หลังจาก สยามพารากอน ร่วมกับ SCBX เปิดตัวเทคคอมมูนิตี้ SCBX NEXT TECH ณ ชั้น 4 สยามพารากอน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แห่งโลกอนาคตสำหรับผู้สนใจเทคโนโลยี ผ่านมาราว 4 เดือน พบว่ามีผู้สนใจและร่วมรับฟังเสวนาแชร์ความรู้กันท่วมท้น จนพื้นที่ที่มีอยู่...ไม่พอให้นั่ง
ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะการจัดอีเวนต์แชร์ความรู้แบบเจาะลึก ส่วนใหญ่แล้ว จะไม่เห็นบุคคลทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมมากนัก อาจเพราะไม่อยู่ในความสนใจ หรืออีกนัยก็คือ เข้าไม่ถึง เนื่องจากมีค่าเข้าร่วมกิจกรรม ค่าเข้าอบรม ค่าใช้จ่าย หรืออาจซื้อบัตรไม่ทัน ก็พลาดโอกาสที่จะเข้าร่วมงาน
การแบ่งใช้พื้นที่ SCBX NEXT TECH บนพื้นที่ 100 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ SCBX Next Stage โซนเวทีและขั้นบันไดที่ให้ผู้สนใจเข้าฟังเสวนาแชร์ความรู้ได้ฟรี โดยพื้นที่นี้รองรับได้ 80 - 250 ที่นั่ง ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนหรือ Walk-in เข้าไปร่วมรับฟังได้ (หากที่นั่งไม่เต็มเสียก่อน) และ Area X โซนที่แบ่งออกเป็น Developer Lounge สำหรับคนทำงานด้านเทค, Digital Nomad กับ Experience Zone พื้นที่สำหรับจัดเวิร์กช็อป นำเสนอไอเดีย ซึ่งผู้ประกอบการ ผู้สนใจใช้พื้นที่ สามารถติดต่อและจองใช้งานได้ที่ Community Manager
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักที่ SCBX มุ่งให้เข้ามาใช้พื้นที่ ได้แก่ Startup, Entrepreneur. Tech Nomad, Tech Freelancer รวมถึงองค์กรธุรกิจต่างๆ
ด้วยพื้นที่ชั้น 4 ที่จะเห็นโลโก้แบรนด์ SCBX โดดเด่น บางคนอาจสงสัยว่า ทั้งชั้นเป็นของ SCBX หรืออย่างไร ข้อเท็จจริงก็คือ SCBX เข้าไปเป็น Title Sponsor ของสยามพารากอน หมายความว่า SCBX ขอใช้พื้นที่โดยให้การสนับสนุนแบบ Sponsorship ซึ่งสามารถติดชื่อหรือโลโก้แบรนด์ให้เห็นได้เด่นชัด และสำหรับบทบาทในพื้นที่ SCBX เป็นทั้งผู้จัดอีเวนต์ (Host) ที่มีแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจมาใช้พื้นที่แล้ว อาทิ SCB, innovestX, SCB10X และเปิดให้แบรนด์ หน่วยงาน หรือพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ มาใช้พื้นที่ร่วมกัน (Co-Host) อาทิ Microsoft, Accenture, MarTech Association (Thailand), Priceza โดยตลอด 12 สัปดาห์หลังการเปิดตัวพื้นที่ในปี 2566 SCBX เป็น Host จัดอีเวนต์ไปแล้ว 19 ครั้ง โดยมี 5 ธีมคอนเทนต์หลัก ได้แก่
ตัวอย่างหัวข้อสัมมนาและเสวนาที่ผ่านไปแล้วและเรียกความสนใจได้มาก อาทิ
10 Marketing Trends 2024 โดย SCBX จับมือกับเพจ การตลาดวันละตอน Everyday Marketing นำเสนอเทรนด์สำคัญๆ ที่นักการตลาดทุกคนไม่ควรพลาด ต่อด้วยวงเสวนาจาก 3 กูรูการตลาดแถวหน้าของประเทศ ซึ่งมาพูดคุยแบบเจาะลึกว่า จะมีอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างในปี 2567
เทคซอสได้พูดคุยกับ คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร Chief Customer Officer จาก SCBX จึงได้รับรู้ข้อมูลอินไซด์เพิ่มเติมหลายด้านเกี่ยวกับ SCBX Next Tech ไม่ว่าจะเป็น การใช้เวลาเตรียมสถานที่ เตรียมงานนาน 6-7 เดือน หลังจัดงานได้ 3 เดือน พบว่ามีจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานใน SCBX NEXT TECH มากกว่า 2,000 ราย และจากการใช้งาน Wisesight ช่วยเก็บข้อมูลจากโซเชียล มีเดีย ทำให้รู้ว่า มีโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับงานมากกว่า 2,000 โพสต์ และการจัดอีเวนต์ต่างๆ ในพื้นที่นี้สร้างการมีส่วนร่วมได้มากกว่า 400,000 ครั้ง
ถ้าเราจะทำพื้นที่ที่สามารถจัด Conference ได้ทุกวันจะดีกว่ามั้ย? เพราะ Conference ที่คนอื่นจัดเป็นสิ่งที่ดี ผมก็ชอบไปฟัง แต่ถ้าเป็น Conference ใหญ่ๆ คุณต้องเข้างานให้ได้ก่อน และบางเวที Speaker ได้พูดแค่ 20 นาที เราจึงต่อยอดในสิ่งที่ทุกท่านจัดงานไว้ ด้วยการเชิญคนเจ๋งๆ มาขยี้ต่อและให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2-3 งาน เพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นด้วย
คุณสุธีรพันธุ์เล่าต่อว่า สยามพารากอน ให้เกียรติ SCBX เป็น Naming Sponsor หรือ Title Sponsor ซึ่งมีสิทธิ์บริหารจัดการพื้นที่ได้เอง 100 ตารางเมตร และหลังจากเปิดตัวเทคคอมมูนิตี้ได้ 3 เดือน ทางพารากอนก็ชวน SCBX ต่อสัญญา
"ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะทำ 1 ปี เพราะไม่แน่ใจ ไม่เคยทำพื้นที่อะไรอย่างนี้ พอเขาถามว่า ต่อสัญญามั้ย เพราะเขาและเราเห็นคุณค่าของสิ่งนี้ เราบอกว่า โอเค...ต่อ ก็ได้ต่ออีก 2 ปี รวมเป็น 3 ปี และพออยู่จริงจัง เราก็คิดว่าต้องมี Commitment กับพื้นที่นี้
"ด้วยบทบาทในการทำให้แบรนด์ SCBX เป็นแบรนด์ที่แข็งแรง สร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแรง และเปิดให้มาแชร์ Vision ร่วมกันได้ งานที่จัดไปอาจเกี่ยวและไม่เกี่ยวกับธนาคาร แต่เกี่ยวกับคนไทย และทำให้คนสนใจเรื่อง AI กันมากขึ้น ซึ่งเราก็ทำได้ตรงตามที่คิด เพราะดึงดูดคนที่อยู่ในแวดวงเทค นวัตกรรม หรือหลงใหลชื่นชอบเทคโนโลยีมาเข้าร่วมงาน โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ค่อนข้างประสบความสำเร็จ จากที่มี 90 งาน เป็นงานร่วมจัด กับ 19 งานที่ SCBX เป็นโฮสต์จัดเอง ซึ่งปีที่ผ่านมา เรื่อง Business & Marketing กับ AI มาแรงมาก แล้วเราก็จัดงานในประเด็น AI ไปแล้วถีง 7 ครั้ง"
ปี 2567 นี้ เทคซอสประเดิมด้วยการเข้าร่วมงาน 2024 Technology Trend Thailand: Future Technology Trends That Shape Thailand Businesses เป็นหัวข้อแรก โดยอีเวนต์นี้มี คุณจิตตพงษ์ ลือประดิษฐ์ นายกสมาคม MarTech Thailand มาแชร์เทรนด์การใช้เทคโนโลยีแห่งปี วิธีใช้เทคโนโลยีในการทำตลาดและเครื่องมือต่างๆ ต่อด้วยวงเสวนาที่มี คุณศรัณย์ ชินสุวพลา หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด จาก Robinhood, คุณจิตตพงษ์ และคุณสุธีรพันธุ์ มาร่วมเสวนาและซักถามกันอย่างออกรส ท่ามกลางผู้ฟังที่รับฟังอย่างตั้งใจ
เดิมทีมีหลายอีเวนต์ที่กลุ่มธุรกิจภายใต้หมวก SCBX จัดงาน ณ สำนักงานใหญ่ แบรนด์ SCBX ก็ไม่ได้จัดงานบ่อยครั้ง แต่หลังจากมาใช้พื้นที่ SCBX Next Tech ในสยามพารากอน หลายสิ่งก็เปลี่ยนไป
"คนทั่วไปเข้ามาฟังได้ ทำให้เราเห็นแววตา เห็นคำถามของประชาชนคนทั่วไปที่ยกมือถาม ผมคิดว่า มันเป็นโมเมนต์ที่ดีมากๆ และมีหลายคนชื่นชม โดยบอกว่าประเทศไทยน่าจะมีพื้นที่เปิดแบบนี้ให้คนมาพบกันมากขึ้น"
ถามถึงทิศทางอีเวนต์หรือคอนเทนต์เทคโนโลยีที่จะจัดขึ้นในปี 2567 คุณสุธีรพันธุ์เปิดเผยว่า "ปีนี้เราจะขยายหัวข้อไปพูดเรื่อง Climate Tech เป็นซีรีส์ นอกจากนั้นก็มีหัวข้อ AI, Blockchain, Web 3, Disruptive Tech หรือ Deep Tech และถ้าใครสนใจก็ติดตามเราได้ที่เพจ SCBX"
อันที่จริง SCBX ไม่ได้มีคอนเน็กชันกับผู้เชี่ยวชาญหรือกูรูในทุกแวดวง แต่จากการจัดอีเวนต์แล้วมีพาร์ตเนอร์เข้ามาเพิ่ม เช่น insiderly.al, Microsoft, VISTEC, NECTEC ทำให้ได้พบปะ สานสัมพันธ์ (Connect the dot) กับคนเก่งในสาขาต่างๆ และดึงดูดให้เข้ามารวมอยู่ในเทคคอมมูนิตี้แห่งนี้
ขณะเดียวกัน SCBX ก็กำลังพัฒนาระบบสำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้เข้าร่วมในคอมมูนิตี้อย่างถูกต้องตามหลัก PDPA โดยคาดว่าปีนี้จะได้เห็นระบบสมาชิกบนเว็บไซต์ ที่อัปเดตข้อมูลให้แก่ผู้สนใจและเผยแพร่ข่าวสารได้มากและบ่อยครั้งยิ่งขึ้น
"สำหรับ KPI ด้านการจัดงาน เช่นบริเวณ Stage เรามีโควต้าจัดงานสัปดาห์ละครั้ง บางสัปดาห์ก็สองครั้ง ส่วนไลน์อัปในปีนี้ เราแพลนเดือนต่อเดือน โดยจะมี Bitkub, National Cyber Security เข้ามาร่วมด้วย และเราก็มีความคาดหวังสูง คือตั้งเป้าไว้ว่า ไม่เกิน 2 ปี เราจะเป็นคนทำเทคคอมมูนิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในไทย และเข้าถึงเด็กมัธยม คนรุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้น" คุณสุธีรพันธุ์กล่าวปิดท้าย
ไอเดียการใช้พื้นที่ภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่เอื้อให้ผู้คนเดินทางมาได้สะดวก การมีวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญ คนเก่งๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ มาแชร์ข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ บทวิเคราะห์ ตลอดจนคาดการณ์อนาคต ให้ฟังกันฟรีๆ และที่สำคัญ ยังมีช่วงท้ายที่เปิดให้ผู้มาร่วมงานสร้างคอนเน็กชัน ทำความรู้จักกับบุคคลจากหลากหลายวงการด้วยแล้ว พื้นที่นี้จึงกลายเป็นโซนแม่เหล็กที่ดึงดูดคนทำงานรุ่นใหม่ คนรักเทคโนโลยี และบุคคลทั่วไป ให้เข้ามาร่วมกิจกรรมนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อีเวนต์ที่นำเสนอสาระเนื้อๆ เทคโนโลยีเน้นๆ เจาะประเด็นลึกๆ แล้วมีผู้คนมาร่วมงานอย่างคับคั่งนี้จึงสะท้อนว่า คนไทยสนใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ เปิดรับข้อมูลเชิงลึก และอยากรับฟังความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีมากกว่าที่เคยเป็นมา
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด