดเพิ่มเติมว่า ไทยยังมีโอกาสสูงในด้านการเป็นผู้นำ Plant-based Food แห่งภูมิภาค พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Freeze Drying ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการถนอมอาหารในปัจจุบัน เพราะสามารถรักษาคุณค่าทางอาหาร, รสชาติ, และ Texture ได้อย่างครบถ้วน

โดยหนึ่งในอาหารแห่งอนาคตที่ทำให้ได้เปรียบคือ ‘ไข่ผำ’ พืชจิ๋วที่มีคุณค่าทางอาหารสูง และยั่งยืน สามารถพบได้ตามแหล่งน้ำทั่วไปในไทย นับเป็น Super Sustainable Food ที่น่าจับตามอง เพียงแต่ในตอนนี้ไข่ผำยังมี Shelf Life ที่สั้น ซึ่งทำให้จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยี Food Tech เพื่อยืดอายุในขณะที่รักษาคุณค่าของอาหารได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งในตอนนี้ทาง PFS ก็ได้มีการเข้าไปร่วมพัฒนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Food Insecurity นับเป็นความท้าทายระดับโลกที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ‘อาหารแห่งอนาคต’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหารรูปแบบใหม่ แต่เป็นระบบอาหารที่ยั่งยืน, ใส่ใจสุขภาพ, และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี, นวัตกรรม, และความร่วมมือ คือกุญแจสำคัญในการก้าวไปสู่อนาคตที่มั่นคงทางอาหาร โดยที่ Human Element หรือความเป็นมนุษย์ จะยังคงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด

งาน PFS's 30 Years: SYNERGY OF SUCCESS ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ของบริษัท พรีเซิร์ฟ ฟู้ด สเปเชียลตี้ จำกัด ไม่ได้เป็นเพียงงานเลี้ยงฉลอง หากแต่เป็นเวทีสำคัญที่เปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมอาหารไทย

ซึ่งตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา PFS ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอาหารของประเทศ จากการนำเสนอวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร และการเสวนาในหัวข้อ ‘Food Insecurity and the Next Chapter’ ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า PFS ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายด้านอาหาร และสร้าง ‘อาหารแห่งอนาคต’ ที่ยั่งยืน

*บทความนี้เป็น Advertorial

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ก้าวต่อไปด้วย Physical AI การเดิมพันครั้งใหม่สู่อนาคตของ Nvidia

Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia เชื่อว่า AI จะก้าวข้ามขีดจำกัดของโลกดิจิทัล และเข้ามามีบทบาทในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งจะช่วยทำงานซ้ำๆ ให้มนุษย์ ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนา Phys...

Responsive image

TIDLOR แปลงร่างสู่ Tidlor Holdings ขยายศักยภาพการเติบโตไปอีกขั้น พร้อมแลกหุ้น 10 มี.ค. – 16 เม.ย. 68

TIDLOR ผู้นำด้านธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันภัย ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยีและความเข้าใจความต้องการของลูกค้า มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลู...

Responsive image

SLM คืออะไร ทำไมธุรกิจเริ่มหันมาใช้แทน LLM?

หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ LLMs หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพด้านการประมวลผลสูง แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่และการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ทำให้การใช้งานจริงยังมีข้อจำกัด ในทางกลับกัน SLM หร...