ไข 5 ความลับไต้หวัน ที่ทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์แกร่งที่สุดในโลก | Techsauce

ไข 5 ความลับไต้หวัน ที่ทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์แกร่งที่สุดในโลก

หากพูดถึงผู้นำอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของโลกในปัจจุบัน ไต้หวันคือผู้เล่นสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะในด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่กลายเป็น "หัวใจสำคัญ" ของสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และเครื่องเล่นเกมหลายแบรนด์ทั่วโลก

ตัวแทนที่ชัดเจนที่สุดของความสำเร็จนี้คือ TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) ซึ่งครองตลาดด้วยส่วนแบ่งสูงถึง 54% ของรายได้จากการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 2020 และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้ไต้หวันกำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจด้านเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก

ไต้หวันกลายเป็นเจ้าแห่งเซมิคอนดักเตอร์ของโลกได้อย่างไร ?

ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกันก่อนว่า เซมิคอนดักเตอร์ หรือวัสดุกึ่งตัวนำ ใช้ทำอะไรบ้าง วัสดุชนิดนี้มีความสามารถพิเศษในการควบคุมการนำไฟฟ้า โดยทั่วไปมักทำจากซิลิคอน แต่ยังมีวัสดุอื่นที่นำมาใช้งาน เช่น กราฟีน เจอร์เมเนียม และซิลิคอนคาร์ไบด์ จุดเด่นของเซมิคอนดักเตอร์คือความสามารถในการปรับตัวนำไฟฟ้าตามสภาพแวดล้อม ทำให้กลายเป็นส่วนสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่

เซมิคอนดักเตอร์มีบทบาทสำคัญในอุปกรณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์เล่นเกม เรียกได้ว่าเซมิคอนดักเตอร์คือหัวใจหลักของเทคโนโลยียุคปัจจุบัน และยังเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคตอีกด้วย

และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้ไต้หวันกำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจด้านเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก

1. ครองส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก

ไต้หวันได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่ตั้งแต่ปี 1970 อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันเริ่มต้นในปีนี้ เมื่อรัฐบาลต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจ

การจัดตั้ง สถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (ITRI) เป็นก้าวแรกที่สำคัญ โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยโครงการแรกคือการพัฒนาวงจรรวม (Integrated Circuit) ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งบริษัทเซมิคอนดักเตอร์แห่งแรกของไต้หวัน United Microelectronics Corporation (UMC) ในปี 1981

ต่อมาในปี 1987 บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ก่อตั้งขึ้นโดย มอริส ชาง และใช้โมเดลธุรกิจ “โรงงานผลิตไร้แบรนด์” (Fabless Foundry) ที่เน้นผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้กับบริษัทอื่น ๆ โดยไม่ออกผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ทำให้ดึงดูดลูกค้าระดับโลก เช่น Apple, Qualcomm และ MediaTek ซึ่งโมเดลนี้ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลกและทำให้ TSMC เป็นผู้นำตลาด

จนในปี 2007 ไต้หวันก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตไมโครชิปอันดับสองของโลก แซงหน้าสหรัฐอเมริกา แต่ยังตามหลังญี่ปุ่น และข้อมูลปี 2020 จาก TrendForce ระบุว่า TSMC ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 54% ของรายได้โรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก

และในปี 2022 ไต้หวันส่งออกเซมิคอนดักเตอร์มูลค่ารวม 184 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 25% ของ GDP อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันเศรษฐกิจไต้หวันและทำให้ประเทศเป็นจุดศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก

2. มี TSMC ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการ

บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ได้กลายเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดย TSMC เลือกที่จะมุ่งเน้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้กับบริษัทอื่น ๆ โดยไม่ผลิตสินค้าในชื่อของตัวเอง กลยุทธ์นี้ช่วยให้บริษัทไม่ต้องแข่งขันโดยตรงกับลูกค้า และสร้างความไว้วางใจในฐานะพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ

ในปี 2021 TSMC ครองส่วนแบ่งตลาดการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ถึง 53% ของตลาดโลก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในส่วนแบ่งตลาดรวมของไต้หวันที่สูงถึง 65% นอกจากนี้ TSMC ผลิตชิปให้กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย เช่น Apple, Qualcomm และ MediaTek

โดยเฉพาะ Apple ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด มีส่วนแบ่งรายได้ถึง 25% ของ TSMC ในปี 2021 ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่แข่งขันกับลูกค้า และการสร้างความเชื่อมั่นผ่านคุณภาพและความน่าเชื่อถือ TSMC ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงคอมพิวเตอร์

3. ข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ของไต้หวัน

ไต้หวันได้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลก ด้วยปัจจัยสำคัญหลายประการที่ช่วยผลักดันความสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้

  • แรงงานที่มีทักษะสูง: ไต้หวันมีวิศวกรและช่างเทคนิคที่มีการศึกษาระดับสูงจำนวนมาก พนักงานเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ และด้วยต้นทุนค่าแรงที่สามารถแข่งขันได้ ทำให้การผลิตมีความคุ้มค่า
  • การสนับสนุนจากรัฐบาล: รัฐบาลไต้หวันให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างเต็มที่ โดยการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงินอุดหนุนให้กับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ มีพื้นที่ในการพัฒนาและเติบโต
  • เครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการดึงดูดธุรกิจและซัพพลายเออร์จำนวนมากมาร่วมกันสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิต และสร้างข้อได้เปรียบจากการทำงานร่วมกัน (Economies of Scale)
  • อุปสรรคในการเข้าถึงตลาด อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มีการแข่งขันสูง และมีอุปสรรคสำหรับผู้เล่นรายใหม่ การเปิดโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล รวมถึงต้องใช้ทักษะทางวิศวกรรมขั้นสูง และเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ไต้หวันได้ก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ไปแล้ว จึงครองความได้เปรียบในตลาดโลก

ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ ไต้หวันจึงกลายเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทอย่าง TSMC ที่เป็นผู้นำระดับโลกในสายงานนี้

4. มีศักยภาพการสร้างรายได้ระยะยาว

อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 2022 มีรายได้รวมเกือบ 600 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเซมิคอนดักเตอร์ในเทคโนโลยีและเศรษฐกิจโลก 

อย่างไรก็ตาม หลังการระบาดของโควิด-19 แม้การผลิตชิปจะฟื้นตัวและรายได้เพิ่มขึ้น แต่อุตสาหกรรมยังคงเผชิญปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และปัญหาด้านการจัดสรรกำลังการผลิต

ในปี 2023 คาดการณ์ว่า รายได้ของอุตสาหกรรมนี้จะลดลง 11.2% เหลือประมาณ 532.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ที่ลดลงในบางภาคส่วน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Gartner คาดว่า รายได้จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2024 โดยเพิ่มขึ้นถึง 18.5% ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพของอุตสาหกรรมนี้ในระยะยาว

5. อนาคตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวันยังคงสดใส

ความต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการพึ่งพาเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน แม้จะมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทาย แต่สถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (ITRI) คาดการณ์ว่า มูลค่าการผลิตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวันในปี 2023 จะเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีมูลค่าสูงถึง 161.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

หนึ่งในปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตคือเทคโนโลยีการผลิตชิป 3 นาโนเมตร ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ชิปขั้นสูงเหล่านี้ ผลิตโดย TSMC บริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ชิป 3 นาโนเมตรถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์หลากหลาย ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงเครื่องบินรบ มีการคาดการณ์ว่าชิปรุ่นใหม่เหล่านี้จะช่วยสร้างมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า

อนาคตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวันยังคงสดใส ด้วยแรงสนับสนุนจากแรงงานที่มีทักษะสูงและนโยบายส่งเสริมจากรัฐบาล ไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรเพียง 23 ล้านคน ยังคงยืนหยัดเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

อ้างอิง: linkedin

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก LLMs’ Explainability การเข้าใจกลไกสมอง AI หนึ่งใน Tech Trends 2025 ที่จะมาเปลี่ยนโลกเอไอ

เจาะลึกเบื้องหลัง Large Language Models (LLMs) และเทคโนโลยี LLMs’ Explainability ที่ช่วยเปิดเผยกระบวนการทำงานของ AI จากกล่องดำสู่ความโปร่งใส ความก้าวหน้าที่เปลี่ยนโลก AI ในอนาคต!...

Responsive image

รู้จัก AI Product Management สายงานที่ Andrew Ng ชี้มาแรง

สำรวจบทบาท AI Product Management และเหตุผลที่ Andrew Ng ยกให้เป็นตำแหน่งสำคัญในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ AI ตั้งแต่การพัฒนาแนวคิดจนถึงการนำไปใช้งานจริง...

Responsive image

เปิดกลยุทธ์ธุรกิจยุคใหม่ พลิกข้อมูล สู่ขุมทรัพย์ด้วย analyticX ด้วยพลัง Telco Data Insights และ GenAI

ยุคนี้ใคร ๆ ก็พูดถึง Data แต่จะใช้ Data อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหากคือกุญแจสำคัญ! ในสัมมนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "Unlocking Data-Driven Decisions with Telecom Data Insights" ที่จั...