
"โลกไซเบอร์ไร้พรมแดน" (Cyber space is borderless) อาจเป็นคำกล่าวที่น่าสนใจแต่ไม่ใช่เรื่องจริงอีกต่อไปในภูมิทัศน์ปัจจุบัน
นี่คือประเด็นสำคัญที่ถูกจุดขึ้นในเซสชัน "A World Apart - The Pursuit of Interoperability" บนเวที SICW 2025 โดย Dr. Tobias Feakin ผู้ดำเนินรายการ ได้ท้าทายแนวคิดนี้อย่างเผ็ดร้อนว่า ในขณะที่เราพูดว่าไซเบอร์ไร้พรมแดน เรากลับกำลังสร้าง "พรมแดนดิจิทัล" ขึ้นมาเองอย่างแข็งขันผ่านกลไกนโยบาย
"วันนี้ กว่า 120 ประเทศมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูล (Data Protection Laws) ของตัวเอง และมีอย่างน้อย 70 ประเทศที่มียุทธศาสตร์ AI แห่งชาติที่แตกต่างกัน"
ผลลัพธ์คือสิ่งที่เรากำลังเผชิญคือโลกดิจิทัลที่กลายเป็น 'Patchwork Quilt' หรือผ้าปะที่เต็มไปด้วยระบบที่เข้ากันไม่ได้ (Incompatible systems) นำไปสู่การแบ่งขั้วทางเทคโนโลยี หรือ "Bifurcation" ที่รุนแรง ซึ่งชาติเล็กและประเทศกำลังพัฒนาคือผู้ที่เสียเปรียบที่สุด
คำถามคือ ท่ามกลางสมรภูมิเทคโนโลยีที่บีบให้ทุกคนต้อง 'เลือกข้าง' เราจะแสวงหา 'การทำงานร่วมกัน' (Interoperability) ได้อย่างไร?

"ฉันอยากเป็นลูกค้า ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์"
เซสชันนี้เริ่มต้นอย่างทรงพลังด้วย Keynote จาก Ms. Claudia Plattner ประธาน BSI (Federal Office of Information Security) แห่งเยอรมนี ที่พูดในฐานะผู้ใช้งานคนหนึ่ง เธอกล่าวชัดเจนว่าเธอต้องการโลกดิจิทัลที่ เสรี (Free), ปลอดภัย (Secure), อยู่บนกติกา (Rules-based) และมีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (About me as a customer)
แต่สิ่งที่เธอไม่ต้องการนั้นสะท้อนภาพความเป็นจริงได้เจ็บปวดกว่า
ฉันไม่ต้องการโลกดิจิทัลที่ ผูกมัดฉันไว้กับ Ecosystem และบังคับให้ฉันต้องเลือก ฉันไม่ต้องการโลกดิจิทัลที่ ข้อมูลของฉันกลายเป็น 'ผลิตภัณฑ์' ฉันไม่ต้องการโลกดิจิทัลที่ตัวเลือกของฉันถูกใช้เป็นเครื่องมือ 'อวดเบ่งทางการเมือง' (Political muscle flexing)
เธอให้ตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการที่ฉันจะเลือกใช้ WhatsApp, Signal, Telegram หรือ WeChat ไม่ควรถูกตีความเป็นการแสดงจุดยืนทางการเมือง หรือ ในฐานะธุรกิจ ก็ไม่ต้องการถูกบังคับให้เลือก Ecosystem ที่เมื่อเข้าไปแล้ว ก็ถูกขังไว้ตลอดชีวิต (Tie-in) โดยไม่สามารถย้ายออกได้
Ms. Plattner ฟันธงว่าวิธีเดียวที่จะป้องกันการแบ่งขั้ว (Polarization) ในโลกดิจิทัลที่กำลังเกิดขึ้น คือการมี Interoperability มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เกิด "ทางเลือก" (Choices) อย่างแท้จริง สร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ผู้ผลิต หรือวาระซ่อนเร้นทางภูมิรัฐศาสตร์

ในขณะที่มหาอำนาจกำลังต่อสู้กัน ชาติเล็กอย่างประเทศไทยจะทำอย่างไร?
พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการ NCSA ประเทศไทย ให้มุมมองว่าสถานการณ์นี้ซับซ้อนกว่าที่คิด ประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ถูกบีบให้เลือกเทคโนโลยีอยู่ทุกวัน ผ่านเครื่องมือแห่งอำนาจที่หลากหลาย ทั้งการทูต, ข้อมูลข่าวสาร (Information), การทหาร และเศรษฐกิจ
เวลาเขามา เขาไม่ได้บอกตรงๆ ว่า 'คุณต้องซื้อของเราเพราะเราอยากได้เงิน' เขาอาจจะบอกว่า 'คุณต้องซื้อของเรา เพราะของอีกฝ่ายมันไม่ปลอดภัย' หรือ 'ถ้าคุณเลือกเจ้านั้น คุณจะไม่เป็นกลาง (Neutral)
นี่คือภาวะที่บีบคั้นที่ชาติเล็กต้องเผชิญทุกวัน
"สำหรับไทย นโยบายของเราคือเป็นกลาง แต่มันไม่ใช่การยืนนิ่งๆ ไม่เลือกข้าง (Standing by) แต่มันคือ Smart Neutral เราต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน และต้องฉลาดพอที่จะรู้ว่าสถานการณ์ไหนควรจะเลือกข้างไหน เพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติ"
ในเกมที่ซับซ้อนนี้มาตรฐานสากล (International Standards) จากองค์กรที่เป็นกลางอย่าง ITU (สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ) จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ
"มาตรฐานคือทางรอดของชาติเล็ก" เราใช้มาตรฐานเป็น 'โล่กำบัง' (Shield) ได้ เวลาที่ถูกบีบให้เลือก เราสามารถอ้างอิงมาตรฐานสากลที่เราลงนามไว้ เพื่อเป็นเหตุผลในการตัดสินใจ ทำให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีที่เราเลือกนั้นสามารถขยายผลและทำงานร่วมกับคนอื่นได้ในอนาคต"

ในมุมมองของยุโรป พวกเขากำลังต่อสู้กับความท้าทายในการสร้าง Digital Sovereignty (อธิปไตยทางดิจิทัล)
Mr. Miguel Ángel Cañada จากสถาบันความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติสเปน ชี้ให้เห็น Paradox (ความย้อนแย้ง) ที่น่าสนใจว่า
"ปัญหาของยุโรปคือ เราอยากมีอธิปไตยดิจิทัล แต่เราไม่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในด้านนี้" เขายกตัวอย่างเรื่อง Cloud ที่ผู้เล่นรายใหญ่ (Big Players) ไม่ได้อยู่ในยุโรป
ดังนั้น Strategic Autonomy (ความเป็นอิสระเชิงกลยุทธ์) จึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญกว่า พวกเขาจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการเข้าถึงเทคโนโลยี และ การจัดการความเสี่ยง
ทางออกของยุโรปจึงเป็นการใช้กฎระเบียบเป็นเครื่องมือหลัก
Mr. Cañada ยกตัวอย่าง Cyber Resilience Act (CRA) ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ของ EU ที่บังคับใช้ 'Security by Design' กับทุกผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ต้องการเข้ามาในตลาดยุโรป
เรากำลังสร้างกฎขั้นต่ำร่วมกัน เพื่อให้แน่ใจว่าตลาดของเรายังคงเปิดได้ โดยที่เรารู้ว่าทุกอย่างที่เข้ามามีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ

หัวใจสำคัญที่ทุกคนในวงเสวนาเห็นตรงกัน คือ "มาตรฐาน" (Standards) คือกุญแจที่จะไขประตู Interoperability แต่เส้นทางนี้ก็เต็มไปด้วยกับดัก
Ms. Claudia Plattner ให้บทเรียนราคาแพงว่าเราต้องไม่ทำผิดพลาดซ้ำเหมือนตอนสร้าง 'อีเมล'
30 ปีก่อน เราตื่นเต้นมากที่สามารถส่งข้อความหากันได้ทันที โดยไม่มีใครคิดเรื่องความปลอดภัยแม้แต่นิดเดียว ผลคือ 30 ปีต่อมา อีเมลยังคงเป็นช่องทางการสื่อสารที่เติบโตสูงสุด และเราก็ยังต้องทนทุกข์กับปัญหา Phishing ไม่รู้จบ ถ้าเราทำพลาดแบบเดียวกันนี้กับ 6G หรือ AI เราจะต้องทนทุกข์กับผลของมันไปอีกนานแสนนาน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงสำคัญถึงขั้นเป็นวาระแห่งชาติ
แต่ Mr. Miguel Ángel Cañada ก็ได้เสนออีกมุมมองนึง
"มันมักจะมีส่วนที่เป็น 'การเมือง' (Political part) แฝงอยู่ในมาตรฐานเสมอ มันยากมากที่จะทำให้มันอยู่แค่ในขอบเขต 'ทางเทคนิค' (Technical)" ดังนั้น ยุทธศาสตร์คือต้องพยายามให้การถกเถียงเรื่องมาตรฐานอยู่บนพื้นฐานทางเทคนิคให้มากที่สุด แล้วค่อยไปสู้กันเรื่องการตีความเชิงนโยบายและการเมืองในเวทีอื่น
ในขณะที่ Ms. Atsuko Okuda จาก ITU เสนอว่า ITU คือ Neutral Ground" ที่ให้ประเทศต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วม โดยใช้เครื่องมืออย่าง Global Cybersecurity Index (GCI) ในการประเมินความพร้อมของแต่ละชาติอย่างเป็นกลาง เพื่อระบุว่ายังขาดแคลนในจุดใด และย้ำว่าการมีมาตรฐานกลางคือแรงจูงใจที่ดีที่สุด เพราะมันช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาและเปิดประตูสู่ตลาดโลก

เมื่อถูกถามถึงการรับมือกับ AI และการที่สหรัฐฯ กับจีนกำลังสร้าง 'กฎคนละเล่ม' (เหมือนคนหนึ่งขับรถเลนซ้าย อีกคนขับเลนขวา) จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะ 'ขับรถตรงกลาง'
พลอากาศตรี อมร ตอบอย่างชัดเจนว่า ไทยต้อง 'ขับรถตรงกลาง' ทุกวัน สิ่งสำคัญคือการมีส่วนร่วมกับทุกฝ่าย และมุ่งเน้นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก
แต่ในตอนท้าย Ms. Plattner สรุปว่า ปัจจัยที่จะทำให้ตลาดยังคงเปิดกว้างและทำงานร่วมกันได้นั้น อยู่ที่คำคำเดียวคือความไว้ใจ
"ในท้ายที่สุด คำถามว่าจะเปิดตลาดได้หรือไม่ มันจะจบลงที่ความไว้ใจ เราต้องสามารถไว้ใจผู้ให้บริการ และไว้ใจระบบที่อยู่เบื้องหลังผู้ให้บริการเหล่านั้น"
ในโลกที่กำลังถูกแบ่งขั้ว "How trustworthy are you?" (คุณน่าเชื่อถือแค่ไหน?) จึงกลายเป็นคำถามเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด และการสร้าง "Security by Design" ผ่านมาตรฐานที่โปร่งใส คือหนทางเดียวที่จะสร้าง Trust และรักษา Interoperability ไว้ได้ ก่อนที่โลกดิจิทัลจะถูกฉีกออกจากกันอย่างสมบูรณ์
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด