แนะนำ Satangdee Fintech รายใหม่วงการไทยด้วยโซลูชั่นการกู้ยืมเงินออนไลน์ | Techsauce

แนะนำ Satangdee Fintech รายใหม่วงการไทยด้วยโซลูชั่นการกู้ยืมเงินออนไลน์

Screen Shot 2558-10-31 at 1.12.13 AM

ปีนี้ถ้าใครถามว่า Startup สายไหนร้อนแรงและได้รับการจับตา เห็นจะหนีไม่พ้นสาย Fintech ตอนนี้เราคงได้เห็น Fintech สายวิเคราะห์หุ้น, สาย Crowdfunding (Reward based และ Equity based) ไปบ้างแล้วในไทย แต่สำหรับสายกู้ยืม ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ เราก็กำลังจะมี Startup กลุ่มนี้แล้ว เราไปทำความรู้จักพวกเขากันกับ Satangdee

อะไรคือ SatangDee เหตุใดถึงกระโดดเข้ามาในธุรกิจ Fintech?

SatangDee แพลตฟอร์มการกู้ยืมเงินออนไลน์แบบบุคคลต่อบุคคล (Peer-to-Peer) มีทีมงานเข้าร่วมทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นต่างชาติ 5 คน และคนไทยอีก 3 คน

เราทุกคนมีประสบการณ์ความรู้ในการพัฒนาเว็บ การบริหารจัดการและการตลาดออนไลน์ ซึ่งแต่ละคนจะมีประสบการณ์ในการทำงานระหว่าง 3-15 ปี ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย รัสเซีย สหรัฐ และยุโรป พวกเรา (ไทยและต่างชาติ) ทำงานร่วมกันมานานกว่า 3 ปี ในวงการอุตสาหกรรมไทยออนไลน์

ปกติแล้ว นวัตกรรมที่เกิดขึ้นมาจากเทคโนโลยีสองหรือสามตัวหรือมากกว่านั้นมารวมตัวกัน เมื่อผลรวมที่ได้ออกมา มันจะสร้างอำนาจใหม่ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงวงการอุตสาหกรรมทั้งหมดไปเลยก็ได้

อย่างในกรณีของเรา มีประสบการณ์ความรู้ทางด้านเทคนิค (Technical Experience) ซึ่งตรงกับผู้ร่วมก่อตั้งของเราที่มีประสบการณ์ในเรื่องของการเงินและธนาคาร และเขาคนนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารเงินของธนาคารแห่งหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป  อีกทั้งที่ปรึกษาของเราก็เป็นบุคคลสำคัญที่มาจากอุตสาหกรรมการธนาคารของไทย

ในปัจจุบัน Fintech กำลังเป็นที่นิยมมากในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย แต่เพราะยังมีช่องโหว่งอยู่มาก ทางบริษัทของเราจึงอยากจะนำเสนอทางเลือกใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในไทยเพื่อปฏิรูปวงการอุตสาหกรรมการเงิน

การปล่อยสินเชื่อ/ การกู้ยืมเงินแบบบุคคลต่อบุคคล (Peer-to-Peer) เป็นกระบวนการของการให้กู้ยืมเงินระหว่างบุคคล   โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางทางการเงินแบบแต่ก่อน อาทิเช่น กลุ่มธนาคาร หรือสถาบันการเงินต่างๆ อีกต่อไป การตอบโจทย์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ “ตลาดออนไลน์” ที่สามารถเชื่อมโยงทั้งสองฝ่าย - ผู้ให้กู้ / กลุ่มนักลงทุน กับ ผู้กู้ยืม เข้าด้วยกัน โดยมีบริการเป็นตัวกลางที่เป็นอุปกรณ์ในการให้คะแนนความน่าจะเป็นของบุคคลนั้น ให้ความสะดวกสบาย ด้วยโครงสร้างถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายสำหรับการทำงานร่วมกันจากที่ไกลๆ ให้เป็นเรื่องง่าย (ด้วยลายเซ็นและสัญญาการกู้แบบอิเล็กทรอนิกส์)

การให้กู้ยืมเงินระหว่างบุคคลทั้งสองฝ่าย ควบคุมโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แห่งประเทศไทย (ป.พ.พ. มาตรา 650-656) และถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ามันไปตาม ป.พ.พ. กำหนด แพลตฟอร์ม SatangDee จะทำงานโดยอัตโนมัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อให้เงินที่เข้า-ออกนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และช่วยให้การกู้ยืมเงินเป็นได้ โดยที่คุณไม่ต้องมีความรู้กฎหมาย

Screen Shot 2558-11-16 at 11.50.19 PM

Fintech สายกู้ยืม แบบ Peer-to-Peer ได้รับความนิยมในประเทศใดบ้าง อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จ?

บริษัทที่ใหญ่ที่สุดที่ให้บริการกู้เงินแบบ P2P คือ www.lendingclub.com ที่มีการเสนอขายหุ้นเทคโนโลยีของ 2014 รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา - บริษัทนี้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยชายคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการเงินเลย เป็นเพียงนักพัฒนาซอฟต์แวร์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เช่นเดียวกับที่จีน ตลาดสินเชื่อ P2P สิ้นปีนี้อาจขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3,000+ แพลตฟอร์ม นอกจากนี้ยังมีตลาดที่สำคัญอย่าง ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และยุโรป ที่มีตลาดโลกรวมกันของปี 2015 มากกว่า 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,796,125 ล้านบาท) และในปี 2020 คาดว่าจะมีการขยายตัวมากขึ้นอีกเป็น 490 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (17,602,025 ล้านบาท) และมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2,025 (35,922,500 ล้านบาท)

ในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนามได้มีการทำงานแบบแพลตฟอร์ม P2P เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีเพียงแค่พม่า กัมพูชา และลาวที่ยังไม่มีการริเริ่มหรือทำบริการในรูปแบบนี้ ในขณะที่ประเทศไทย เราเป็นบริษัทแรกที่จะเปิดธุรกิจอุตสาหกรรมการเงินใหม่นี้

เราเล็งเห็นแล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะมำให้เราประสบความสำเร็จในตลาดนี้ คือการดำเนินการทุกอย่างบนแพลตฟอร์มอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเชื่อมต่อและลดความยุ่งยากของทั้งฝ่าย โดยให้ผู้ให้กู้และผู้กู้ยืมได้มีปฏิสัมพันธ์กัน และที่สำคัญที่สุดคือ การคำนวนผลลัพธ์ในการให้คะแนนเครดิตที่เชื่อถือได้ เพื่อลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุนที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้วางใจ  เช่นเดียวกับความร่วมมือของหน่วยงานเร่งรัดติดตามหนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความไว้วางใจจากผู้ใช้งานที่มาจากประสบการณ์การใช้งานที่ดี

บริการในแบบกู้ยืม Peer-to-Peer แบบนี้ต่างประเทศเห็นได้รับความนิยมเหมือนกัน แต่สำหรับบ้านเรา เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ต้องขออนุญาตหน่วยงานใดบ้าง 

เพราะในต่างประเทศดูเหมือนเป็นที่นิยมมากๆ ในกลุ่มประชากร แต่ในประเทศไทย – เราคิดว่าไม่เคยมีหน่วยงาน หรือบริษัทไหนทำมาก่อน เนื่องจากข้อมูลของเราในขณะนี้ปัจจุบันได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายได้มีการปรับและพัฒนากฎระเบียบของการกู้ยืมเงินแบบ P2P และ Crowdfunding โดยจะเปิดเผยให้ทราบในเดือนธันวาคมหรือต้นปีหน้าที่จะถึงนี้

บริษัทของเราได้รับใบอนุญาตที่ออกโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการติดต่อและดำเนินการบางส่วนกับ หน่วยงานและภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อบังคับและกฎหมายควบคุมที่ต้องรู้ และติดตามเร่งรัดการขอใบรับรองหรือใบอนุญาตต่างๆไว้รองรับเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฏหมาย

อันที่จริงแล้ว แพลตฟอร์ม P2P ไม่ใช่สถาบันการเงินธรรมดาทั่วไป อาทิเช่น SatangDee ไม่ได้ให้บริการรับฝากเงิน และออกเงินสินเชื่อ (ปล่อยกู้) เพียงแต่เราเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อนักลงทุนหรือผู้ให้กู้ กับ กลุ่มผู้กู้ ไว้ในที่เดียวกัน และให้การสนับสนุนรองรับในทุกขั้นตอน แต่เนื่องจากรัฐบาลไทยควบคุมการทำงานของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้อย่างเคร่งครัดและรัดกุม นั่นจึงเป็นเหตุว่า ทำไมเราจะต้องผ่านกระบวนการและมาตราการต่างๆนที่จำเป็นสำหรับในตอนนี้

นอกจากนี้ เรายังเร่งเห็นว่า...ช่วงเวลานี้เหมาะสมที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มการปล่อยกู้แบบ P2P มากที่สุด เพราะว่า;

  • เร็วๆ นี้จะมีการออกกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องในการให้บริการปล่อยกู้แบบ P2P แบบบุคคลต่อบุคคล
  • ในปี 2558 รัฐบาลไทยมีแผนที่จะออกกฏหมายสำหรับ Micro- finance และ สินเชื่อ Nano-finance เพื่อแก้ไขปัญหาเงินกู้นอกระบบ
  • ครั้งแรกกับการปฏิรูปกฏหมายสำหรับการเร่งรัดทวงหนี้ ที่บังคับใช้ตั้งแต่กันยายน 2558 เป็นต้นมา
  • กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับที่ 3 จะแล้วเสร็จ และมีผลบังคับใช้ในเร็วๆนี้
  • ใหม่ (โลก) วิกฤตการณ์ทางการเงิน ที่มีแนวโน้มจะมาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อธนาคารต่างๆ และการให้ความช่วยเหลือสินเชื่อใหม่
  • ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ที่ยังไม่ได้มีตลาดปล่อยสินเชื่อ P2P

คู่แข่งในตลาดไทยปัจจุบันเป็นใคร? และความแตกต่างที่มีในท้องตลาด

คู่แข่งหลักของเราในประเทศไทย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน กลุ่มเงินกู้นอกระบบ (Loan Sharks) ที่มีกระบวนปล่อยเงินกู้แบบผิดกฎหมาย ในปัจจุบันมีพวกเขาแพร่อำนาจ ขยายธุกิจไปมากจนมีเงินหมุนเวียนถึง 2.5+ ล้านล้านบาทต่อปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป ต่อเดือน ซึ่งพวกเราเร่งเห็นแล้วว่า การปล่อยสินเชื่อออนไลน์ P2P เท่านั้น ที่สามารถตอบโจทย์เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุด ในการนำเสนอข้อมูลที่ง่ายและสามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้กู้ยืมที่เชื่อถือ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นกำจัดอุตสาหกรรมที่ผิดกฎหมาย หรือหนี้นอกระบบไปด้วย

นอกจากนี้เรามีการกำหนดเป้าหมายในตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดสินเชื่ออยู่ที่ 3.6 ล้านบาท เช่นเดียวกับ ตลาดสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ ตลาดที่ให้เครดิตที่ไม่ใช่ธนาคารที่มีขนาดกว่า 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ธนาคารในไทย เราพิจารณาเป็นคู่ค้าที่มีศักยภาพมาก จากการที่เราจะได้รับลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้กู้ที่ต้องการสร้างบัตรเครดิตเงินกู้ใหม่แทนเงินกู้เดิมและการรวบรวมหนี้ เช่นเดียวกับ เราสามารถขายต่อใบขอกู้เงินของผู้กู้ให้กับทางธนาคารเช่นกัน

แต่ที่แน่ๆคือ กลุ่มลูกค้าปัจจุบันที่มีอยู่เป็นจำนวนมากสำหรับธนาคารและสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือได้ เราสามารถนำเสนออัตราที่ดีกว่า (Rate) พร้อมกับขั้นตอนที่เรียบง่าย สะดวก และรวดเร็วให้กับกลุ่มลูกค้าได้ตัดสินใจ

สำหรับตอนนี้ทางเรายังไม่มีบริษัทคู่แข็งใดๆ ในไทย และน่าเสียดายที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาใด ๆ ในขณะนี้เลย และแน่นอนว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะต้องมีอย่างน้อย 5 บริษัทที่ทำสินเชื่อออนไลน์ P2P ขึ้นมา เพราะตลาดมีการขยายตัวที่ใหญ่ขึ้น เกิดการรวมตัวของธุรกิจต่างๆ ซึ่งเราสามารถที่จะเปลี่ยนสถานการณ์การเงินที่เอารัดเอาเปรียบนี้และนำเสนอแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้กับพี่น้องชาวไทยแทน

ความคิดเห็นหลักที่แตกต่างของเรา คือ  แพลตฟอร์มออนไลน์สามารถแทนที่สถาบันการเงินแบบเดิมๆ ได้จริงเพราะ ;

  1. ค่าใช้จ่ายในการให้บริการของตัวกลางที่ถูกกว่าหรือน้อยกว่าเดิมมากขึ้น เมื่อเราใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของระบบอัตโนมัติและแยกแยะวิธีการทำงานให้เป็นขั้นเป็นตอน รวมทั้งอินเทอร์เน็ตที่ถูกต้องตามกฎหมาย และการมีปฏิสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้ของผู้ให้กู้และผู้กู้
  2. ในการออนไลน์ เราจะได้รู้เกี่ยวกับศักยภาพของผู้กู้มากขึ้น โดยมาจากตัวชี้วัดกว่าพันตัวแปรที่เราใช้ในการคำนวนและประเมินผู้กู้  (Social Profile, ตัวชี้วัดพฤติกรรม, ข้อมูลขนาดใหญ่ และอื่น ๆ ) และฐานข้อมูลทั่วไปสัก 20-30 เช่น อายุ เงินเดือน เป็นต้น ขณะที่สถาบันการเงินแบบเดิมๆ จะใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ซึ่งอาจเสี่ยงที่ผู้กู้จะหนีหนี้ได้ โดยเราคาดการณ์ว่าการประเมินศักยภาพของผู้กู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะเป็นตัวการันตีให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะเราใช้การวัดประเมินจากข้อมูลความจริงที่สามารถบอกได้ว่าบุคคลนั้นมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนที่จะให้กู้เงิน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางใจและมั่นใจมากขึ้นว่าบุคคลนั้นจะไม่ผิดหนี้
  3. ปกติแล้วสถาบันการเงินทั่วไปจะมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยรายปี (APR) ขึ้นมาใหม่ ซึ่งการตัดสินใจปล่อยสินเชื่อของคนกลุ่มจะมีเพียงคำว่า “ได้” หรือ “ไม่ เท่านั้น ในขณะที่การกู้ยืมแบบ P2P จะคิดอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของผู้กู้แต่ละคน นั่นหมายความว่าผู้กู้มีโอกาสที่สูงมากขึ้นในการหาผู้ปล่อยกู้นั่นเอง เพราะความเสี่ยงมากที่อาจเกิดขึ้นจากการกู้เงิน ทำให้อัตราดอกเบี้ยอาจมีเรทที่สูงมากขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับประวัติพื้นหลังของบุคคลนั้นๆ เพื่อให้ผู้ปล่อยกู้วางใจว่าเงินของพวกเขาจะไปสูญเปล่า อัตราดอกเบี้ยจึงตัวเสริมที่จะพลักดันให้คนกลุ่มนี้กล้าเสี่ยงมากขึ้น

ประโยชน์หลักๆ ก็คือ ผู้กู้จะได้รับข้อเสนอที่ต่ำที่สุดผ่านตลาดกลางสำหรับการกู้ยืมเงิน เช่นเดียวกับผู้ปล่อยกู้ ในฐานะนักลงทุนพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนที่สูงที่สุดเช่นกัน และสิ่งเดียวที่ต้องการ คือ การเข้าถึงออนไลน์

ถ้าจะใช้บริการ ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้บริการของ SatangDee อย่างไร

ค่าธรรมเนียมการใช้บริการของเราอยู่ที่ 5 % จากการชำระหนี้ของผู้กู้ ซึ่งระบบจะทำการคำนวนยอดชำระหนี้บวกกับค่าธรรมเนียมให้อัตโนมัติ

เมื่อเปรียบเทียบกับสถาบันการเงินทั่วไป อาทิเช่น ธนาคาร และบริษัทปล่อยสินเชื่อต่างๆ จะมีการกระจายค่าเฉลี่ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารและสินเชื่อส่วนบุคคล/ สินเชื่อเงินสด อยู่ที่ 20-30 % จากค่าธรรมเนียมทั้งหมด เราหมายถึงว่า 1.5% ของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะเฉลี่ยอยู่ที่การฝากเงินประจำ12 เดือน เปรียบเทียบกับ 28% ของอัตราดอกเบี้ยรายปีบัตรเครดิต ซึ่งจริงๆแล้วค่าธรรมเนียมทั้งหมดจะอยู่ 30% ขึ้นไป นั่นเอง

เราเชื่อว่า SatangDee และคู่แข่งตลาดสินเชื่อออนไลน์ P2P ในอนาคตที่คิดค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และง่ายต่อการเข้าถึงในการออนไลน์จะช่วยลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยรายปีของสินเชื่อเพื่อการบริโภคอุปโภค ที่สำคัญคือเป็นการช่วยกวาดล้างตลาดเงินกู้นอกระบบอีกด้วย

สำหรับใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดของ SatangDee ได้ที่เว็บไซต์ satangdee.com

รายชื่อผู้ร่วมก่อตั้ง SatangDee ได้แก่

  • อเล็ก ลิเนนโค (Alex Linenko) ตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าบริหาร และผู้ก่อตั้งบริษัท (CEO & Founder SatangDee.Com)
  • อเล็กซานเดอร์ เลียร์ (Aleksandr Lyah) ตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท (CEO & Co-Founder SatangDee.Com)
  • พงศกร สุขเพ็ชร์ (Pongsakorn Sukpet) ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายบริหารงานและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท(Operational Manager & co-founder SatangDee.Com)
  • พลอยณุภา ใจภูมิ (Ploynupa Jaipoom) ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท (Marketing Manager & co-founder SatangDee.Com)

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘UOB Sustainability Compass’ เครื่องมือออนไลน์ด้านความยั่งยืน หนุน SMEs เปลี่ยน Vision เป็น Action

บทสัมภาษณ์ คุณอัมพร ทรัพย์จินดาวงศ์ และคุณพณิตตรา เวชชาชีวะ เกี่ยวกับ ‘UOB Sustainability Compass’ เครื่องมือออนไลน์ที่เข้ามาช่วย SMEs เริ่มดำเนินการด้านความยั่งยืนอย่างเข้าใจและไม...

Responsive image

Intel พลาดอะไรไป ? ทำไมถึงต้องเปลี่ยน CEO กะทันหัน ? ถอดบทเรียนราคาแพงจากยุค Pat Gensinger

การ ‘เกษียณ’ อย่างกะทันหันของ Pat Gelsinger อดีตซีอีโอ Intel ในต้นเดือนธันวาคม สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการเทคโนโลยี หลายฝ่ายมองว่าเป็นการบีบให้ออกจากบอร์ดบริหาร อันเนื่องมาจากผล...

Responsive image

GAC รถแห่งเมืองกวางโจว ขวัญใจแท็กซี่ยุคใหม่ | Tech for Biz EP. 30

แบรนด์รถยนต์ที่เป็นความภูมิใจของคนกวางโจว สู่ขวัญใจแท็กซี่ยุคใหม่ คลิปนี้ Tech for Biz จะพาไปรู้จัก GAC ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนอีกเจ้าที่กำลังบุกตลาดเมืองไทย...