หลังการประกาศยุบสภาโดยนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 การเมืองไทยเดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ โดยมีกรอบการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 เป็นหมุดหมายถัดไป
ท่ามกลางการจับตาไทม์ไลน์และสมการการเมือง สิ่งหนึ่งที่เริ่มเห็นชัดขึ้น คือ วิธีคิดของพรรคการเมืองบางพรรค ที่กำลังเปลี่ยนจากการพึ่งพานักการเมืองอาชีพเพียงอย่างเดียว ไปสู่การดึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล

หนึ่งในความเคลื่อนไหวที่ถูกพูดถึง คือ การเปิดตัวทีม Tech Squad ของพรรคประชาชน ซึ่งประกอบด้วยบุคคลจากวงการสตาร์ทอัพ อีคอมเมิร์ซ และสื่อเทคโนโลยี ที่มีประสบการณ์ทำงานกับระบบดิจิทัลในโลกจริง
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Tech Ecosystem ของไทยขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่การเกิดขึ้นของสตาร์ทอัพระดับ Unicorn การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจ ไปจนถึงการทำธุรกรรมดิจิทัลที่กลายเป็นเรื่องปกติของผู้บริโภค
ในขณะเดียวกัน โครงสร้างของภาครัฐจำนวนมากยังคงทำงานบนระบบเดิมทั้งในเชิงเทคโนโลยี กฎหมาย และกระบวนการตัดสินใจเชิงนโยบาย การเชื่อมโยงข้อมูลข้ามหน่วยงานยังมีข้อจำกัด และการออกแบบนโยบายบนฐานข้อมูลยังเกิดขึ้นในวงจำกัด
บริบทนี้ทำให้การดึงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเข้าสู่สนามการเมือง ถูกมองว่าเป็นความพยายามลดช่องว่างระหว่างโลกดิจิทัลของเอกชน กับระบบราชการของรัฐ
ภายใต้ช่องว่างดังกล่าว พรรคประชาชนได้ประกาศรายชื่อบุคคลจากแวดวงเทคโนโลยี 3 ราย เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมในระบบ สส. บัญชีรายชื่อ ได้แก่
ผู้ก่อตั้ง StockRadars แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนในตลาดหุ้น ที่มุ่งทำให้ข้อมูลทางการเงินซึ่งซับซ้อน กลายเป็นข้อมูลที่ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย StockRadars ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค และมีความร่วมมือกับโบรกเกอร์ทั้งในและต่างประเทศ
ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซยุคแรกของไทย เคยก่อตั้งธุรกิจค้าขายออนไลน์ก่อนจะขายกิจการให้กับ Rakuten จากญี่ปุ่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย และมีบทบาทในการผลักดันประเด็นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ SME และเศรษฐกิจดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง
ผู้ก่อตั้ง Blognone แพลตฟอร์มข่าวเทคโนโลยีและชุมชนด้านไอทีของไทย (ปัจจุบันอยู่ในเครือ LINE MAN Wongnai) และผู้ร่วมก่อตั้ง Brand Inside มีประสบการณ์ด้านสื่อเทคโนโลยี การติดตามนโยบายดิจิทัล และการอธิบายประเด็นซับซ้อนให้สังคมเข้าใจได้ง่าย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นคนจากแวดวงเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ เข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ไม่ว่าจะในฐานะที่ปรึกษา ทีมวางนโยบาย หรือผู้สมัครรับเลือกตั้ง การเปิดตัวทีม Tech Squad ของพรรคประชาชน หลังการยุบสภาปลายปี 2568 เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนเทรนด์นี้
เหตุผลสำคัญข้อแรก คือ นโยบายรัฐกลายเป็นตัวแปรหลักของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี กฎหมายด้านข้อมูล แพลตฟอร์มดิจิทัล และฟินเทค ส่งผลโดยตรงต่อการทำธุรกิจ คนสายเทคจำนวนหนึ่งจึงเลือกเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นน้ำ แทนการรอแก้ปัญหาภายหลัง
และอีกเหตุผลหนึ่ง คือ ช่องว่างระหว่างความเร็วของโลกดิจิทัลกับระบบราชการแบบเดิม หลายคนมองว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่วิธีคิดและการออกแบบระบบ การเมืองจึงถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้มากกว่า ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีก็กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตั้งแต่บริการรัฐ การเงิน ไปจนถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ ทำให้การตัดสินใจเชิงนโยบายต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกจากผู้ที่ทำงานกับเทค ฯ โดยตรง
ในหลายประเทศ เราเห็นตัวอย่างของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นสายเศรษฐกิจ เทคโนโลยี หรือสิ่งแวดล้อม เข้ามามีบทบาทในรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติ โดยไม่ได้เติบโตมาจากเส้นทางนักการเมืองอาชีพ
การเปิดพื้นที่ให้คนจากภาคเอกชนเข้ามาในระบบการเมือง จึงถูกมองว่าเป็นทางเลือกในการเพิ่มมุมมองใหม่ และลดการผูกขาดการตัดสินใจของกลุ่มเดิม ๆ แม้จะยังต้องพิสูจน์ในทางปฏิบัติ แต่แนวคิดนี้ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
การปรากฏตัวของ Tech Squad ครั้งนี้ อาจไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มสีสันให้สนามการเมือง แต่สะท้อนคำถามสำคัญว่า ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การเมืองไทยพร้อมแค่ไหนที่จะเปิดพื้นที่ให้คนสายเทคเข้ามามีบทบาทในระดับนโยบายอย่างจริงจัง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด