Rocket Growth Strategy ลับกลยุทธ์การตลาด ให้ใช้เงินน้อยแต่เกิดผลลัพธ์สูงสุด | Techsauce

Rocket Growth Strategy ลับกลยุทธ์การตลาด ให้ใช้เงินน้อยแต่เกิดผลลัพธ์สูงสุด

“การเข้าใจคนคือพื้นฐานของการทำธุรกิจ” 

คือประโยคที่ คุณบังอร สุวรรณมงคล Human Insight-based Strategist แห่ง Hummingbirds consulting เน้นย้ำหลายครั้งตลอดการอบรมทั้งสองวัน ในงาน Rocket Growth Strategy: พุ่งทะยานแบบก้าวกระโดดด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ใช่ ที่ Hummingbirds จัดขึ้นร่วมกับ DeOne สถาบันการฝึกอบรมด้านการพัฒนาความเป็นผู้นำ เมื่อวันที่ 10-11 กันยายน ที่ผ่านมา 

ภายในงานได้รับความสนใจและเข้าร่วมจากเจ้าของธุรกิจหลากหลายวงการ ทั้งธุรกิจในแวดวงเทคโนโลยี startup และธุรกิจ Traditional มากมายที่ต้องการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยเคล็ดลับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ถูกกลั่นกรองมาอย่างเข้มข้น

'การตลาด' ไม่ใช่แค่เรื่อง communication แต่คือการสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงตั้งแต่พื้นฐาน

มีหลายธุรกิจที่ต้องเคยประสบปัญหาเรื่องการแข่งขันกับแบรนด์คู่แข่งที่นำเสนอสินค้าและบริการในราคาถูกกว่า แต่แท้จริงแล้วลูกค้าไม่ได้ชอบแต่ของที่ถูกกว่าเสมอไป แต่มันคือเรื่องการของการให้คุณค่า (Value) ที่แตกต่างกัน 

เมื่อใดที่ลูกค้าไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างแบรนด์ของคุณกับคู่แข่งได้ เท่ากับแบรนด์ของคุณยังไม่แข็งแรงมากพอ สุดท้ายก็จะหนีไม่พ้นการโดนตัดสินด้วยราคา จนต้องลงทุนมหาศาลในการทำการตลาดเพื่อแลกมาซึ่งยอดขาย 

ในบทความนี้ เราได้สรุปบทเรียนที่จะช่วยให้ทุกคนได้เทคนิคการทำการตลาดที่ใช้ ‘ทรัพยากรน้อยที่สุด’ เพื่อให้เกิด ‘ผลลัพธ์สูงสุด’ (Low resources, Highest impact) หรือพูดง่าย ๆ คือ ใช้เงินน้อยอย่างไร ให้ลงไปถูกจุด และส่งผลมากที่สุดต่อเป้าหมายของแบรนด์

Rich Data, Poor Insight

แน่นอนว่าทุกบริษัทย่อมมีการทำการประเมินความพึงพอใจด้านสินค้าและบริการกันอยู่เป็นประจำ แต่ข้อมูลส่วนมากที่ได้มามักเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ ที่เพียงบ่งบอกพฤติกรรมการซื้อของและข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า อย่าง consumer profile และระดับความพึงพอใจที่เป็นตัวเลข ซึ่งปัญหาสำคัญของข้อมูลประเภทนี้ คือมันไม่สามารถบอกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ แบรนด์ไม่สามารถเข้าใจว่าทำไมลูกค้าถึงเลือกซื้อ หรือ ไม่ซื้อสินค้าและบริการนั้นอย่างแท้จริง 

ดังนั้นเราจึงกลับมาตั้งต้นที่การหา ‘Insight’ หรือความเข้าใจเชิงลึกเพื่ออธิบายในสิ่งที่ตัวเลขไม่สามารถอธิบายได้ อีกทั้งยังเป็นตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าให้หันมาสนใจ product ของคุณ

แรงผลักใต้ภูเขาน้ำแข็ง

ข้อมูลเชิงตัวเลขที่กล่าวไปข้างต้น ถือเป็นสิ่งที่อยู่บนยอดของภูเขาน้ำแข็ง แน่นอนว่ามันช่วยให้ธุรกิจรู้ว่ามีลูกค้าเป็นใคร ใครชอบสินค้าตัวไหน แต่สิ่งที่ข้อมูลลักษณะนี้ตอบไม่ได้ คือต่อคำถามว่า ‘ทำไม’ ลูกค้าจึงเลือกสินค้าตัวนี้ เขามีเส้นทางก่อนมาซื้ออย่างไร และจะทำอย่างไรให้ดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้าและบริการได้อีก 

ซึ่งสิ่งที่เป็น Key driver ที่จะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าอย่างแท้จริง คือสิ่งที่อยู่ด้านล่างภูเขาน้ำแข็ง ได้แก่ 

  • Value (การให้คุณค่า) 
  • Perception (การรับรู้และความเข้าใจที่มีต่อแบรนด์)
  • Motivation (แรงจูงใจ)
  • Needs (ความต้องการ)
  • Concerns/Fears (ความกังวล/ความกลัว)
  • Aspiration (ความปรารถนา)

หน้าที่ของเจ้าของธุรกิจคือการทำความเข้าใจปัจจัยใต้ภูเขาน้ำแข็งนี้ ซึ่งถือว่าเป็น ‘meaningful insight’ โดยจะได้จากการพูดคุยกับลูกค้าของคุณอย่างลึกซึ้งมากที่สุด 

แบรนด์ควรทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขามาซื้อสินค้าได้อย่างไร เขาให้คุณค่ากับอะไร มี motivation แบบไหนบ้าง และถ้าหากไม่ได้ซื้อสินค้าของเรา เขาไปใช้อะไรทดแทน

ยกตัวอย่าง เช่น รถกระบะยี่ห้อหนึ่งโฆษณาว่ารถมีสมรรถภาพดี สามารถขนของได้เป็นจำนวนมาก นั้นคือการที่เจ้าของแบรนด์เน้นขายความสามารถในการใช้งาน โดยเข้าใจว่าเป็น Value สำคัญที่คนจะเลือกซื้อรถกระบะ แต่เมื่อไปพูดคุยกับคนที่ใช้รถกระบะจริงๆ แล้ว เหตุผลที่ลูกค้าบอกคือ เขาเลือกใช้รถกระบะเพราะเป็นรถที่เท่ที่สุดและขับแล้วดูแมนกว่ารถแบบอื่น! 

ฟังจากคำตอบแน่นอนว่าถ้าคิดแค่ในมุมนักธุรกิจย่อมคิดไม่ถึงแน่นอน นี้จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าทำไมเราจึงต้องทำความเข้าใจเรื่องของ motivation และการให้ value ที่แตกต่างกันของแต่ละกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 

Marketing Battle Rules: ลับกลยุทธ์ให้แหลมคมก่อนลงมือทำ

ก่อนที่เราจะเดินหน้าเต็มสตรีมกับการลงเม็ดเงินในการทำการตลาดหลังจากที่ได้ insight มาพัฒนาสินค้าและบริการแล้ว อย่าลืมกฎเหล็กสำคัญในการต่อสู้ในสนามรบด้านการตลาด นั่นคือการวางกลยุทธ์อย่างครอบคลุมเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายที่แบรนด์วางเอาไว้ 

  1. Goal เป้าหมายต้องชัด : เป้าหมายในที่นี้ไม่ใช่เรื่องของยอดขาย แต่คือสิ่งที่แบรนด์ต้องการทำให้สำเร็จหรือสิ่งที่ต้องการจะเป็นในสายตาผู้บริโภค 

  2. Strategy วิธีที่ทำให้ไปถึงเป้าหมายได้ดีที่สุด :  คือการวางแผนในระยะยาวเพื่อให้ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ให้เกิดผลลัพธ์มากที่สุด 

  3. Tactics กิจกรรมที่ทำเพื่อตอบโจทย์ Goal และ Strategy : คือการวางแผนทำกิจกรรมระยะสั้น ทั้งการเลือกใช้ Tools หรือ Platform ต่าง ๆ 

หลายแบรนด์มักตกม้าตายบ่อยๆ ตรงที่ชอบข้ามไปเรื่องการวาง Tactics ก่อนที่จะมีเป้าหมายและ strategy ที่ชัดเจน อย่าลืมลับกลยุทธ์ของคุณให้ชัดก่อนข้ามไปขั้นตอนลงมือทำ 

“Give me 6 hours to chop down a tree, and I’ll spend the first hour sharpening the axe” Abraham Lincoln 

พาแบรนด์ไปอยู่ใน Winning Zone 

Strategy ที่ดีคือการหาจุดที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด (Competitive Advantage) ซึ่งจะช่วยปูทางให้ทีมทั้งหมดสื่อสารออกไปในทิศทางเดียวกันได้

  • เราควรพยายามให้แบรนด์ของเราอยู่ใน Winning zone หรือจุดที่ core competencies ของเราตรงกับความต้องการของลูกค้าพอดี และไม่ซ้ำกับคู่แข่ง 
  • Danger zone คือโซนที่หลายแบรนด์มักตกไปอยู่ นั้นคือขายทุกอย่างเหมือนกับคู่แข่ง ซึ่งแม้จะตรงกับความต้องการของลูกค้า แต่สุดท้ายจะถูกตัดสินด้วยราคา (Price war)
  • Losing zone หนึ่งโซนสุดอันตราย คือจุดที่คู่แข่งนำเสนอสินค้าและบริการที่คุณภาพดีกว่าเรา หรือทำได้ดีกว่า 
  • Dump zone เท่ากับทำอะไรที่เสียเปล่า เนื่องจากเป็นสิ่งที่ลูกค้าไม่ได้ต้องการ

หนึ่งในตัวอย่างแบรนด์ที่มีจุดขายชัดเจนและมีแนวทางการสื่อสารทางการตลาดเหนือคู่แข่งคือ smeg แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวจากอิตาลี ที่ชูจุดขายเรื่อง ‘technology with style’ 

ด้านบนคือโฆษณาตู้เย็นของ smeg ที่ไม่มีการพูดถึงช่องแช่ไข่ หรืออุณหภูมิของตู้เย็นเลยแม้แต่น้อย แต่คือการขายงานศิลปะและงาน materpiece ของ Dolce & Gabbana ให้กับคนที่ให้คุณค่าต่อสิ่งนี้ โดยสามารถตั้งราคาได้สูงถึง 1,700,000 บาท! 

smeg ใช้จุดนี้เป็น winning zone ของแบรนด์ นั่นคือการตั้งเป้าเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะเติมเต็มให้ห้องครัวสวยสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งทำให้สามารถแข่งขันในตลาด โดยสามารถตัดเรื่องการแข่งขันด้วยราคาออกไปได้เลย เพราะตู้เย็นของ smeg โดยทั่วไปก็ราคาเกือบเหยียบแสนเช่นกัน จุดนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจ core value ของลูกค้าและการสื่อสารออกไปอย่างตรงจุดที่สุด

-

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากคลาสเรียน Rocket Growth ครั้งที่ 1 โดยนอกจากนี้ยังมีเนื้อหาเชิงลึกและ case study อีกมากมาย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดสำหรับหลักสูตร Rocket Growth รุ่น 2 ที่มีกำหนดจัดอบรมในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2563 ที่ โรงแรมชาเทรียม เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ สาทร 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Marketing Think Tank และ DeOne หรือ http://www.deonetraining.com/ 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไขรหัสลับ AI จีนฝ่า "สงครามชิป" ผ่าน Deepseek สูตรลับความสำเร็จจาก Open Source

DeepSeek AI สัญชาติจีนที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ตาม แต่กำลังก้าวขึ้นมาท้าทายผู้นำในวงการ ด้วยโมเดล AI ประสิทธิภาพสูงและแนวคิด Open Source บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกการพัฒนา AI สัญชาติจ...

Responsive image

รู้จัก Spatial Intelligence เทคโนโลยีที่ช่วยให้ AI ‘มองเห็น’ และ ‘เข้าใจ’ โลกได้เหมือนมนุษย์

AI กำลังก้าวข้ามขีดจำกัดที่เคยมี ไม่เพียงแต่สามารถคิดคำนวณหรือให้คำตอบได้เท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการ 'มองเห็น' และ 'เข้าใจ' สภาพแวดล้อมรอบตัวเหมือนมนุษย์ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า...

Responsive image

จากแรงงานสู่นวัตกรรม ยกระดับ SMEs และสตาร์ทอัพ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยุคใหม่ สู่ประเทศรายได้สูง

Mr. Cristian Quijada Torres ร่วมอภิปรายในหัวข้อ Innovation in a Changing World: Empowering SMEs And Startup วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน อุปสรรคที่ทำให้การพัฒนานวัตกรรมแ...