รู้จัก Stack แพลตฟอร์มที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสอนวัยรุ่นและผู้ปกครองให้เข้าใจการเทรดคริปโตเคอเรนซีมากยิ่งขึ้น | Techsauce

รู้จัก Stack แพลตฟอร์มที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสอนวัยรุ่นและผู้ปกครองให้เข้าใจการเทรดคริปโตเคอเรนซีมากยิ่งขึ้น

รู้หรือไม่กลุ่มวัยรุ่น Gen Z แม้อายุน้อยแต่ก็สนใจที่จะเรียนรู้การเงินและการลงทุนเพิ่มมากขึ้น กระแสการลงทุนในคริปโตเคอเรนซีเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มวัย 15-20 ปีนั้นมีความต้องการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลและอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่คอนเทนต์ที่พวกเขาเข้าถึงได้มักจะผ่านโซเชียลมีเดีย ติดตามแนวโน้มตลาดจากอินฟลูเอนเซอร์ใน TikTok หรือ Reddit ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในการลงทุน มากไปกว่านั้นที่บางกลุ่มเข้าสู่การเทรดคริปโตฯ ด้วยนำข้อมูลผู้ปกครองมาใช้สร้างบัญชี  Pain Point ในจุดนี้ Stack จึงถูกสร้างขึ้นโดยความต้องการเป็นมากกว่าเทรด แต่ก่อตั้งขึ้นเพื่อมุ่งเป้าให้ความรู้และสอนเยาวชนเกี่ยวกับวิธีการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล

รู้จัก Stack แพลตฟอร์มที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสอนวัยรุ่นและผู้ปกครองให้เข้าใจการเทรดคริปโตเคอเรนซีมากยิ่งขึ้น Stack ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดย Will Rush ซีอีโอ ร่วมกับ Natalie Young ซีทีโอ และ Angela Mascarenas ซีซีโอ ทั้งสามมีภูมิหลังที่หลากหลายโดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนและแอปพลิเคชันด้านการเงิน ก่อนหน้านี้พวกเขาร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชัน FinTech สำหรับเยาวชนที่ชื่อว่า Copper และพึ่งเข้าร่วม Fintech Incubator ในซีแอตเทิล แถมเปิดรอบ Pre-Seed มูลค่า 500,000 ดอลลาร์ จาก On Deck และ Santa Clara Ventures

ในขณะที่ทั้งสามผู้ก่อตั้งมุ่งเป้าสร้างพื้นที่ในการสอนเด็ก ๆ เกี่ยวกับการลงทุนในก่อนหน้านี้ พวกเขาค้นพบว่า การเพิ่มขึ้นของเนื้อหาด้านการเงินและการลงทุนบนโซเชียลมีเดียทำให้กลุ่มวัยรุ่น Gen Z สนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการเงินตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยการหาข้อมูลและเริ่มทดลองด้วยตนเอง  

การสำรวจระบุว่า 71% ของ Gen Z จะเสพข้อมูลทางการเงินจากบุคคลที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับตน ส่งผลให้พวกเขาเริ่มติดตามกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรืออินฟลูเอนเซอร์ด้านเงิน “FinFluencer” ที่เพิ่มขึ้นบน TikTok แฮชแท็ก #FinTok และ #Investing มียอดวิวมากกว่า 500 ล้านและ 3.7 พันล้านตามลำดับ  อย่างไรก็ตามแต่คอนเทนต์ที่พวกเขาเข้าถึงได้มักจะผ่านโซเชียลมีเดียหรือบล็อกที่ยังขาดการให้ความรู้ที่มากพอ ซึ่งบางกลุ่มติดตามแนวโน้มตลาดจากอินฟลูเอนเซอร์ใน TikTok หรือ Reddit ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดมากขึ้น และมากไปกว่านั้นมีวัยรุ่นบางกลุ่มที่เข้าสู่การเทรดคริปโตฯ ด้วยวิธีการที่ผิด เช่น การนำข้อมูลของผู้ปกครองมาใช้ในการสร้างบัญชีซื้อขายเหรียญบนแพลตตฟอร์มอย่าง Coinbase หรือ Robonhood ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบที่ผ่านไม่การอนุมัติและการระงับบัญชีจำนวนมาก 

คริปโตเคอเรนซี อยู่ในความสนใจของบรรดาผู้ปกครองสหรัฐฯ

นอกจากนี้การสำรวจจาก Study.com เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2022  พบว่า ผู้ปกครอง 64% และบัณฑิตวิทยาลัยกว่า 67% ในสหรัฐอเมริกา คิดเห็นว่า คริปโตฯ ควรได้รับการสอนในโรงเรียนเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้เยาวชนเข้าใจและสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจในอนาคต โดยผลลัพธ์ที่ได้เกิดขึ้นท่ามกลางความตระหนักและการยอมรับในคริปโตฯ ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา จากข้อมูลของศูนย์วิจัยข้อมูล Pew Research Center ระบุว่า ประมาณ 88% ของคนอเมริกันเคยได้ยินเกี่ยวกับคริปโตฯ เป็นอย่างน้อย โดย 16% เคยลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตฯ 

2022 Study.com Survey

การสำรวจยังพบว่าทั้งสองกลุ่มเห็นพ้องกันว่าการเรียนรู้เกี่ยวกับ "อนาคตของเศรษฐกิจ" เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เช่นเดียวกับวิธีการ "กระจายการลงทุน" "การสร้างโอกาส" และ "การพัฒนากลยุทธ์ลงทุน" 

2022 Study.com Surveyหลายมลรัฐในสหรัฐฯ เริ่มบรรจุรายวิชาที่เกี่ยวกับคริปโตฯในการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตและมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนาเป็นหนึ่งในวิทยาลัยในสหรัฐฯ ที่เปิดสอนหลักสูตรเบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตฯ เช่นเดียวกับ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง อย่างสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) และฮาร์วาร์ดก็เริ่มเปิดสอนหลักสูตรที่คล้ายกัน สำหรับอนาคตมีการคาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญว่ารายวิชาดังกล่าวจะสามารถรวมเข้ากับหลักสูตรระดับมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษาได้ภายในสามถึงห้าปีภายในสหรัฐฯ 

พื้นที่การเทรดอย่างปลอดภัยสำหรับวัยรุ่นและผู้ปกครอง

ทั้งสามเห็นตรงกันว่า ควรที่จะสร้างระบบนิเวศที่ปลอดภัยและให้การศึกษาเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแก่เยาวชนรวมถึงผู้ปกครอง โดยเยาวชนที่สามารถลงทะเบียนได้ต้องมีอายุ 13 ปีขึ้นไปเท่านั้น 

Will Rush ซีอีโอ ระบุว่า Gen Z คือ รุ่นที่จะเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีบล็อคเชนและเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มในอนาคตที่จะเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภท รวมถึงเหล่าผู้ปกครองที่มีส่วนร่วมในการดูแล ควรมีความรู้ความเข้าใจด้วยเช่นเดียวกัน  

Stack มีเป้าหมายหลัก คือ การสร้างคอนเทนต์เพื่อศึกษาตั้งแต่ความรู้ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับคุณสมบัติของสกุลเงินดิจิทัล และยังมีแผนที่จะสร้างฟีเจอร์ให้ทดลองซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลได้จริง โดยบัญชีใน Stack ผ่านการได้รับใบอนุญาตและได้รับการควบคุมภายใต้ ‘Uniform Transfers to Minors Act’ (UTMA) ทำให้ผู้ปกครองตามกฎหมายสามารถคงความเป็นเจ้าของบัญชีและทรัพย์สินไว้ได้จนกว่าวัยรุ่นจะอายุ 18 ปี โดยวัยรุ่นจะมีสิทธิ์เข้าถึงและเริ่มต้นการซื้อขาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ปกครองก่อน โดยผู้ปกครองสามารถตั้งค่าขีดจำกัดการซื้อขายและการลงทุนสำหรับบุตรหลานของตนได้ และ Stack กำหนดให้ธุรกรรมทั้งหมดต้องผ่านแพลตฟอร์มของตน จะยังไม่อนุญาตให้มีการโอนเหรียญนอกแพลตฟอร์มไปยัง Exchange เจ้าอื่นในขั้นตอนนี้เพื่อลดความผิดพลาดและการเกิด Scam

รู้จัก Stack แพลตฟอร์มที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสอนวัยรุ่นและผู้ปกครองให้เข้าใจการเทรดคริปโตเคอเรนซีมากยิ่งขึ้นโดยปัจจุบัน Stack มีบริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลอยู่แล้วด้วยกันเจ็ดรายการ ได้แก่ Bitcoin (BTC), Ether (ETH), Cardano (ADA), Solana (SOL), USD Coin (USDC), Litecoin (LTC) และ Polygon (MATIC) แต่ Stack นอกจากนี้ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขาย แต่ผู้ใช้จะเสียเป็นค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกเพื่อรับข้อมูลอยู่ที่ $3.00 ต่อเดือน แอปพร้อมใช้งานบนอุปกรณ์ Android และ IOS

นอกจากการเปิดตัวในเดือนกันยายน บริษัทยังเปิดเผยว่าได้ระดมทุนมูลค่า 2.7 ล้านดอลลาร์จาก Madrona Venture Group ที่เห็นถึงโอกาสการเติบโตของตลาด ซึ่ง Gen Z จะเติบโตกลายเป็นผู้บริโภคและผู้ประกอบการในรุ่นต่อจากนี้ โดยการเพิ่มทุนจะยิ่งช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันรวมถึงโปรแกรมให้ความรู้ทางการเงินที่เน้นไปยังโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่เป็นพันธมิตรได้ต่อไป ขั้นต่อไปของ Stack ได้เตรียมยกเครื่องคอนเทนต์ด้านการศึกษาที่รอบคอบมากขึ้น มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และมุ่งเป้าที่จะขยายขอบเขตไปยัง NFTs, Metaverse และ Web 3 ต่อไป


อ้างอิงข้อมูลจาก 

Stack banks $2.7M to teach teens, parents about crypto

Stack releases crypto trading app aimed at teens and parents

64% of US blockchain-versed parents want crypto taught in schools: Survey

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก LLMs’ Explainability การเข้าใจกลไกสมอง AI หนึ่งใน Tech Trends 2025 ที่จะมาเปลี่ยนโลกเอไอ

เจาะลึกเบื้องหลัง Large Language Models (LLMs) และเทคโนโลยี LLMs’ Explainability ที่ช่วยเปิดเผยกระบวนการทำงานของ AI จากกล่องดำสู่ความโปร่งใส ความก้าวหน้าที่เปลี่ยนโลก AI ในอนาคต!...

Responsive image

รู้จัก AI Product Management สายงานที่ Andrew Ng ชี้มาแรง

สำรวจบทบาท AI Product Management และเหตุผลที่ Andrew Ng ยกให้เป็นตำแหน่งสำคัญในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ AI ตั้งแต่การพัฒนาแนวคิดจนถึงการนำไปใช้งานจริง...

Responsive image

เปิดกลยุทธ์ธุรกิจยุคใหม่ พลิกข้อมูล สู่ขุมทรัพย์ด้วย analyticX ด้วยพลัง Telco Data Insights และ GenAI

ยุคนี้ใคร ๆ ก็พูดถึง Data แต่จะใช้ Data อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหากคือกุญแจสำคัญ! ในสัมมนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "Unlocking Data-Driven Decisions with Telecom Data Insights" ที่จั...