Tokenization สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างไร? (Positive Effects of Tokenization on your Business) | Techsauce

Tokenization สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างไร? (Positive Effects of Tokenization on your Business)

ช่วงนี้หลายคนคงรู้สึกได้ถึงกระแสที่มาแรงของการเทรดคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลที่ได้รับความสนใจกันอย่างแพร่หลายเนื่องจากเป็นสิ่งที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจำนวนมากได้ในระยะเวลาสั้นๆ ขอยกตัวอย่างง่ายๆให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้เขียนทำงานอยู่ในแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัลใน บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด ซึ่งเราเป็น ICO Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.   โดยช่วงที่ผ่านมาผู้เขียนได้รับคำถามจากเพื่อนๆแทบทุกวัน ทั้งทางไลน์ และทางโทรศัพท์เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเพื่อนๆบางคนอาจไม่ได้คุยกันมาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่ก็โทรมาสอบถามซึ่งทำให้เชื่อได้จริงๆว่า ความนิยมในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นถือว่าสูงมาก ณ ขณะนี้

แต่เชื่อว่าอาจจะยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ค่อยทราบว่าที่แท้ที่จริงแล้วคริปโทเคอร์เรนซีกับโทเคนดิจิทัลแตกต่างกันอย่างไร ทำไมบางครั้งบริษัทเลือกที่จะออกโทเคนดิจิทัลไม่ใช่คริปโทเคอร์เรนซี  และกระบวนการ Tokenization  ซึ่งเป็นที่มีพื้นฐานจากการนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้นั้นจริงๆ แล้วคืออะไร และมีประโยชน์ด้านอื่นๆ โดยเฉพาะในภาคธุรกิจอย่างไรบ้าง ซึ่งผู้เขียนจะมานำเสนอในบทความนี้

คริปโทเคอร์เรนซีกับโทเคนดิจิทัลต่างกันอย่างไร ทำไมบางครั้งบริษัทเลือกที่จะออกโทเคนดิจิทัลไม่ใช่คริปโทเคอร์เรนซี 

 

ขอเริ่มต้นจากความแตกต่างของคริปโทเคอร์เรนซีกับโทเคนดิจิทัลเพื่อให้ผู้อ่านพอจะเข้าใจว่าเหตุใดภาคธุรกิจจึงให้ความสนใจในการออกโทเคนดิจิทัลแทนที่จะเป็นคริปโทเคอร์เรนซี “คริปโทเคอร์เรนซี” (cryptocurrency[1]) หมายถึง หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบ หรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์โดยมีความประสงค์ที่จะใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่นใด หรือแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัล ตัวอย่างคริปโทเคอร์เรนซีที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ Bitcoin และ Ethereum เป็นต้น 

ส่วน “โทเคนดิจิทัล” (digital token) หมายถึง หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบหรือเครือข่าย อิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกําหนดสิทธิของบุคคลในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใด ๆ  หรือสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง ทั้งนี้ตามที่กําหนดในข้อตกลงระหว่างผู้ออกและผู้ถือ ซึ่งผู้ออกอาจเสนอขายโทเคนดิจิทัลผ่านกระบวนการ Initial Coin Offering (ICO)

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากนิยามดังกล่าวข้างต้นจะเห็นว่าความแตกต่างที่สำคัญของคริปโทเคอร์เรนซีกับโทเคนดิจิทัลจะเป็นเรื่องของวัตถุประสงค์การออก และการนำไปใช้งานในกรณีต่างๆ (Use Case) โดยคริปโทเคอร์เรนซีจะมีลักษณะคล้ายเงินตราที่ถูกนำไปใช้เป็นสื่อกลางเพื่อการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่นๆ หรือแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีระหว่างกัน ในขณะที่โทเคนดิจิทัลจะเป็นเรื่องของการกำหนดสิทธิที่ผู้ออกจะเสนอให้แก่ผู้ถือ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท 1. โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) จะเป็นการระบุสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจงตามที่กำหนดในข้อตกลงระหว่างผู้ออกและผู้ถือ  และ 2. โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)  จะเป็นการระบุสิทธิของผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใด ๆ ซึ่งรายละเอียดข้อกำหนดสิทธิดังกล่าวที่จะได้รับจากการถือโทเคนดิจิทัล จะถูกระบุใน Whitepaper  หรือ หนังสือชี้ชวน (Filing) ซึ่งจะมีการเผยแพร่ก่อนช่วง ICO เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาก่อนตัดสินใจซื้อโทเคนดิจิทัล

 ในปัจจุบันจะเห็นข่าวว่ามีหลายบริษัทเริ่มให้ความสนใจ และอยู่ระหว่างการศึกษาในการเตรียมออกโทเคนดิจิทัล เนื่องจากผู้ออกสามารถกำหนดสิทธิประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ที่มีความหลากหลายให้แก่ผู้ถือโทเคนดิจิทัล หรืออาจกล่าวได้ว่าบริษัทอาจนำโทเคนดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือที่จะช่วยในการสร้างรายได้และการเพิ่ม Engagement ระหว่างผู้ออกกับลูกค้าเป้าหมายของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถนำโทเคนดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการระดมทุนขยายกิจการ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

กระบวนการ Tokenization คืออะไร // ข้อดีของ Tokenization // โทเคนดิจิทัลมีประโยชน์กับภาคธุรกิจอย่างไร


มาถึงตอนนี้ผู้อ่านคงเริ่มมีข้อสงสัยว่า Tokenization นั้นคืออะไร มีกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อนหรือไม่ และมีประโยชน์กับภาคธุรกิจอย่างไรบ้าง ผู้เขียนขออธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับการ Tokenization[2] คือ กระบวนการสร้างตัวแทนของทรัพย์สินต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล (Digital Representation) โดยสร้างโทเคนดิจิทัลเพื่อเป็นตัวแทนของสิทธิหรือทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น โฉนดที่ดิน อัญมณี งานศิลปะ ทรัพย์สินทางปัญญา สินทรัพย์ทางการเงิน เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อขายแลกเปลี่ยนทรัพย์สินหรือนำทรัพย์สินดังกล่าวมาแบ่งเป็นหน่วยย่อยในรูปของโทเคนดิจิทัล 

Tokenization ถือเป็นการนำเทคโนโลยี Blockchain มาช่วยเพิ่มโอกาสสำหรับบริษัทในการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยประโยชน์ที่สำคัญในการทำ Tokenization สำหรับภาคธุรกิจ สามารถสรุปได้โดยสังเขป ดังนี้ 

  • ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับสินทรัพย์ของบริษัทผู้ออก เนื่องจาก Tokenization ช่วยให้สามารถโอนถ่ายความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ได้ง่ายขึ้นในรูปแบบของโทเคนดิจิทัล และยังสามารถนำโทเคนดิจิทัลไปซื้อขายแลกเปลี่ยนในตลาดรองช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการถือครองทรัพย์สินได้อีกด้วย
  • ช่วยให้บริษัทผู้ออกสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ด้วยการใช้ Smart Contract ช่วยให้การดำเนินการเป็นไปโดยอัตโนมัติ (Automated Execution) เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลรายการ และช่วยลดความผิดพลาดในการดำเนินการของผู้ปฏิบัติงาน (Human Error)
  • เพิ่มความโปร่งใสให้กับการทำธุรกรรม เนื่องจากเทคโนโลยี Blockchain ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลของธุรกรรมนั้นๆ และสามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมได้ 

จากประสบการณ์ของผู้เขียน และ Use Case ต่างๆ ในปัจจุบัน พบว่าบริษัทจะพิจารณาออกโทเคนดิจิทัลแต่ละประเภทด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ในส่วนของ Utility Token ส่วนใหญ่บริษัทจะนิยมใช้เป็นเครื่องมือเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของธุรกิจ เปรียบเสมือนการขายสินค้าและบริการล่วงหน้า โดยการกำหนดสิทธิในการแลกสินค้าและบริการต่างๆ ที่เฉพาะเจาะจงใน Ecosystem ของผู้ออก ซึ่งถือเป็นการช่วยเพิ่ม Utilization ในการใช้สินค้าและบริการของบริษัท รวมถึงการสร้าง Engagement ระหว่างบริษัทกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในรูปแบบใหม่ โดย Utility Token นั้นสามารถแบ่งประเภทย่อยตามเกณฑ์ความพร้อมใช้ออกเป็น Utility Token พร้อมใช้ และ Utility Token ไม่พร้อมใช้ โดยในกรณีของ Utility Token ไม่พร้อมใช้ การออกและเสนอขายจะต้องขออนุมัติจากทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เนื่องจากมีลักษณะคล้ายการระดมทุน โดย ณ วันที่ออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลนั้น ผู้ถือโทเคนดิจิทัลยังไม่สามารถนำโทเคนดิจิทัลไปแลกสิทธิได้เลยทันที แต่เมื่อบริษัทผู้ออกได้เงินจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัล(ICO Proceed) จะนำเงินดังกล่าวไปใช้พัฒนาโครงการจนสำเร็จ ผู้ถือจึงจะสามารถนำโทเคนดิจิทัลดังกล่าวไปแลกสินค้าและบริการตามที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน (Filing) 

สำหรับ Investment Token ผู้ออกจะนิยมใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องและการขยายธุรกิจของบริษัทในการนำเทคโลยี Blockchain มาช่วยในการบริหารจัดการการระดมทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รูปแบบการออก Investment Token ที่นิยมในปัจจุบันคือ “Asset Tokenization” ซึ่งเป็นการนำสินทรัพย์ของบริษัทผู้ออกมาหนุนหลังในการออกโทเคนดิจิทัล โดยสามารถเลือกสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท แม้แต่สินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์ทางการเงิน เช่น อสังหาริมทรัพย์ก็สามารถนำมาทำ Asset Tokenization ได้ เช่น การระดมทุนและออกโทเคนดิจิทัล เพื่อเข้าซื้อหรือสร้างอสังหาริมทรัพย์ และนำทรัพย์นั้นออกให้เช่าหรือใช้ประโยชน์ในลักษณะต่างๆ โดยเมื่อผู้ออกได้เงินกำไรกลับมาก็นำมาแบ่งให้แก่ผู้ลงทุน (Profit Sharing) ตามสัดส่วนของผู้ถือโทเคนดิจิทัล โดยภาคธุรกิจมีแนวโน้มที่จะมาระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัลมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากเป็นการปลดล็อกให้กับสินทรัพย์อีกหลายประเภทที่มีสภาพคล่องต่ำในสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันซึ่งมีข้อจำกัดด้านการระดมทุนด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม (Traditional Fund Raising Approach) ทั้งนี้ การออกและเสนอขาย Investment Token จะต้องขออนุญาตจากทาง กลต. เช่นเดียวกันกรณีของ Utility Token ไม่พร้อมใช้ 

ในมุมของนักลงทุน Investment Token ถือเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุน ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่มีความหลากหลายได้ง่ายดายกว่าที่เคย สามารถเข้าถึงการลงทุนสินทรัพย์มูลค่าสูงได้ด้วยจำนวนเงินลงทุนที่ไม่สูงมากนัก นอกจากนี้ โทเคนดิจิทัลถือเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในการแลกเปลี่ยนซื้อขายซึ่งสามารถทำได้ตลอด 24/7 ผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ต่างจากการซื้อขายหลักทรัพย์แบบเดิมซึ่งมีข้อจำกัดเวลาเปิดปิดทำการ หรืออาจกล่าวได้ว่า Tokenization ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทั้งผู้ออกโทเคนดิจิทัลและนักลงทุน

บทสรุป

จากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ผู้อ่านอาจจะพอเริ่มเห็นภาพว่าทำไมในปัจุบันภาคธุรกิจจึงเริ่มมาให้ความสนใจในการทำ Tokenization กันมากขึ้น อย่างไรก็ตามธุรกิจที่สนใจในการทำ Tokenization ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain ให้มาก ทั้งเรื่องของการนำมาประยุกต์ใช้ เรื่องต้นทุน และในเรื่องของกฏหมาย กฎระเบียบ ข้อกำหนดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำ Tokenization 

ทั้งนี้โลกของสินทรัพย์ดิจิทัลหมุนไวกว่าโลกแบบดั้งเดิมมาก ดังนั้นผู้ที่มีแผนจะออกโทเคนดิจิทัลควรติดตามข้อมูลข่าวสารด้านนี้อย่างสม่ำเสมอจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจว่าการออกโทเคนดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่มีความเหมาะสมกับบริษัทอย่างแท้จริงหรือไม่

###########

[1] อ้างอิงตามพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561

[2] อ้างอิงจากบทความ “รู้จัก Tokenization” โดย คุณนภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

เขียนโดย คุณสุชานาฎ กอวัฒนา (Suchanad Korwattana) Financial Advisors, บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X)

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Translucia เผยแผนพัฒนา Metaverse โลกเสมือนที่ใช้ Gen AI ขยายตลาดและการเติบโต

บทสัมภาษณ์ คุณพิมสาย ชี้เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Translucia (ทรานส์ลูเซีย) ทั้งในด้านมุมมอง โอกาส ความท้าทาย ไปจนถึงแผนพัฒนาแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส (Metaverse) ในยุค Generative AI...

Responsive image

เชื่อมทุกช่องทางสื่อสารกับลูกค้า ต่อยอดข้อมูลธุรกิจด้วย MarTech

ทำความรู้จัก True CPaaS แพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อทุกแอปพลิเคชันการสื่อสารไว้ในที่เดียว เพื่อรองรับการตลาดแบบ Omni-channel และสามารถเก็บข้อมูล (Data) ลูกค้า เพิ่มยอดขายได้ในแบบ MarTech...

Responsive image

รู้จัก “AI ผู้ช่วยด้านการเงิน” งานที่ AI agents จะเข้ามาช่วยทำในอนาคต

พบกับอนาคตของ AI Agents ที่ช่วยจัดการชีวิตการเงิน ตั้งแต่การชำระเงิน จองตั๋ว ไปจนถึงการค้าอัตโนมัติ พร้อมความเชื่อมั่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น Blockchain และ Authentication Too...