หากลองนึกดูแล้ว คลาวด์ คือคำที่เริ่มจะคุ้นหูเราทุกคนมากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าเติบโตควบคู่ไปกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่เมื่อพิจารณาจะเห็นได้ว่าแท้จริงแล้ว คลาวด์ แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนมาโดยตลอดเป็นเวลานาน ตั้งแต่การใช้งานคลาวด์ในลักษณะที่ทำงานทั่วไปในออฟฟิศในรูปแบบการทำงานที่ไม่ติดตั้งอยู่บนเครื่อง แต่อยู่บนคลาวด์ การหา Insights ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า การทำ Database ก็สามารถทำงานอย่างมีเสถียรภาพบนคลาวด์ได้ หรือแม้กระทั่งการไลฟ์สดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งถือเป็นการสร้าง Engagement ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัลโดยทั้งหมดล้วนอาศัย Cloud Solutions ทั้งนั้น จึงพูดได้ว่า คลาวด์ ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทอย่างมาก จนเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ทาง Techsauce อยากให้ทุกคนได้รู้จักเพิ่มเติม
วันนี้ Techsauce จะพาทุกคนไปรู้จัก คลาวด์ ให้มากขึ้น ทั้งในแง่มุมของเทรนด์เทคโนโลยีคลาวด์ ที่กำลังมาแรง สิ่งที่ผู้ประกอบการควรเตรียมรับมือ และยังเจาะลึกไปยังฝั่งของผู้ให้บริการอย่าง Tencent Cloud (เทนเซ็นต์ คลาวด์) กับคุณชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หรือ Chief Operation Officer (COO) บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด
ภาพรวมที่เราเห็นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกทุกวันนี้ ที่ชัดเจนเลยคือกิจกรรมและธุรกิจต่าง ๆ ล้วนปรับเข้าสู่รูปแบบออนไลน์ ถึงแม้เราอาจจะเห็นเทรนด์ออนไลน์กันมาก่อนหน้าการเกิดโรคระบาดแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า COVID-19 เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการแสดงให้ผู้คนเห็นว่าทุกอย่างสามารถทำให้สำเร็จได้ ผ่านวิธีการแบบออนไลน์ เราเห็นธุรกิจแบบดั้งเดิมต่างหาช่องทางจะพาตัวเองมาสู่ออนไลน์มากขึ้น รวมไปถึงอีกหลายหลายอุตสาหกรรมก็ต้องปรับตัวให้ทันเช่นกัน ยิ่งในเอเชียแล้วซึ่งเทคโนโลยีก้าวกระโดดมาก ๆ หากเทียบกับทางฝั่งยุโรปที่ผู้คนค่อย ๆ ขยับตัวเองเข้าใกล้เทคโนโลยีทีละขั้นจากคอมพิวเตอร์มาที่โทรศัพท์มือถือ แต่ในเอเชียคือการกระโดดลงเข้าสู่การใช้งานโทรศัพท์มือถือเลย เราเห็นทุกสิ่งสามารถทำได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่ง Tencent cloud เองก็อยากจะมีส่วนเข้ามาช่วยพัฒนาและลงทุนในเทคโนโลยีที่น่าสนใจเหล่านี้
ในช่วงที่ผ่านมาคำว่า คลาวด์ เรียกได้ว่าถูกใช้อย่างแพร่หลายมากในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และทุกวันนี้ก็มี Cloud Computing บน Public Cloud ให้บริการอยู่มากมาย และ Tencent Cloud เองก็คือหนึ่งในผู้ให้บริการที่พร้อมจะให้บริการกับผุ้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงแพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีอยู่หลากหลายได้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี AI ที่รองรับความต้องการที่ลงลึกในทุกแง่มุม และที่สำคัญ ยังมี Data Center ในไทยพร้อมอีกด้วย
ต้องบอกว่า Tencent นั้นได้ให้บริการในประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้ว และให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากอย่างเป็นพิเศษ โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อที่จะสามารถรู้ได้ว่าบริการของเราตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการหรือไม่ เพื่อปรับปรุงงานอย่างใกล้ชิด มี Account team คนไทยที่พร้อมให้บริการ หรือสามารถคุยกับพาร์ทเนอร์ในไทยแบบเฉพาะทางก็ย่อมได้ นอกจากนี้ Tencent Cloud ยังให้ความสนใจกับนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีความเฉพาะเจาะจงไปตามความต้องการของลูกค้า โดยนำประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับพันธมิตร และลูกค้ามาวิจัย และพัฒนา เพื่อช่วยยกระดับให้กับธุรกิจของลูกค้าได้ อย่างธุรกิจ B2C เราได้นำ Data มารวบรวม และจัดประเภทเพื่อช่วยพัฒนา และยกระดับธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงเรายังสามารถช่วยพัฒนาธุรกิจที่ไม่คุ้นเคยกับ คลาวด์ ให้มาใช้งาน คลาวด์ ได้อีกด้วย หรือแม้กระทั่งการใช้ Big Data เพื่อความก้าวหน้า เราเองก็มีบริการในระดับนั้นด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น การมี Data Center ในประเทศไทยถึง 2 แห่ง นอกจากจะมีส่วนช่วยธุรกิจที่ต้องการเก็บข้อมูลของลูกค้าไว้ในประเทศ และไม่ให้รั่วไหลออกไปนอกประเทศ ยังเป็นการตอกย้ำ Commitment ของเราที่ต้องการสนับสนุนให้องค์กรทุกขนาดสามารถปรับใช้ระบบปฏิบัติการคลาวด์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถ พร้อมสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้กับองค์กรต่าง ๆ ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้จะช่วยยกระดับและผลักดันศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต ซึ่งทาง Tencent Cloud ก็ได้มีการเสนอร่วมกับ AI Solution เพื่อเข้าไปช่วยตอบโจทย์ในการทำงาน นอกจากผลออกมาดีแล้วยังเป็นไปตามข้อกฎหมายอีกด้วย หรือการช่วยทำให้ระบบการทำงานของกลุ่มธนาคารมีความปลอดภัย และรวดเร็วขึ้น ผ่านการนำเสนอระบบยืนยันใบหน้าแทนการเข้ารหัสแบบปกติ
ที่ผ่านมาเราคุ้นเคยกับการที่เห็นว่าคลาวด์คือพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูล และหลายคนคงทราบว่าการจะเป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Storage) ก็ต้องมีส่วนประกอบสำคัญอื่นๆ ตั้งแต่ Computing, CPU และ Network และในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการพัฒนาในเทคโนโลยีอีกมากเพื่อนำมาปรับใช้ นอกจากนี้ คลาวด์ ยังมีอีกหลายหลาย Solution ที่เข้ามาทำหน้าที่ในการช่วยธุรกิจแต่ละประเภท
สำหรับ Tencent Cloud เรามีแพลตฟอร์มเป็นส่วนหนึ่งของการบริการ โดยทั้งหมดใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย อย่าง API’s และ SDKs ที่ถูกสร้างมาเพื่อสามารถตอบโจทย์เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น เรามี AI Solution หลายรูปแบบ และยังมี Data Solution, Big Data Analytics Solution พูดรวม ๆ คือเรามี Smart Solutions เพื่อตอบโจทย์ในแต่ละอุตสาหกรรมที่พร้อมจะให้บริการตามความต้องการของลูกค้า และอีกหลากหลายเทคโนโลยีอัจฉริยะ ให้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ ด้วยทีมงานในประเทศที่พร้อมช่วยเหลือ และยังมีพาร์ทเนอร์ในประเทศไทย ที่มีความสามารถหลากหลาย รวมทั้ง Data Center ในไทย ซึ่งรองรับกับ PDPA ที่กำลังจะเริ่มอย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่จะช่วยให้องค์กรของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าสิ่งแรกคือการสร้างความเติบโตทางธุรกิจ Tencent นั้นเราทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทยมายาวนานหลายปี ซึ่งในส่วนของ Tencent Cloud เราเพิ่งมีการเปิดตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเราพยายามที่จะพัฒนา Footprint ในประเทศไทยมาโดยตลอด และยังมีการสร้าง Data Center แห่งที่สองในไทยเพื่อให้มั่นใจได้ทั้งในเรื่อง Capacity ในการขับเคลื่อนธุรกิจ และการเก็บข้อมูลขององค์กรต่าง ๆ ที่ต้องการรักษาข้อมูลไว้ในประเทศอีกด้วย หากลองดูที่ผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดของ Tencent Cloud จะเห็นว่ามีผลิตภัณฑ์ และบริการที่หลากหลายมาก แม้ Tencent Cloud เองจะเพิ่งเข้าสู่ตลาดคลาวด์ในประเทศไทยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เราก็มีความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการทางธุรกิจและต้องการอยู่เคียงข้างโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการความยืดหยุ่นและความคล่องตัวอย่างมากในปัจจุบัน และเรามีการลงทุนในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จะเห็นจากการที่เรามีทีมงานและ Data Center ที่ครอบคลุม ในขณะเดียวกันเราก็พยายามที่จะพาตัวเองขึ้นเป็นผู้เล่นระดับต้น ๆ ให้ได้
หากมองมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในไทยจะเห็นได้ว่ามีบางอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างเด่นชัด
อุตสาหกรรมการผลิต - หลายโรงงานมีการใช้บริการคลาวด์ และยังมีการใช้ Private Cloud อีกด้วย เรามีตัวอย่างที่น่าสนใจอยู่ในประเทศจีน ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าจีนคือประเทศแห่งอุตสาหกรรมโรงงาน พวกเขาใช้เทคโนโลยีของ Tencent Cloud ในการที่จะพาธุรกิจให้เติบโตไปอีกขั้น
ธุรกิจค้าปลีก - อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังเติบโต โดยสำหรับกลุ่มธุรกิจนี้ Tencent Cloud ได้มีการให้บริการ Smart Retail Solution อย่าง Video on Demand ที่เราสามารถส่งวิดีโอไปยังลูกค้าที่มีความต้องการได้เลย รวมถึงธุรกิจรูปแบบดั้งเดิมที่ต้องการมาอยู่ในรูปแบบออนไลน์ เราก็มีหลากหลายบริการที่จะช่วยในการปรับธุรกิจเช่นกัน
กลุ่มธนาคาร และสถาบันการเงิน - ถึงแม้เราเห็นว่ากลุ่มธนาคารยังดูเป็นกลุ่มธุรกิจแบบดั้งเดิม แต่ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารเองก็ปรับตัวกันอย่างมาก และเริ่มมีผลิตภัณฑ์บริการทางออนไลน์ออกมาหลากหลาย สำหรับ Tencent Cloud เราสามารถเข้าไปช่วยให้กระบวนการ และผลิตภัณฑ์บริการเหล่านั้นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงาน ลดปัญหาการกระตุก และยังมีอีกมากมาย อย่างการป้องกันการฉ้อโกง และการใช้ใบหน้า ยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรม
ธุรกิจสื่อและคอนเทนต์ - กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจอีกกลุ่ม และมีจำนวนมากในประเทศไทย รวมไปถึง Tencent เองด้วย เรามาจากธุรกิจสื่อและคอนเทนต์ทำให้เรามีจุดแข็งในด้านสื่อและผลิตภัณฑ์สำหรับ B2C อย่างมาก
โดยส่วนตัวคิดว่าในอนาคตเกือบทุกกิจกรรมก็จะถูกทำ ในรูปแบบออนไลน์อย่างผสมผสาน อย่างเช่น ธุรกิจหรือบริการที่ขึ้นอยู่กับการทำงานแบบ Face to face หรือการพบหน้า ก็จะหายไปตามกาลเวลา ซึ่งเทคโนโลยีอย่าง Virtual Hosts ก็จะเป็นสิ่งที่นิยมมาก ๆ ในอนาคต หรือการขายของแบบที่สร้าง Engagement พร้อมไปกับการ Entertaining ลูกค้าอย่าง Live Streaming ก็จะทำได้หลากหลายขึ้นและเจ้าของธุรกิจสามารถใช้งานได้ทันที เพราะเช่าใช้ได้แบบ As a service ซึ่งจะเป็นเทรนด์ที่เทนเซ็นต์เอง เป็นผู้เล่นหลักอย่างเต็มตัว และการทำงานโดยมีหลังบ้านที่เป็นดิจิทัล นำ Data มาใช้อย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังสามารถนำ Data นั้นมาประยุกต์แก้ไขปรับใช้ในทุกมิติ ก็จะเป็นการทำการตลาดรูปแบบใหม่ ที่เอาใจทุกเพศ ทุกวัย เพราะเข้าใจ Insight ลูกค้าได้ลึกซึ้งมากขึ้น และยังยืดหยุ่นพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ เพื่อสร้าง Resiliency capability ในอนาคตอีกด้วย ดังนั้นในอีก 5 ปี ธุรกิจรูปแบบดั้งเดิม ก็จะค่อย ๆ ปรับไปตามความต้องการลูกค้ามากขึ้น ลึกซึ้งขึ้น เก่งในการปรับตัวมากขึ้นด้วย Cloud Smart Solutions
คงเป็นเรื่องของอัตราการปรับตัวที่สูงขึ้น การที่ COVID-19 เกิดขึ้น แน่นอนว่าส่งผลให้คนตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นการพาตัวเอง และธุรกิจให้ไปใช้งาน คลาวด์ มากขึ้นหรือการปรับตัวให้มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น เพราะปัจจุบันคุณต้องหาวิธีในการที่จะเข้าถึงลูกค้าให้ได้เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถมาหาคุณได้ คุณต้องเรียนรู้ที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone และเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีคลาวด์ หรือหลายเทคโนโลยีที่มีเพื่อจะเพิ่ม Market Share ให้กับธุรกิจของคุณ โดยเทคโนโลยีคลาวด์ เองมีหลาย Solution มากมาย อาจจะเริ่มต้นที่โครงสร้างของ คลาวด์ อย่างการจะทำยังไงให้องค์กรของคุณทำงานอย่าง ชาญฉลาด และคล่องตัวขึ้น พูดง่าย ๆ ว่าไม่ใช่แค่การเอาธุรกิจมาไว้บน คลาวด์ แต่คือการนำเอา Core Business มาอยู่บนเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
คุณ ชาง ฟู กล่าวว่า “ผู้ประกอบการควรเปิดใจ Cloud Solutions เองมีหลากหลายรูปแบบ การใช้คลาวด์ทำให้เราปรับทุกอย่างเข้าเป็น Operation Cost เพื่อเตรียมความพร้อมให้เกิดการยืดหยุ่น ต้องไม่ใช่การลงทุน แต่ใช้จ่ายไปตามจำนวน ดังนั้น หากต้องการ Digital Enable ที่ช่วย Optimize Cost ได้ ก็อยากให้เปิดใจ ลองคุยกับ Tencent Cloud เราเองมีลูกค้าในหลายธุรกิจ และในการสัมภาษณ์หลาย ๆ ที่มักจะมีคำถามเช่นนี้กับผมเสมอ ซึ่งการตั้งเป้าหมายว่าจะนำพาธุรกิจไปสู่ความเป็นดิจิทัลนั้นถือเป็นความท้าทายที่ดูยิ่งใหญ่ และมันก็ดีที่คุณจะมีเป้าหมายในการจะปรับตัวสู่ความเป็นดิจิทัล แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็ต้องเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ และค่อย ๆ คิดว่าโปรเจกต์ของคุณจะเป็นรูปแบบไหน ที่จะตอบโจทย์มากที่สุด และที่สำคัญเมื่อมองเห็นทิศทาง และมีแผนทีเป็นรูปธรรมขึ้นแล้ว การมองหาผู้ให้บริการคลาวด์ที่มีประสบการณ์ น่าเชื่อถือ และไว้วางใจได้ รวมถึงเป็นผู้ให้บริการที่มีผลิตภัณฑ์ และบริการที่หลากหลาย เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ และมีประสิทธิภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญของการปรับเปลี่ยนสู่โลกดิจิทัล เพราะผู้ให้บริการจะเป็นเหมือนผู้ช่วยที่รับหน้าที่เป็น Digital Enabler ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนให้กับธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้า สร้างศักยภาพในการเติบโตให้กับธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันที่เกิดขึ้นในทุกอุตสาหกรรม ซึ่ง Tencent cloud มีความพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันธุรกิจของคุณให้สามารถก้าวสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด