ปีนี้ถ้าใครถามว่า Startup สายไหนร้อนแรงและได้รับการจับตา เห็นจะหนีไม่พ้นสาย Fintech ตอนนี้เราคงได้เห็น Fintech สายวิเคราะห์หุ้น, สาย Crowdfunding (Reward based และ Equity based) ไปบ้างแล้วในไทย แต่สำหรับสายกู้ยืม ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ เราก็กำลังจะมี Startup กลุ่มนี้แล้ว เราไปทำความรู้จักพวกเขากันกับ Satangdee
SatangDee แพลตฟอร์มการกู้ยืมเงินออนไลน์แบบบุคคลต่อบุคคล (Peer-to-Peer) มีทีมงานเข้าร่วมทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นต่างชาติ 5 คน และคนไทยอีก 3 คน
เราทุกคนมีประสบการณ์ความรู้ในการพัฒนาเว็บ การบริหารจัดการและการตลาดออนไลน์ ซึ่งแต่ละคนจะมีประสบการณ์ในการทำงานระหว่าง 3-15 ปี ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย รัสเซีย สหรัฐ และยุโรป พวกเรา (ไทยและต่างชาติ) ทำงานร่วมกันมานานกว่า 3 ปี ในวงการอุตสาหกรรมไทยออนไลน์
ปกติแล้ว นวัตกรรมที่เกิดขึ้นมาจากเทคโนโลยีสองหรือสามตัวหรือมากกว่านั้นมารวมตัวกัน เมื่อผลรวมที่ได้ออกมา มันจะสร้างอำนาจใหม่ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงวงการอุตสาหกรรมทั้งหมดไปเลยก็ได้
อย่างในกรณีของเรา มีประสบการณ์ความรู้ทางด้านเทคนิค (Technical Experience) ซึ่งตรงกับผู้ร่วมก่อตั้งของเราที่มีประสบการณ์ในเรื่องของการเงินและธนาคาร และเขาคนนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารเงินของธนาคารแห่งหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป อีกทั้งที่ปรึกษาของเราก็เป็นบุคคลสำคัญที่มาจากอุตสาหกรรมการธนาคารของไทย
ในปัจจุบัน Fintech กำลังเป็นที่นิยมมากในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย แต่เพราะยังมีช่องโหว่งอยู่มาก ทางบริษัทของเราจึงอยากจะนำเสนอทางเลือกใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในไทยเพื่อปฏิรูปวงการอุตสาหกรรมการเงิน
การปล่อยสินเชื่อ/ การกู้ยืมเงินแบบบุคคลต่อบุคคล (Peer-to-Peer) เป็นกระบวนการของการให้กู้ยืมเงินระหว่างบุคคล โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางทางการเงินแบบแต่ก่อน อาทิเช่น กลุ่มธนาคาร หรือสถาบันการเงินต่างๆ อีกต่อไป การตอบโจทย์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ “ตลาดออนไลน์” ที่สามารถเชื่อมโยงทั้งสองฝ่าย - ผู้ให้กู้ / กลุ่มนักลงทุน กับ ผู้กู้ยืม เข้าด้วยกัน โดยมีบริการเป็นตัวกลางที่เป็นอุปกรณ์ในการให้คะแนนความน่าจะเป็นของบุคคลนั้น ให้ความสะดวกสบาย ด้วยโครงสร้างถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายสำหรับการทำงานร่วมกันจากที่ไกลๆ ให้เป็นเรื่องง่าย (ด้วยลายเซ็นและสัญญาการกู้แบบอิเล็กทรอนิกส์)
การให้กู้ยืมเงินระหว่างบุคคลทั้งสองฝ่าย ควบคุมโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แห่งประเทศไทย (ป.พ.พ. มาตรา 650-656) และถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ามันไปตาม ป.พ.พ. กำหนด แพลตฟอร์ม SatangDee จะทำงานโดยอัตโนมัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อให้เงินที่เข้า-ออกนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และช่วยให้การกู้ยืมเงินเป็นได้ โดยที่คุณไม่ต้องมีความรู้กฎหมาย
บริษัทที่ใหญ่ที่สุดที่ให้บริการกู้เงินแบบ P2P คือ www.lendingclub.com ที่มีการเสนอขายหุ้นเทคโนโลยีของ 2014 รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา - บริษัทนี้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยชายคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการเงินเลย เป็นเพียงนักพัฒนาซอฟต์แวร์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เช่นเดียวกับที่จีน ตลาดสินเชื่อ P2P สิ้นปีนี้อาจขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3,000+ แพลตฟอร์ม นอกจากนี้ยังมีตลาดที่สำคัญอย่าง ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และยุโรป ที่มีตลาดโลกรวมกันของปี 2015 มากกว่า 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,796,125 ล้านบาท) และในปี 2020 คาดว่าจะมีการขยายตัวมากขึ้นอีกเป็น 490 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (17,602,025 ล้านบาท) และมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2,025 (35,922,500 ล้านบาท)
ในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนามได้มีการทำงานแบบแพลตฟอร์ม P2P เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีเพียงแค่พม่า กัมพูชา และลาวที่ยังไม่มีการริเริ่มหรือทำบริการในรูปแบบนี้ ในขณะที่ประเทศไทย เราเป็นบริษัทแรกที่จะเปิดธุรกิจอุตสาหกรรมการเงินใหม่นี้
เราเล็งเห็นแล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะมำให้เราประสบความสำเร็จในตลาดนี้ คือการดำเนินการทุกอย่างบนแพลตฟอร์มอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเชื่อมต่อและลดความยุ่งยากของทั้งฝ่าย โดยให้ผู้ให้กู้และผู้กู้ยืมได้มีปฏิสัมพันธ์กัน และที่สำคัญที่สุดคือ การคำนวนผลลัพธ์ในการให้คะแนนเครดิตที่เชื่อถือได้ เพื่อลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุนที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้วางใจ เช่นเดียวกับความร่วมมือของหน่วยงานเร่งรัดติดตามหนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความไว้วางใจจากผู้ใช้งานที่มาจากประสบการณ์การใช้งานที่ดี
เพราะในต่างประเทศดูเหมือนเป็
บริษัทของเราได้รับใบอนุญาตที่ออกโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการติ
อันที่จริงแล้ว แพลตฟอร์ม P2P ไม่ใช่สถาบันการเงินธรรมดาทั่วไป อาทิเช่น SatangDee ไม่ได้ให้บริการรับฝากเงิน และออกเงินสินเชื่อ (ปล่อยกู้) เพียงแต่เราเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อนักลงทุนหรือผู้ให้กู้ กับ กลุ่มผู้กู้ ไว้ในที่เดียวกัน และให้การสนับสนุนรองรับในทุกขั้นตอน แต่เนื่องจากรัฐบาลไทยควบคุมการทำงานของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้อย่างเคร่งครัดและรัดกุม นั่นจึงเป็นเหตุว่า ทำไมเราจะต้องผ่านกระบวนการและมาตราการต่างๆนที่จำเป็นสำหรับในตอนนี้
นอกจากนี้ เรายังเร่งเห็นว่า...ช่วงเวลานี้เหมาะสมที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มการปล่อยกู้แบบ P2P มากที่สุด เพราะว่า;
คู่แข่งหลักของเราในประเทศไทย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน กลุ่มเงินกู้นอกระบบ (Loan Sharks) ที่มีกระบวนปล่อยเงินกู้แบบผิดกฎหมาย ในปัจจุบันมีพวกเขาแพร่อำนาจ ขยายธุกิจไปมากจนมีเงินหมุนเวียนถึง 2.5+ ล้านล้านบาทต่อปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป ต่อเดือน ซึ่งพวกเราเร่งเห็นแล้วว่า การปล่อยสินเชื่อออนไลน์ P2P เท่านั้น ที่สามารถตอบโจทย์เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุด ในการนำเสนอข้อมูลที่ง่ายและสามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้กู้ยืมที่เชื่อถือ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นกำจัดอุตสาหกรรมที่ผิดกฎหมาย หรือหนี้นอกระบบไปด้วย
นอกจากนี้เรามีการกำหนดเป้าหมายในตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดสินเชื่ออยู่ที่ 3.6 ล้านบาท เช่นเดียวกับ ตลาดสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ ตลาดที่ให้เครดิตที่ไม่ใช่ธนาคารที่มีขนาดกว่า 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ธนาคารในไทย เราพิจารณาเป็นคู่ค้าที่มีศักยภาพมาก จากการที่เราจะได้รับลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้กู้ที่ต้องการสร้างบัตรเครดิตเงินกู้ใหม่แทนเงินกู้เดิมและการรวบรวมหนี้ เช่นเดียวกับ เราสามารถขายต่อใบขอกู้เงินของผู้กู้ให้กับทางธนาคารเช่นกัน
แต่ที่แน่ๆคือ กลุ่มลูกค้าปัจจุบันที่มีอยู่เป็นจำนวนมากสำหรับธนาคารและสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือได้ เราสามารถนำเสนออัตราที่ดีกว่า (Rate) พร้อมกับขั้นตอนที่เรียบง่าย สะดวก และรวดเร็วให้กับกลุ่มลูกค้าได้ตัดสินใจ
สำหรับตอนนี้ทางเรายังไม่มีบริษัทคู่แข็งใดๆ ในไทย และน่าเสียดายที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาใด ๆ ในขณะนี้เลย และแน่นอนว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะต้องมีอย่างน้อย 5 บริษัทที่ทำสินเชื่อออนไลน์ P2P ขึ้นมา เพราะตลาดมีการขยายตัวที่ใหญ่ขึ้น เกิดการรวมตัวของธุรกิจต่างๆ ซึ่งเราสามารถที่จะเปลี่ยนสถานการณ์การเงินที่เอารัดเอาเปรียบนี้และนำเสนอแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้กับพี่น้องชาวไทยแทน
ความคิดเห็นหลักที่แตกต่างของเรา คือ แพลตฟอร์มออนไลน์สามารถแทนที่สถาบันการเงินแบบเดิมๆ ได้จริงเพราะ ;
ประโยชน์หลักๆ ก็คือ ผู้กู้จะได้รับข้อเสนอที่ต่ำที่สุดผ่านตลาดกลางสำหรับการกู้ยืมเงิน เช่นเดียวกับผู้ปล่อยกู้ ในฐานะนักลงทุนพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนที่สูงที่สุดเช่นกัน และสิ่งเดียวที่ต้องการ คือ การเข้าถึงออนไลน์
ค่าธรรมเนียมการใช้บริการของเราอยู่ที่ 5 % จากการชำระหนี้ของผู้กู้ ซึ่งระบบจะทำการคำนวนยอดชำระหนี้บวกกับค่าธรรมเนียมให้อัตโนมัติ
เมื่อเปรียบเทียบกับสถาบันการเงินทั่วไป อาทิเช่น ธนาคาร และบริษัทปล่อยสินเชื่อต่างๆ จะมีการกระจายค่าเฉลี่ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารและสินเชื่อส่วนบุคคล/ สินเชื่อเงินสด อยู่ที่ 20-30 % จากค่าธรรมเนียมทั้งหมด เราหมายถึงว่า 1.5% ของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะเฉลี่ยอยู่ที่การฝากเงินประจำ12 เดือน เปรียบเทียบกับ 28% ของอัตราดอกเบี้ยรายปีบัตรเครดิต ซึ่งจริงๆแล้วค่าธรรมเนียมทั้งหมดจะอยู่ 30% ขึ้นไป นั่นเอง
เราเชื่อว่า SatangDee และคู่แข่งตลาดสินเชื่อออนไลน์ P2P ในอนาคตที่คิดค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และง่ายต่อการเข้าถึงในการออนไลน์จะช่วยลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยรายปีของสินเชื่อเพื่อการบริโภคอุปโภค ที่สำคัญคือเป็นการช่วยกวาดล้างตลาดเงินกู้นอกระบบอีกด้วย
สำหรับใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดของ SatangDee ได้ที่เว็บไซต์ satangdee.com
รายชื่อผู้ร่วมก่อตั้ง SatangDee ได้แก่
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด